กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ร่วมกับเทศบาลนครภูเก็ต จัดสัมมนาเชิงปฏิบัติการ “เทศบาลนครภูเก็ตสู่เมืองแห่งการเรียนรู้ (Phuket Learning City) เพื่อจัดทำแผนการศึกษาและทบทวนการจัดทำ Blueprint ด้านการศึกษา เทศบาลนครภูเก็ต ณ โรงแรมบูกิตตา โฮเทล แอนด์ สปา จ.ภูเก็ต โดยมีภาคส่วนต่างๆ ในสังคมร่วมกันกำหนด “พิมพ์เขียว” เพื่อเดินหน้าสู่เป้าหมายให้ภูเก็ตเป็นเมืองแห่งการเรียนรู้
น.ส.สมใจ สุวรรณศุภพนา นายกเทศมนตรีนครภูเก็ต กล่าวว่า กลไกการวางแผนพัฒนาการศึกษา หรือ บลูพรินท์ มีเป้าหมาย 3 ด้าน คือ 1 โอกาสทางการศึกษา ทำอย่างไรให้เด็กทุกคนเข้าถึงการศึกษาเท่าเทียมลดความเหลื่อมล้ำทำอย่างไรให้เด็กไม่หลุดจากระบบการศึกษาเพราะเชื่อมั่นว่าการศึกษาเป็นบันไดขั้นพื้นฐานทำให้คุณภาพชีวิตที่ดี สอดรับวิสัยทัศน์นครภูเก็ตต้องเป็นเมืองน่าอยู่ สร้างสรรค์ ยั่งยืน 2. คุณภาพด้านการศึกษา ถ้าผู้บริหารรู้จักนำข้อมูลมาวิเคราะห์ก็จะช่วยให้สามารถลงไปดูแลเด็กแต่ละกลุ่มได้อย่างดี และ 3 ประสิทธิภาพทางการศึกษา
ทั้งนี้ ความสำเร็จการศึกษาของเทศบาลนครภูเก็ต อยู่ที่ความร่วมมือของเครือข่ายที่จะเข้ามามีส่วนร่วมทำงานขับเคลื่อนไปด้วยกัน ที่ผ่านเทศบาลนครภูเก็ตได้ร่วมกับ กสศ. และคณะวิศวกรรมศาสตร์มหาวิทยาลัยนเรศวร นำระบบสารสนเทศ Q-info มาเป็นฐานข้อมูลสนับสนุนการบริหารจัดการศึกษาในสถานศึกษาสังกัดเทศบาลนครภูเก็ตมาตั้งแต่ปี 2559 เพื่อยกระดับคุณภาพและลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา สร้างโอกาสและเข้าถึงการศึกษาได้ทุกช่วงวัยรวมทั้งแก้ปัญหาเด็กกลุ่มเสี่ยงทั้งในระบบและนอกระบบ
“ก้าวต่อไป เราจะต้องเป็นเมืองแห่งการเรียนรู้ Learning City ซึ่งเมืองภูเก็ตเป็นของท่านทุกคน ไม่ใช่ตัวดิฉันไม่ใช่ของเทศบาล แต่เป็นเมืองที่เรารักต้องเป็นเมืองเขาเราทุกคน และจะต้องอยู่คู่กับลูกหลานต่อไป พวกเราทุกคนต้องช่วยกันทำให้ให้ลูกหลานของเราได้รู้สึกภูมิใจ โชคดีที่เกิดมาเป็นคนภูเก็ต และร่วมกันปกป้องและเป็นหนึ่งพลังสร้างเมืองขับเคลื่อนเมืองให้เป็นเมืองแห่งโอกาส เมืองแห่งความเท่าเทียม ” นายกเทศมนตรีภูเก็ต กล่าว
ดร.ไกรยส ภัทราวาท รองผู้จัดการกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) กล่าวว่า ต้องขอยินดีกับภูเก็ตที่ได้เข้ารอบสุดท้ายของการจัดทำเมืองแห่งการเรียนรู้ โดยการใช้พิมพ์เขียวในการกำหนดเป้าหมายเป็นในหนึ่งเครื่องมือสำคัญในการพัฒนาเมืองแห่งการเรียนรู้ ซึ่งทางเทศบาลนครภูก็ต มีความพร้อมในการเป็นนครแห่งการเรียนรู้ ซึ่งอยู่ที่จะร่วมกันตั้งเป้าหมายให้ชัดเจนว่า ปี 2020 จะเดินไปทางไหน โดยมี Q-info เป็นเครื่องทุ่นแรงทั้งการเก็บข้อมูล การทำ Data visualization ให้ผู้บริหารตัดสินใจได้ง่าย รวมทั้งต้องดึงการมีส่วนร่วมจากภาคส่วนต่างๆ ในสังคมทั้ง ภาครัฐ เอกชน ภาคธุรกิจ ประชาสังคมเข้ามามีส่วนร่วมในการสร้างเมืองแห่งการเรียนรู้ไปพร้อมกัน
สำหรับ การจะเดินหน้าไปสู่การเป็นแห่งการเรียนรู้มีคุณลักษณะ 6 ประการ คือ 1. การเรียนรู้ ทุกช่วงวัย 2. การเรียนรู้ ในครอบครัวและชุมชม 3. การเรียนรู้ระหว่างการทำงาน 4. การใช้เทคโนโลยีเพื่อการเรียนรู้ 5.พัฒนาคุณภาพในการเรียนรู้ และ 6. ส่งเสริมค่านิยมแห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิต หากพิจารณาไปยังเมือง ESPOO ที่ UNESCO ยกให้เมืองเมืองแห่งการเรียนรู้ มาจาก 3 ปัจจัย คือ 1. เขาคิดว่าปัญหาใหม่ ๆ ในโลกต้องการวิธีการใหม่ในการแก้ไขปัญหา คนในเมืองต้องพร้อมกันสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่แก้ปัญหาเมือง 2 . มีการทำงานร่วมกันหน่วยงานภาคส่วนต่างๆ บูรณาการจนบรรลุผลสำเร็จ และ 3. การเรียนรู้คือความสุข เยาวชนที่ค้นพบความสุขคือชีวิตการเรียนรู้ไม่สิ้นสุด
ดร.วรลักษณ์ คงเด่นฟ้า อาจารย์ประจำคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร กล่าวว่า ข้อมูลจาก ระบบ Q-info จะมีข้อมูลละเอียดต่างๆเกี่ยวกับเด็กซึ่งนำไปใช้การวางแผนการพัฒนาเพื่อเดินหน้าไปสู่เมืองแห่งการเรียนรู้ ทั้งมิติของโอกาสทางการศึกษา เช่น ข้อมูลพื้นฐานของเด็ก อัตราการเรียนต่อ การโยกย้ายถิ่น สุขภาพ ในมิติของคุณภาพการศึกษา เช่น คะแนน O-NET ป.6 ม. 3 ซึ่งพบว่าค่าเฉลี่ยเทศบาลสูงขึ้นทุกวิชา และในมิติของประสิทธิภาพ เช่น ข้อมูลครูต่อนักเรียนซึ่งพบว่าในภูเก็ตมีอัตราที่ดีกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศ