คาดกันว่าการแพร่ระบาดของ COVID-19 จะทำให้เศรษฐกิจโลกหดตัวลงไม่น้อยกว่า 0.14%1 คิดเป็นมูลค่าไม่น้อยกว่า 54,000 ล้านดอลลาร์ สำหรับประเทศไทยนั้น หน่วยงานด้านเศรษฐกิจหลายแห่งมีความเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่าอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปี 2563 จะมีค่าติดลบ เนื่องจากการลดลงของมูลค่าการส่งออก การหดตัวของภาคการท่องเที่ยว การชะลอของการลงทุน รวมถึงการลดลงของกำลังซื้อในประเทศ โดย Economic Intelligence Center (EIC) ของธนาคารไทยพาณิชย์ คาดว่าอัตราการขยายตัวจะมีค่าประมาณ -0.3%2 และการคาดการณ์ของธนาคารแห่งประเทศไทยมีความเป็นไปได้ว่าอัตราการการขยายตัวจะกลายเป็น -5.3%3
การประเมินผลกระทบจากการหดตัวของเศรษฐกิจไทยในปี 2563 ที่เกิดจาก COVID-19 นั้น ควรพิจารณาในบริบทสำคัญ 2 เรื่อง เรื่องแรก คือ การที่เศรษฐกิจไทยมีอัตราการขยายตัวต่ำต่อเนื่องมานานกว่า 5 ปี เป็นการบั่นทอนความเข้มเข็งของธุรกิจจำนวนหนึ่งมาอย่างต่อเนื่อง เรื่องที่สอง คือ เศรษฐกิจไทยกำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านจากยุค 3.0 ไปสู่ 4.0 (Disruption) ดังนั้น การจะพิจารณาผลกระทบจาก COVID-19 ที่มีต่อเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะผลกระทบที่เกิดขึ้นกับตลาดแรงงงาน จึงต้องนำมาวิเคราะห์ร่วมกับบริบทสำคัญทั้ง 2 เรื่องนี้ด้วย จึงอาจกล่าวได้ว่า
สถานการณ์ที่ประเทศไทยเผชิญอยู่ในปัจจุบันคือ Covid-Disruption ที่อาจทำให้แรงงานกลุ่มเปราะบางของกลุ่มประเทศรายได้ปานกลาง ซึ่งรวมถึงประเทศไทย ต้องตกงานเพิ่มขึ้นรวมกันราว 1.7 ถึง 7.4 ล้านคน
โดยองค์การแรงงานระหว่างประเทศระบุว่า กลุ่มที่เปราะบางในกรณีนี้ ได้แก่ 1) กลุ่มผู้สูงอายุหรือผู้มีปัญหาสุขภาพ 2) กลุ่มแรงงานเยาวชน (Youth) ที่มักจะเป็นกลุ่มที่มีความเสียงสูงต่อการถูกเลิกจ้างหรือลดชั่วโมงการทำงาน โดยเฉพาะแรงงานกลุ่มที่เป็นแรงงานไร้ฝีมือ (ซึ่งเคยเกิดขึ้นมาแล้วช่วงการแพร่ระบาดของโรค MERS) 3) แรงงงานหญิง 4) แรงงานนอกระบบ และ 5) แรงงานข้ามชาติ สำหรับกรณีของประเทศไทยนั้น แรงงานเยาวชนที่เป็นกลุ่มเปราะบาง หมายถึง เยาวชนที่มีวุฒิการศึกษาไม่เกิน ม.6 ที่กำลังทำงาน และมีรายได้ไม่เกิน 6,500 บาทต่อเดือน
ภาคเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบโดยตรงมากที่สุด คือ ภาคการท่องเที่ยว และภาคเศรษฐกิจที่ทำการผลิตเพื่อส่งออก แล้วจึงส่งผลสืบเนื่องไปสู่ภาคเศรษฐกิจอื่นที่เกี่ยวข้องในห่วงโซ่อุปทาน เช่น ผลกระทบจากภาคการท่องเที่ยวไปสู่ภาคเกษตรและภาคขนส่งเป็นต้น เมื่อนำมาพิจารณาร่วมกับข้อเท็จจริงที่ว่า เศรษฐกิจไทยมีอัตราการขยายตัวที่ต่ำต่อเนื่องกันมากว่า 5 ปี และธุรกิจกำลังปรับตัวสู่ยุค 4.0 ที่จะนำเทคโนโลยีมาแทนคนมากขึ้น จึงสามารถสรุปผลกระทบต่อแรงงาน ได้ดังนี้
8 ผลกระทบต่อแรงงาน
- จะเกิดการเลิกจ้างแรงงาน โดยเฉพาะแรงงานไร้ฝีมือ และมีการปรับรูปแบบการทำธุรกิจควบคู่กันไปด้วย ซี่งทำให้แม้ว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวขึ้นมา การจ้างงานของแรงงานในกลุ่มนี้ก็จะไม่ได้กลับมาเพิ่มขึ้นมาก เนื่องจากผลการวิเคราะห์ข้อมูลภาวะการทำงานของประชากร พบว่า อาชีพที่ 20 อันดับแรกที่แรงงานเหล่านี้ทำอยู่ ล้วนแต่เป็นงานที่ใช้ทักษะไม่ซับซ้อน จึงสามารถนำเทคโนโลยีมาใช้แทนได้ หรือสามารถใช้แรงงานข้ามชาติมาแทนได้เช่นกัน โอกาสจะได้กลับมาทำงานในตำแหน่งเดิมจึงมีน้อยลง ยกเว้นแรงงานในภาคเกษตรที่อาจมีงานทำ เนื่องจากการทำเกษตรส่วนใหญ่ยังไม่ได้มีการเปลี่ยนรูปแบบการผลิตมากนัก
- แรงงานที่เดินทางจากต่างจังหวัดเข้ามาทำงานในเมือง แล้วต้องเดินทางกลับบ้านหลังถูกเลิกจ้าง มีแนวโน้มจะไปช่วยงานของครัวเรือน ซึ่งจากข้อมูลในภาคผนวก ทำให้คาดได้ว่า แรงงานส่วนใหญ่จะกลับไปสู่ภาคเกษตร
- แรงงานที่ยังอยู่ในเมืองและต้องหางานทำ จะมีอำนาจต่อรองกับนายจ้างน้อยลง จึงอาจต้องทำงานที่หนักขึ้น ได้รับค่าตอบแทนน้อยลง และเป็นการจ้างงานชั่วคราวหรือการจ้างงานนอกระบบ ทำให้ไม่ได้รับการคุ้มครองจากระบบประกันสังคม ซึ่งจะส่งผลต่อคุณภาพชีวิตในระยะยาวของตนเอง และครอบครัว
- เนื่องจากการศึกษาไม่สูง และงานที่ทำส่วนใหญ่เป็นงานที่ไม่ซับซ้อน แรงงานจึงไม่ได้พัฒนาทุนมนุษย์ในตัวให้มีมากขึ้นตามระยะเวลาการทำงาน การจะ Reskill หรือ Upskill จึงทำได้ยาก และเป็นการยากที่จะส่งเสริมให้แรงงานเหล่านี้สามารถเรียนรู้ด้วยตนเองเพื่อเสริมทุนมนุษย์ให้มีมากพอจะสร้างโอกาสในการทำงาน
- เมื่อถูกเลิกจ้างนานไป ไม่สามารถหางานที่เหมาะสมทำได้ จะทำให้ถูกตัดขาดจากตลาดแรงงาน ยิ่งว่างงานมาก โอกาสจะได้กลับเข้าสู่ตลาดแรงงานยิ่งน้อยลง
- แรงงานที่ยังไม่ถูกเลิกจ้าง อาจจะได้ร้บเงินเดือนเท่าเดิมแต่ภาระงานเพิ่มขึ้น หรือได้รับเงินเดือนน้อยลง ลดชั่วโมงการทำงาน หรือมีโอกาสก้าวหน้าในอาชีพและรายได้ลดลงกว่าเดิม
- แรงงานที่ตกงานหรืออยู่ในกลุ่มเสี่ยง อาจเลือกทำงานในธุรกิจที่ได้ประโยชน์จากการระบาดของ COVID-19 เช่น การรับจ้างขับรถส่งอาหาร การขายของออนไลน์ เป็นต้น ซึ่งงานเหล่านี้เป็นงานที่เกิดขึ้นในระยะเปลี่ยนผ่าน (Transitional Jobs) และจะหายไปในอนาคต เช่น เมื่อมีรถยนต์หรือโดรนส่งอาหาร เมื่อมี AI มาช่วยในการขายสินค้าให้กับลูกค้า เป็นต้น การมีงานทำในปัจจุบันจึงไม่ได้เป็นหลักประกันความมั่นคงในชีวิต
- สมาชิกในครอบครัวของแรงงานที่ได้รับผลกระทบที่ยังอยู่ในวัยเรียน อาจไม่สามารถเรียนรู้จากการสอนออนไลน์ได้ เนื่องจากความไม่พร้อมด้านทรัพยากร และพื้นฐานความรู้ ซึ่งจะส่งผลในระยะยาวต่อโอกาสการเรียนต่อและชีวิตการทำงาน
4 ข้อเสนอแนะ
บรรเทาผลกระทบกลุ่มแรงงาน
- ประเมินชุดทักษะปัจจุบัน (Current Skill Profile) ของแรงงานกลุ่มเป้าหมาย โดยดูจากการศึกษา ประสบการณ์ทำงาน ลักษณะงานที่ทำ ความถนัด และประเด็นอื่นที่เกี่ยวข้อง เพื่อจัดกลุ่มแรงงานตามลักษณะเหล่านี้ แล้วออกแบบระบบการยกระดับทักษะให้สูงขึ้น หรือสร้างทักษะใหม่ (Future Skill Profile) ที่สอดคล้องกับโอกาสของงานในอนาคต
- นำข้อมูลจากการวิเคราะห์ชุดทักษะปัจจุบันเพื่อมาออกแบบหลักสูตรให้เหมาะสมกับแรงงาน โดยพิจารณาจากอุตสาหกรรมที่แรงงานนั้นมีความสามารถจะหางานได้ในอนาคตอันใกล้ (6 เดือน – 1 ปี)
- จัดเงินอุดหนุนค่าครองชีพให้กับแรงงานที่อยู่ระหว่างการพัฒนาทักษะ โดยพิจารณาจากเศรษฐานะและปัจจัยแวดล้อมอื่น ซึ่งจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วนด้วยกัน คือ 1) Universal Basic Income Supplement ซึ่งเป็นรายได้ฐานที่จะได้รับตามขนาดของครัวเรือนและระดับเศรษฐานะ และ 2) Income Contingent Supplement ที่เป็นรายได้ส่วนเพิ่ม เพื่อเป็นแรงจูงใจให้แรงงานที่ตกงานยอมเข้ามาพัฒนาทักษะ และจะมีการจ่ายคืนในอนาคตเมื่อได้มีรายได้สูงขึ้นถึงระดับหนึ่งแล้ว โดยอาจจะให้แรงงานจ่ายเองทั้งหมด หรือให้นายจ้างที่รับแรงงานเข้าไปทำงานร่วมจ่ายด้วยก็ได้
- ในโลกของงานที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ควรมีการจัดทำธนาคารเครดิต (Credit Bank) เพื่อให้แรงงานมีบันทึกการสะสมทักษะ และใช้เป็นข้อมูลในการติดตาม ให้คำแนะนำ และจัดทำหลักสูตรที่เหมาะสมให้ทันท่วงที ตรงกับความถนัดของแรงงานแต่ละคน (Individualized Skill Portfolio Development) เพื่อให้แรงงานมีทักษะเพียงพอกับการหางานหรือสร้างอาชีพที่สอดคล้องกับบริบทในโลกของงานที่เปลี่ยนไปได้
1 เสาวณี จันทะพงษ์ และ ทศพล ต้องหุ้ย (2563). ผลกระทบวิกฤต COVID-19 กับเศรษฐกิจโลก: This Time is Different ธนาคารแห่งประเทศไทย
2 Economic Intelligence Center (2563). EIC ปรับลดคาดการณ์ GDP ไทยปี 2020 เป็นการหดตัวที่ -0.3% (%YOY) จากเดิมคาดขยายตัว 1.8% จากผลกระทบของ COVID-19 ที่รุนแรงกว่าคาด ส่งผลให้เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มเข้าสู่ภาวะถดถอยในช่วงครึ่งแรกของปี
3 Techsauce. (2563). แบงก์ชาติ คาดปี 63 เศรษฐกิจไทยหดตัว 5.3% รับผลกระทบ COVID-19 คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.75%