โครงการ #สู้วิกฤตให้น้องอิ่ม นับเป็นอีกโครงการสำคัญจากกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ที่ประสานความช่วยเหลือจากภาคส่วนต่างๆ ในสังคมลงไปช่วยเหลือเด็ก ๆ ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อ COVID-19 โดยเฉพาะเรื่องอาหารการกินหลังจากที่ต้องเลื่อนการเปิดเทอมออกไปยาวนานขึ้นราว 45 วัน
ปัจจุบัน เงินช่วยเหลือดังกล่าวได้ถูกส่งมอบไปถึงมือเด็ก ๆ และ ผู้ปกครองเป็นที่เรียบร้อย ซี่งสามารถช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้กับเด็ก ๆ ได้อย่างมาก ยิ่งในสถานการณ์ที่พ่อแม่ผู้ปกครองหลายคนต้องกักตัวอยู่บ้าน ไม่สามารถออกไปทำงานหารายได้มาเลี้ยงครอบครัวได้เหมือนในช่วงปกติ
นางอุบล ประถมยา ครูโรงเรียนวัดพิบูลวนาราม (รัฐ-สว่างชัยนาวาอุปถัมป์) จ.ราชบุรี กล่าวว่า ทางโรงเรียนได้นำเงินที่ได้รับมาไปมอบให้กับผู้ปกครองทั้ง 23 คน โดยใช้วิธีให้มารับที่โรงเรียน ซึ่งผู้ปกครองและนักเรียนดีใจมากที่ได้รับความช่วยเหลือในช่วงที่กำลังลำบากจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19
ในพื้นที่สำหรับบางคนที่รับจ้างทำงานที่ฟาร์มหมูก็อาจไม่กระทบมากแต่แค่ต้องทำงานลดลงเพราะบางที่ใช้วิธีให้ลูกจ้างทำงานวันเว้นวันเพื่อลดค่าใช้จ่าย แต่บางคนที่รับจ้างทำงานอย่างอื่นจะได้รับผลกระทบมาก บางคนต้องตกงานมาอยู่บ้านเฉยๆ บางคนที่เคยปลูกผักขายจาก กก.ละ 20 บาท ช่วงนั้น ราคาตกเหลือ กก.ละ 5 บาท เพราะร้านค้า ร้านอาหารปิดกิจการ ไม่มีคนรับซื้อผัก คล้ายกับคนที่ทำสวนลำไยก็ขายไม่ได้ต้องหากคนที่มีกำลังไปช่วยกันซื้อ ทำให้ช่วงนั้นเด็ก ๆ ได้รับผล กระทบมากเพราะผู้ปกครองรายได้น้อยลง ก็ต้องอยู่กันอย่างประหยัด
“ตอนเขามารับเงิน 600 บาท บางคนบอกว่าเหมือนสวรรค์มาโปรดเลย เขาดีใจมาก บางทีเราก็ไม่นึกว่าจะดีใจถึงขนาดนี้ มีอยู่บ้านหนึ่งนอกจากโควิดแล้ว บ้านเขายังถูกไฟไหม้พอดี พอได้เงินตรงนี้เขาก็เอาไปใช้อย่างน้อยก็ช่วยได้บ้าง พอถามเขาว่าน้อยไปไหม เขาบอกเลยว่าแค่ 100 เดียวก็มีค่าสำหรับเขาแล้วในช่วงเวลาอย่างนั้น บางคนอาจจะดูน้อยแต่สำหรับเขาก็พอเอาไปซื้อข้าวกินได้อีกนาน”
ครูอุบล บอกว่า เงินช่วยเหลือครั้งนี้มีประโยชน์มาก ช่วยด้านความเป็นอยู่ ปากท้อง ได้อย่างดี อย่างน้อยก็ช่วยให้เขามีกินไปอีกหลายสัปดาห์ ควบคู่ไปกับการอยู่อย่างประหยัดบางบ้านก็ใช้วิธีปลูกพืชสวนครัวกินทุ่นค่าใช้จ่าย หรือจากเดิมไม่ค่อยมีใครไปหาผักบุ้งแถวบ้านกิน ตอนนี้ก็จะเห็นว่ามีคนไปหาผักบุ้งในคลอง ไปวางแหหาปลา ทำทุกอย่างให้พออยู่ได้