บนข้อเท็จจริงที่ว่าปัจจุบันมีเด็กไทยมากกว่า 2,000,000 คน มีความเสี่ยงต้องหลุดออกจากระบบการศึกษาเพราะ‘ความยากจน’ เด็กจำนวนมากต้อง ‘ลาหยุดเรียน’ ซึ่งจากการติดตามเด็กกลุ่มนี้ผ่านระบบสารสนเทศเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (Information System for Equitable Education : iSEE) ซึ่งเป็นระบบฐานข้อมูลขนาดใหญ่ ที่สามารถรายงานผลและติดตามเด็กๆ กลุ่มนี้ได้รายบุคคล โดยยังมีเด็กจำนวนมากที่ไม่สามารถต่อสู้กับปัญหาความยากจนของครอบครัวได้ ความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาจึงยังเป็นปัญหาใหญ่เช่นปัจจุบัน
ป๊อก ภัสสรกรณ์ และ มาร์กี้ ราศรี จิราธิวัฒน์ แบรนแอมบาสเดอร์พิเศษของโครงการ ‘ล้านพลังคนไทย
มอบโอกาสทางการศึกษาเป็นของขวัญ’ ของกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา ในการรณรงค์ให้การช่วยเหลือและเชิญชวนให้คนไทยทั้งประเทศร่วมบริจาคให้กับเด็กๆ ผู้ด้อยโอกาสทางการศึกษา เพราะสังคมไทย จะไม่ทิ้งเด็กคนไหนไว้ข้างหลัง ในฐานะศิลปินอย่างมาร์กี้ เปิดเผยถึงการตัดสินใจเข้าร่วมกับโครงการนี้ว่า เราสองคนมีการทำกิจกรรมช่วยเหลือสังคมเป็นประจำอยู่แล้ว พอเราเห็นโครงการที่
กสศ. ทำ ก็รู้สึกว่าเป็นสิ่งที่ทุกคนสามารถทำได้ ไม่ต้องรอให้ใครสักคนจัดเป็นกิจกรรมขึ้นมา แต่ว่าโครงการนี้เราสามารถช่วยเหลือน้องๆ ได้ในทุกๆ วัน โดยเข้าไปดูข้อมูลด้วยตนเองได้ผ่านแอพลิเคชั่น isee เราสองคนจึงคิดว่าอยากจะช่วยประชาสัมพันธ์ให้คนรู้จัก ให้ทุกคนมาช่วยกันคนละไม้ละมือเพื่อน้องๆ กลุ่มนี้ มาร์กี้เล่าถึงจุดเริ่มต้นในการเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ
“เรื่องราวหลายอย่างของพวกเขามันสะกิดใจเรา อย่างที่เรารู้กันว่าเด็กบางคนต้องเดินกว่า 20 กิโล ฯ เพื่อไปโรงเรียน สำหรับเรา ระยะทางขนาดนั้นให้ไปเดินวันสองวันเราก็ท้อแล้ว ไหนจะต้องเจอกับฝนตก ถนนหนทางก็ไม่ได้อยู่ในสภาพดี บางครั้งเขาต้องช่วยที่บ้านทำงาน
ไปโรงเรียนสายบ้าง หรือต้องหยุดเรียนบ้าง แต่เรายังเห็นว่าน้องๆ เขาสู้ เขายังอยากที่จะไปเรียน เขามีความมุ่งมั่น ตั้งใจ นั่นคือสิ่งที่เราเห็น คือความเป็นนักสู้ของเขา มันทำให้คิดว่า เขาสู้มาขนาดนี้แล้ว มันขาดแค่คนที่จะคอยผลักดันเขา คอยยื่นมือไปช่วยเขา อีกแค่นิดเดียวเอง ตรงนี้ถ้ามีแค่หนึ่งล้านคนไทยยื่นมือไปช่วยเขา เท่านั้นก็ถือว่ามากแล้ว” มาร์กี้สะท้อนความรู้สึก
ป๊อก ภัสสรกรณ์ และ มาร์กี้ ราศรี จิราธิวัฒน์ แบรนแอมบาสเดอร์พิเศษของโครงการ ‘ล้านพลังคนไทยมอบโอกาสทางการศึกษาเป็นของขวัญ’
ทางด้าน ป๊อก-ภัสสรกรณ์ กล่าวว่า เรามีข้อมูลที่จำเพาะเจาะจงลงไปได้ว่าอำเภอไหนหรือตำบลไหนที่มีน้องๆ ต้องการความช่วยเหลือจริงๆ ดังนั้นจึงมั่นใจได้ว่าความช่วยเหลือของเราจะส่งตรงไปถึงคนที่เขาขาดโอกาสทางการศึกษา ซึ่งเราคิดมาตลอดว่า เป็นสิ่งสำคัญมากๆ ในการจะพัฒนาประเทศชาติของเรา
เพราะการศึกษาคือสิ่งเดียวที่จะขับเคลื่อนชีวิตของทุกคน รวมถึงสังคมและประเทศชาติในส่วนรวม ให้เจริญควบคู่ไปด้วยกัน โครงการของ กสศ. จึงตอบโจทย์มาก ๆ กับความคิดชุดนี้ แล้วทุกคนสามารถเข้ามาร่วมแรงร่วมใจกันสนับสนุนโครงการนี้ให้เดินไปข้างหน้าได้เท่าๆ กัน
ในฐานะส่วนตัวอยากพูดย้ำว่าการศึกษาคือสิ่งที่สำคัญมากจริงๆ แล้วน้องๆ ที่เขาขาดโอกาสตรงนี้เขามีอยู่หลายระดับ กับโครงการของ กสศ. เราสามารถค้นหาเด็กด้อยโอกาสที่เขาต้องการความช่วยเหลือที่มากเป็นพิเศษได้ และให้ความช่วยเหลือเด็กกลุ่มนี้ก่อน จึงอยากให้ทุกคนเข้ามาร่วมกัน มาช่วยกันมอบโอกาสให้เขาได้เรียนหนังสือเพื่อจะเปลี่ยนแปลงอนาคตของเขา แล้วอย่างที่บอกว่าข้อมูลที่มีมันระบุได้ลึกมากถึงในระดับตำบลหรือหมู่บ้าน มันไม่ใช่ว่าเราส่งสิ่งนี้ไปแล้วมันไปไม่ถึงมือเขา แต่เราเชื่อมั่นได้ว่าความช่วยเหลือของเราจะช่วยเด็กคนหนึ่ง กลุ่มหนึ่ง หรือโรงเรียนหนึ่งให้ดีขึ้นได้จริง ๆ แล้วมันทำได้โดยง่ายมากๆ ที่สำคัญคือเงินทุกบาทที่เราบริจาคไป สามารถนำมาหักภาษีได้สองเท่าอีกด้วย
“ตอนนี้เป็นช่วงเทศกาลปีใหม่ หากใครสักคนคิดถึงการมอบของขวัญ ขอให้อย่าลืมว่าการมอบโอกาสทางการศึกษาให้น้องๆ เหล่านี้ คือของขวัญที่ล้ำค่ามากๆ เพราะมันจะช่วยพัฒนาชีวิตของเขา แล้วมันจะนำไปสู่การพัฒนาประเทศต่อไป นั่นคือผลตอบแทนที่เราทุกคนจะได้รับร่วมกัน” ภัสสรกรณ์กล่าวเชิญชวนคนไทยร่วมเป็นส่วนหนึ่ง
ท้ายสุด มาร์กี้ กล่าวเสริมว่า การที่เรามอบการศึกษาให้เด็กๆ มันไม่ใช่ให้เงินเขาไปแล้วก็จบ แต่มันเหมือนการลงทุน เพราะการศึกษาที่ดีจะทำให้เขาช่วยเหลือตัวเองได้ สามารถเรียนจบ มีงานทำแล้วเขาจะกลับไปช่วยเหลือครอบครัว ช่วยเหลือคนที่อยู่รอบๆ ตัวเขาต่อเนื่องไปได้ไม่รู้จบ
สำหรับแอปพลิเคชั่น isee ต้องบอกว่าสะดวกมากๆ ทั้งในเรื่องการมอบเงินบริจาค แล้วยังทำให้เราเห็นว่าพื้นที่ส่วนไหนมีเด็กที่เขาต้องการความช่วยเหลือ ก็สามารถพิกัดระบุตำแหน่งชัดเจนได้ ซึ่งบางทีเวลาที่เราเข้าไปเที่ยวหรือไปทำงานในพื้นที่นั้นๆ เราก็สามารถดูได้ทันทีว่าเราจะเข้าไปช่วยอะไรเขาได้บ้าง ซึ่งตรงนี้ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีมากๆ