กสศ.ขยายความร่วมมือ สถ.ลุยช่วยทุนเสมอภาคปีละ 3,000 บาทแก่นร.ยากจนพิเศษสังกัด รร.อปท.ชั้นอนุบาล-ม.3 ครอบคลุม 76 จังหวัด หวังแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา อธิบดี สถ. พร้อมส่งเสริมท้องถิ่น 76 จังหวัดเร่งรัดคัดกรองนักเรียนยากจนไม่ให้ตกหล่น เชื่อมีผู้ได้รับผลกระทบช่วง COVID-19 ระบาด ยันการคัดกรองค้นหาเป็นเรื่องสำคัญ ช่วยให้เด็กยากจนเข้าถึงทุนการศึกษาตรงกลุ่มเป้าหมาย
เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2563 ที่กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.) ได้มีการประชุมชี้แจงการดำเนินงานโครงการจัดสรรเงินอุดหนุนแบบมีเงื่อนไข ประจำภาคเรียนที่1/2563 ให้แก่ นักเรียนยากจนพิเศษ (นักเรียนทุนเสมอภาค) ในสังกัดโรงเรียนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผ่านระบบ Teleconference
นายประยูร รัตนเสนีย์ อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กล่าวว่า ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก และโรงเรียนในสังกัดองค์กรปกครองท้องถิ่นทั่วประเทศมีนักเรียนชั้นอนุบาล–มัธยมศึกษาตอนต้น รวมทั้งสิ้นกว่า 9 แสนคน ที่ผ่านมา อปท. ได้ให้การช่วยเหลือเด็กที่มีความยากจนตามระเบียบทางด้านการศึกษา โดยการของบประมาณส่วนกลางไปสนับสนุนเป็นค่าใช้จ่ายปีละ 1,000 บาทต่อคนต่อปี แต่ยังไม่เพียงพอ ดังนั้นการที่กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) เข้ามาช่วยสมทบงบประมาณช่วยเหลือเด็กยากจนพิเศษตั้งแต่อนุบาลถึงม.ต้นร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพิ่มอีกปีละ 3,000 บาท ถือเป็นโอกาสดีที่จะช่วยให้นักเรียนที่ได้รับเงินอุดหนุนแบบมีเงื่อนไขสำหรับนักเรียนทุนเสมอภาคไปใช้ให้เกิดประโยชน์ทางการศึกษาอย่างสูงสุด โดยปีการศึกษา 2562 ที่ผ่านมาได้ดำเนินการนำร่องกับสถานศึกษาสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ใน 10 จังหวัด และในปีการศึกษา 2563 นี้จะขยายให้ครอบคลุมทั้ง 76 จังหวัดทั่วประเทศ เรื่องที่ กสศ.ทำจะเป็นน้ำหล่อเลี้ยงใหญ่ช่วยนักเรียนได้เพิ่มมากขึ้น
“จากสถานการณ์วิกฤตที่เกิดขึ้นในประเทศไทย ทั้งปัญหาการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และปัญหาภัยแล้ง จะส่งผลให้นักเรียนขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีสถานะเป็นเด็กยากจนพิเศษเพิ่มมากขึ้น เพราะผู้ปกครองขาดแคลนรายได้จำนวนมาก ด้วยสาเหตุทางเศรษฐกิจที่ประสบอยู่ ในปีการศึกษา 2563 เราคาดหวังว่ากลุ่มเด็กยากจนที่ได้รับการช่วยเหลือจะมีจำนวนเพิ่มขึ้น ซึ่งการที่เด็กยากจนจะได้เข้าร่วมโครงการอย่างทั่วถึง ความร่วมไม้ร่วมมือของผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้บริหารโรงเรียน ครู ถือเป็นเรื่องสำคัญ จึงอยากขอความร่วมมือท้องถิ่น ช่วยกันคัดกรองและลงไปสำรวจตรวจสอบหาข้อมูลเด็กยากจนพิเศษ อันนี้ก็จะเป็นส่วนที่ทำให้ กสศ. ได้พิจารณาอนุมัติจัดสรรงบประมาณลงไปช่วยเหลือเด็กนักเรียนยากจนเหล่านี้ได้มากยิ่งขึ้น” นายประยูร กล่าว
อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กล่าวว่า ขอเชิญชวนพี่น้องชาวองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยเฉพาะสถานศึกษา ท่านผู้บริหาร อปท. ผู้อำนวยการโรงเรียน ครู และบุคลากรทางการศึกษา ได้โปรดช่วยกันเพื่อลูกหลาน ในภาวะความยากลำบากตรงนี้ เด็กนักเรียนต้องการความช่วยเหลือ แต่ว่าการช่วยเหลือนั้นเราจะขอโดยไม่มีข้อมูลและหลักฐานก็ไม่สามารถอนุมัติได้ เพราะฉะนั้นจุดสำคัญในเรื่องของการให้ต้องขอความร่วมมือจากครูลงไปดูในการกรอกข้อมูล สำรวจ แล้วก็ส่งรายงานมาซึ่งระบบการรายงานก็ไม่ได้ลำบาก ทาง กสศ. ได้ดำเนินการจัดทำคู่มือให้อย่างง่ายดาย ขอความร่วมมือทุกท่าน และทางอปท.ยินดีให้การสนับสนุนจังหวัดท้องถิ่นในการสร้างความเข้าใจร่วมกัน
ดร.ไกรยส ภัทราวาท รองผู้จัดการกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา(กสศ.) กล่าวว่า โรงเรียนในสังกัด อปท.เป็นหนึ่งในเป้าหมายสำคัญและเป็นภารกิจที่ กสศ.จะเข้าไปช่วยเหลืออยู่แล้ว โดยในปี 2563 กสศ. ได้มีการปรับปรุงหลักเกณฑ์การพิจารณาเงินอุดหนุนช่วยเหลือเด็กยากจนพิเศษ เนื่องจากช่วงการแพร่ระบาด COVID-19 พบอุปสรรคที่ส่งผลต่อค่าเดินทางและค่าครองชีพ กสศ.อาจต้องพิจารณาความช่วยเหลือเพื่อช่วยอำนวยความสะดวกมากขึ้น ทั้งนี้ ปีงบประมาณ 2563 กสศ. สามารถจัดงบให้เด็กยากจนพิเศษในสังกัด อปท.กว่า 30,000 คน แต่หากมีนักเรียนยากจนพิเศษที่ผ่านเกณฑ์การคัดกรองมากกว่านี้ทาง กสศ. ก็จะประสานหาช่องทางจัดสรรงบประมาณจากแหล่งอื่นๆ เพิ่มเติมตามสภาพจริง
“อยากขอความร่วมมือให้ อปท.และครูกรอกข้อมูลตามสภาพจริงเข้ามาให้ได้มากที่สุด หากท้องถิ่นใดดำเนินการคัดกรองนักเรียนยากจนหรือยากจนพิเศษเข้ามาต่ำกว่าตามสภาพจริงในปีนี้ย่อมมีผลกระทบต่อการตั้งงบประมาณของ กสศ. เพื่อสนับสนุนกลุ่มเป้าหมายดังกล่าวในปีต่อๆ ไปของท้องถิ่น โดยเฉพาะในสถานการณ์โควิท-19 อยากให้ท้องถิ่นช่วยกันค้นหานักเรียนยากจนไม่ให้ตกหล่นจากการสำรวจ เพื่อให้ได้รับจัดสรรงบประมาณในปีงบประมาณถัดไปอย่างเต็มที่สอดคล้องกับสภาพจริง ในส่วนของเด็กที่เคยผ่านการคัดกรองเมื่อปีที่แล้วไม่ยากจน ถ้ามีหลักฐานเชิงประจักษ์ถึงความยากจนในปีนี้ เช่น ผลกระทบจากสถานการณ์โควิท-19 ก็สามารถกรอกข้อมูลเข้ามาคัดกรองใหม่ได้ ทางกสศ. พร้อมที่จะพิจารณาอีกครั้ง” ดร.ไกรยส กล่าว
อย่างไรก็ตามในปีนี้ กสศ.ได้ร่วมมือกับธนาคารออมสิน และธกส. เปิดบัญชีพร้อมเพย์ให้เด็ก เพื่อสะดวกต่อการส่งเงินช่วยเหลือเด็กได้อย่างรวดเร็วขึ้น และการจัดสรรเงินอุดหนุนให้นักเรียนจะเป็นการบรรเทาอุปสรรคการมาเรียนลดความเสี่ยงในการหลุดออกจากระบบการศึกษา โดยนักเรียนยากจนพิเศษทุกคนจะได้รับการจัดสรรเงินอุดหนุนจำนวน 2,000 บาทในเทอม 1/2563 นี้ ซึ่งน่าจะช่วยแบ่งเบาภาระครอบครัวได้มากพอสมควร จึงอยากเชิญชวนให้ทั้งผู้ปกครอง และโรงเรียนสังกัดท้องถิ่น ร่วมมือกันสำรวจและคัดกรองข้อมูลเข้ามาภายในวันที่ 7 สิงหาคมนี้ เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสดังกล่าว
ดร.ไกรยส กล่าวว่า ยิ่งในช่วงสถานการณ์โควิด-19 หลายครอบครัวของเด็กนักเรียนยากจนหลายต้องเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจซึ่งอาจกระทบไปถึงตัวเด็กนักเรียนจนเสี่ยงหลุดจากระบบการศึกษา ดังนั้นการคัดกรองข้อมูลนักเรียนยากจนถือเป็นขั้นตอนที่มีความสำคัญมาก เพราะจะเป็นฐานการทำงานสำคัญร่วมกับระหว่าง กสศ. และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อให้เด็กๆที่ยากจนที่สุดในประเทศได้มีโอกาสรับทุนการศึกษาจากกสศ.เพื่อสร้างโอกาสทางการศึกษาในระดับสูงต่อไปในอนาคต