ปี 2562 ที่เพิ่งผ่านไป ถือเป็นการเริ่มต้นชีวิตนักศึกษาทุนนวัตกรรมสายอาชีพชั้นสูง รุ่น 1 ของนักเรียนนักศึกษาในระดับชั้น ปวช. และ ปวส. กว่า 2,053 คน จาก 36 สถาบันการศึกษาสายอาชีพทั่วประเทศ
รวมถึง ‘น้องแจ๋ว’ พรญาณี สมดี ชั้น ปวช.1 สาขาเทคโนโลยีสารสนเทศ วิทยาลัยการอาชีพปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา เล่าว่า ในหนึ่งปีที่ผ่านมานับว่ามีความเปลี่ยนแปลงมากมายเข้ามาสู่ชีวิต โดยเริ่มตั้งแต่ที่ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวทุนนวัตกรรมสายอาชีพชั้นสูง ของ กสศ.ทำให้ได้เรียนต่อในสาขาวิชาที่สนใจ และทำเกรดเฉลี่ยเทอมแรกได้ 4.00 ทั้งยังได้เป็นตัวแทนของวิทยาลัยเข้าร่วมแข่งขัน ‘ทักษะวิชาชีพประเภทวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ทักษะการบริหารจัดการข้อมูล’ ระดับ ปวช. ซึ่งได้ที่ 1 ของจังหวัด จนเป็นตัวแทนนักเรียนอาชีวศึกษาจังหวัดนครราชสี เข้าแข่งขันระดับภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และได้รับรางวัลที่ 5 มาในที่สุด ทั้งที่เป็นการเข้าแข่งขันครั้งแรกของเธอ
พรญาณี ยังเผยว่า ย้อนไปในช่วงที่จบชั้น ม.3 เธอและครอบครัวยังกังวลอยู่ว่าอาจจะไม่ได้ศึกษาต่อ
เนื่องจากทางบ้านไม่มีเงินพอส่งเสีย ด้วยครอบครัวของเธอมีแม่ทำงานเพียงคนเดียว พ่อเสียชีวิตไปตั้งแต่ยังเล็ก ขณะที่ยังมีพี่ชายที่ขาเสียจากอุบัติเหตุจนเดินไม่ได้ และตากับยายที่พ้นจากวัยทำงานไปแล้ว
“ยอมรับว่าในปี 2562 ที่เพิ่งผ่านไป หากย้อนคิดถึงเป้าหมายที่เคยตั้งไว้เมื่อต้นปีก่อน ก็ต้องบอกว่ารู้สึกดีใจมาก ที่การเดินทางของชีวิตมาได้ไกลกว่าที่คิด รวมถึงสิ่งที่ตั้งใจทำก็ส่งผลดีเกินกว่าที่วางเป้าหมายไว้มาก เพราะเมื่อมองกลับไปช่วงก่อนเข้าเรียน ปวช. ตอนนั้นยังไม่แน่ใจว่าจะได้เรียนต่อหรือไม่ จึงตั้งความหวังไว้แค่ว่าขอให้ได้เรียนต่อและไม่เป็นภาระของแม่มากกว่าที่เป็นอยู่ก็พอใจแล้ว” พรญาณี เปิดใจระบาย ก่อนจะกล่าวออกมาว่า
แต่การได้เข้ามาเป็นนักศึกษาทุนนวัตกรรมสายอาชีพชั้นสูง ทำให้ชีวิตเราเปลี่ยนไปในทุกด้าน เรามองว่าสิ่งสำคัญที่สุดที่ได้รับมาคือ “โอกาส” ที่ทำให้ได้เรียนหนังสืออีกครั้ง การเป็นนักศึกษาทุนฯ จึงเป็นการเตือนให้เรารู้ตัวเองเสมอว่าต้องทำเกรดให้ดี มันเป็นแรงกระตุ้นให้ตั้งใจเรียนมากเป็นพิเศษ วิธีการในการเรียนของเราคือต้องทำงานที่ได้รับมอบหมายให้ครบทุกชิ้น ทำให้ดีที่สุด และพยายามทำให้เร็วที่สุด เพื่อไม่ให้มีงานค้าง แล้วเมื่อเข้าสู่บทเรียนใหม่ๆ เราจะมีสมาธิพร้อมกับการทำความเข้าใจอย่างเต็มที่
นอกจากเนื้อหาในบทเรียนแล้ว น้องแจ๋วมองว่าการยืนอยู่ในตำแหน่งนักศึกษาทุนนวัตกรรมสายอาชีพชั้นสูง คือคุณค่าที่มากกว่าการเรียนเพื่อตัวเอง เธอจึงรับอาสาทำงานกิจกรรมหลากหลายที่อาจารย์มอบให้ รวมถึงงานแข่งขันทักษะวิชาชีพที่ได้รับคัดเลือกจากอาจารย์ให้เป็นตัวแทนวิทยาลัย โดยน้องแจ๋วมองว่าทุกกิจกรรมคือการเสริมทักษะ ความรู้ และประสบการณ์ ที่สามารถนำไปต่อยอดได้ไม่รู้จบ
“ถ้ามีกิจกรรมอะไรที่ทำได้ เราจะเสนอตัวช่วยอาจารย์ทุกครั้ง หรืองานที่อาจารย์เลือกให้เราเป็นตัวแทนของเพื่อนๆ เราก็พร้อมที่จะฝึกฝนพัฒนาตนเองเพื่อไปทำหน้าที่ให้ดีที่สุด อย่างงานแข่งขันทักษะอาชีพ ต้องใช้เวลาช่วงหลังเลิกเรียนและวันเสาร์อาทิตย์เตรียมตัวเป็นเดือนๆ เพื่อเรียนรู้เรื่องการเขียนโค้ดและการเขียนโปรแกรม ที่ในชั้นเรียน ปวช.1 ยังเรียนไม่ถึง แต่ตรงนี้เรามองว่าเหมือนได้เรียนเสริม ทุกอย่างที่อาจารย์ถ่ายทอดให้เป็นความรู้ทั้งหมด ทีแรกที่อาจารย์เลือกเรา ก็คิดว่าอยากได้รับประสบการณ์ เพราะเราเพิ่งเรียนเทอมแรกยังอยู่แค่ขั้นพื้นฐาน ส่วนความรู้ที่ใช้แข่งขันเป็นทักษะระดับสูงแล้ว เป็นส่วนที่ยากมาก ต้องเขียนโค้ดยาวหลายบรรทัด ต้องเรียบเรียงโปรแกรมได้ ต้องเรียนรู้ว่าจะทำยังไงไม่ให้มันเออเร่อ ซึ่งมันต้องอาศัยการลองผิดลองถูกจนทำได้” พรญาณีบรรยายภาพการเตรียมตัวช่วงที่ผ่านมา
สำหรับงานแข่งทักษะวิชาชีพที่น้องแจ๋วได้รางวัลที่ 1 ในระดับจังหวัด และที่ 5 ในระดับภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จากตัวแทนวิทยาลัยกว่าสิบแห่งที่เข้าแข่งขัน เจ้าตัวเล่าว่าแม้แต่ตอนประกาศผล ก็ยังไม่คิดว่าตัวเองจะได้รางวัล เพราะเป็นเวทีแรกที่ได้ลองเข้าแข่งขันจริงจัง
“เราไม่เคยเข้าร่วมแข่งอะไรแบบนี้มาก่อนเลย พอได้ยินชื่อตัวเองครั้งแรกก็ดีใจและภูมิใจมากๆ ค่ะ ตื่นเต้น ทำอะไรไม่ถูกส่วนหนึ่งของการได้ไปถึงจุดนั้นก็ต้องเชื่อมโยงไปถึงการเป็นนักศึกษาทุน นวัตกรรมสายอาชีพที่เราได้รับโอกาสมาด้วย เพราะมันคือสิ่งที่เตือนให้เรามุมานะพยายาม เราคิดว่าตัวเองไม่ได้เก่ง ดังนั้นความขยันจึงเป็นสิ่งที่ทดแทนได้ เราพร้อมเรียนรู้ทุกสิ่งที่ครูสอน รับทุกโอกาสที่ครูมอบให้ ความคิดนี้ทำให้เราไม่หยุดกับการเรียนรู้เรื่องราวใหม่ๆ ส่วนตัวแล้วคิดว่าเรื่องรางวัลที่ได้รับ หรือเกรดเฉลี่ย 4.00 เป็นเพียงผลพลอยได้ของสิ่งที่เราพยายามทำ เหนือกว่าอะไรทั้งหมดคือเราได้ทำให้แม่ดีใจไปด้วย แต่เราก็ไม่สามารถรับปากกับแม่ได้ว่าจะทำได้เกรดเท่าเดิมตลอดไป เพราะเมื่อเรียนในระดับสูงขึ้น วิชาก็จะยิ่งซับซ้อนละยากขึ้นเรื่อยๆ แต่อย่างไรก็ตามจะพยายามรักษามาตรฐานไว้ให้ดีที่สุด” พรญาณีให้คำมั่นกับตัวเอง
ท้ายที่สุด พรญาณีมองว่าในปีที่ผ่านไป(2562) จะเป็นปีที่ดีที่สุดปีหนึ่งในชีวิต และมองว่านั่นเป็นเพียงจังหวะหนึ่งของชีวิต เพราะการเรียนในระดับชั้น ปวช.1 เพิ่งผ่านไปเพียง 1 เทอม ยังมีเป้าหมายใหม่ๆ ที่ต้องทำในปี 2563 นี้ ซึ่งวางอนาคตไว้ว่าจะรักษาเกรดให้ไม่ต่ำกว่า 3.00 จนเรียนจบ และจะเต็มที่กับทุกกิจกรรมที่ได้รับมอบหมายเช่นเดิม ก่อนจะเผยเคล็ดลับด้านการเรียนไว้ว่า “ขอให้ทุกคนขยันไปเรียน ตั้งใจทำความเข้าใจในบทเรียน และหาความรู้เพิ่มเติมจากกิจกรรมต่างๆ รอบตัวด้วย เท่านี้เป้าหมายด้านการเรียนที่ตั้งใจไว้ก็จะสำเร็จได้