จุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้เด็กคนหนึ่งซึ่งเรียนหนังสือไม่เก่งและไม่เคยมีความสุขในการเรียนตั้งแต่เด็กจนถึง ม.3 กลับมาสนใจการเรียนอย่างจริงจังอีกครั้ง คือการได้พบกับอาจารย์ที่ดีคอยดูแลเอาใจใส่ทั้งการเรียนการใช้ชีวิตอย่างอบอุ่น ถึงขึ้นทำให้เด็กคนนี้ตั้งใจว่าโตขึ้นจะเป็นครูเพื่อทำหน้าที่ถ่ายทอดความรู้สึกดีๆ ไปสู่นักเรียนเช่นเดียวกับที่เขาเคยได้รับตรงนี้ต่อไป
วันนี้เขาได้เดินตามเป้าหมายที่ตั้งใจได้สำเร็จทำหน้าที่เป็นครูสอนหนังสืออยู่บนดอย กลายเป็นที่รักของบรรดาลูกศิษย์ลูกหามากมายด้วยความมุ่งมั่นทุ่มเททั้งแรงกาย แรงใจ และทุนทรัพย์ส่วนตัว ปลุกปั้นจนนักเรียนหลายคนสามารถไปคว้ารางวัลทางด้านศิลปะทั้งวาดรูป ร้องเพลง ในหลายเวที และปีนี้มูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี ร่วมกับกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา(กสศ.) สำนักงานเลขาธิการคุรุสภา กระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงการต่างประเทศ ได้มอบรางวัล “ครูยิ่งคุณ” ให้กับ ครูชัยยศ สุขต้อ จากโรงเรียนบ้านยางเปา อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ ในฐานะครูผู้สร้างการเปลี่ยนแปลงในชีวิตลูกศิษย์ และเป็นผู้มีมีคุณูปการต่อวงการศึกษามีผลงานประจักษ์ชัดเจน
ครูชัยยศ เล่าย้อนถึงความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะเป็นครูว่า เป็นเพราะได้เจอครูที่ดี ตอนนั้นอายุ 17 มาเรียนต่อ ปวช. สาขาวิชาวิจิตรศิลป์ รุ่นแรก ที่วิทยาลัยอาชีวศึกษาเชียงใหม่ ได้เจออาจารย์ที่ดีหลายคน มากอดคอพูดคุยให้ความอบอุ่นไม่ใช่แค่สอนหน้าห้องอย่างเดียว ตอนนั้นเราไม่มีเงิน มีแค่เสื้อสองตัว กางเกงตัวเดียว ไข่ ขนม ในห้อง อาจารย์ก็คอยถามไถ่ให้ความช่วยเหลือ ให้ทั้งความรู้ อบรมนิสัยใจคอ ให้เสื้อผ้า ทุนการศึกษา จนเขาอยากส่งต่อความรู้สึกดีๆ แบบนี้ไปให้กับเด็กนักเรียนคนอื่นบ้าง
“เป็นครูครั้งแรกเมื่อปี 2540 ที่โรงเรียนแม่โขง ตั้งอยู่บนดอยห่างจากตัวเมืองอมก๋อยไป 57 กม. ตอนนั้นถนนหนทางไม่ดี ต้องเดินอย่างเดียว แบกข้าวแบกน้ำเดินลัดป่าไป มีนักเรียนมาคอยรับถ้าเป็นผู้หญิงต้องเดินถึงสองวัน เราเดินไปก็ร้องไห้ไป แต่ก็อีกด้านก็มีมุมกลับคือเราได้เห็น ไก่ฟ้า นกเงือก มอส เฟิร์น เราเรียนศิลปะมาก็มองเห็นความงามตรงนี้ที่ไม่มีใครเห็น แต่เราเห็น เปลี่ยนมุมมองเป็นการคิดบวก” ครูชัยยศเล่า
เรียนวันธรรมดา และ วันเสาร์ อาทิตย์ก็จะพาเด็กมาสอนพิเศษ ทั้งศิลปะ ร้องเพลง ด้วยความหวังจะให้เด็กเดินไปข้างหน้าด้วยตัวเองอย่างมีสวัสดิภาพ และคุณธรรม เสริมด้วยการหาที่เรียน หาทุนให้นักเรียน แม้จะป่วยเป็นเก๊าต์ และ นิ่วในไต แต่ก็ไม่เคยทิ้งหน้าที่ยังต้องนอนสอนหนังสือเป็นเวลาเกือบ 4 เดือน
ครูชัยยศ เล่าให้ฟังว่า เริ่มจากการสอนศิลปะนักเรียนที่อยู่บนดอยพื้นที่ห่างไกล ส่วนใหญ่เป็นชาวเขา เขียนรูปไม่เป็น เราก็ค่อยๆ สอนจนทุกวันนี้แต่ละปีจะมีเด็กไปได้รางวัลศิลปหัตถกรรมนักเรียนเช่น รางวัลเหรียญทองภาพจิตรกรรมไทยสีเอกรงค์ หรือเด็กที่บางคนพูดไม่ชัดเพราะเป็นชาวเขาพูดไม่มีตัวสะกดเราก็ต้องมาสอนเรื่องการออกเสียงใหม่ผันเสียง แตะลิ้น ปิดปาก บางคนไม่เข้าใจความหมายเราก็ต้องแปลเป็นภาษากะเหรี่ยง จนไปได้รางวัลระดับต่างๆ บางคนต้องใช้เวลา 2-3 ปี กว่าจะบ่มให้ขึ้นเวทีได้
“นักเรียนที่นี่ไม่มีเงินมาตัวเปล่า อุปกรณ์ฝึกหัดไม่มีเราก็พยายามหา งบประมาณที่ได้รับก็ไม่เพียงพอต่อการฝึกฝน เราก็ต้องใช้เงินส่วนตัวออกไป อย่างตอนนั้นได้รางวัลครูสอนดีได้เงิน 2.5 แสนบาทก็เอาไปซื้ออุปกรณ์ให้นักเรียนไม่มีเอาเข้ากระเป๋าตัวเองเลย ซื้อโต๊ะปิงปอง 4 ตัวซื้อ ลำโพง ที่ทำทั้งหมดก็เพื่อนักเรียน นักเรียนชุมนุมเป็นกำลังใจของผม เราไม่มีสิทธิขี้เกียจแม้แต่วันเดียว นักเรียนจะเป็นตัวกระตุ้นผม” ครูชัยยศ
เราตั้งชุมนุม To Be Number One สร้างสรรค์ชีวิตและอาชีพ สอนทั้งปิงปอง ร้องเพลง ศิลปะทุกแขนง บางเรื่องอย่างเดินแบบเราไม่มีความรู้ก็ไปซื้อซีดีมาศึกษา เปิดยูทูบดู จนทุกวันนี้เด็กที่จบไปแล้วต้องกลับมาเยี่ยมเยียน ถามว่าภูมิใจไหมก็ภูมิใจแน่เพราะเขาจบออกไปไม่ลืมผมแน่ แต่มันมีทั้งความสุข ความทุกข์ ไม่ง่ายเพราะเราต้องทำงานเยอะเกิน กระดูกสันหลังมีปัญหา แต่เราก็มีความสุขที่เห็นเด็กจบออกไปบางคนกลับมาเป็นครูพิเศษ บางคนแวะกลับมาช่วยงาน
“รางวัลครูเจ้าฟ้าที่ได้รับเป็นสิ่งที่ปรุงใจให้แก่ผมได้แช่มชื่น แต่ถึงไม่ได้รางวัลผมก็จะทำอย่างนี้ต่อไป เพราะนอกจากรางวัลที่ได้รับแล้ว สิ่งที่ผมได้รับและแช่มชื่นหัวใจก็คือการได้เห็นนักเรียนเปลี่ยนแปลงตัวเอง และก็จะทำอย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ” ครูชัยยศกล่าว