อนาคตของเด็กทุกคนฝากไว้กับโอกาสทางการศึกษา แต่สถานะทางบ้านที่ยากจนก็ทำให้เด็กหลายคนต้องหยุดอยู่ที่การศึกษาภาคบังคับ นั่นหมายความว่าโอกาสในการสร้างอนาคตที่ดีย่อมถอยห่างออกไป ‘ทุนนวัตกรรมสายอาชีพชั้นสูง’ ของกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) จึงอาสาเข้ามามีบทบาทในการเปิดประตูสู่โอกาสให้กับเด็กขาดแคลนทุนทรัพย์ ได้เข้ามาประคองฝันด้านอาชีพที่ยกระดับความเป็นอยู่ให้เกิดขึ้นจริงส่งมอบสู่สังคมอย่างประณีต
ด.ญ.พิยะดา นิลบุศย์ หรือส้ม อายุ 16 ปี นักเรียนโรงเรียนพระราชทานทับละมุ ต.ลำแก่น อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา สะท้อนความรู้สึกว่า ตอนนี้ต้องดูแลจัดยา 3 เวลาให้พ่อกิน เนื่องจากป่วยหลายโรคและไม่มีใครคอยดูแล ส่วนน้องชายก็ยังเล็ก ดังนั้นเราจึงต้องคอยจัดแจงงานทุกอย่างภายในบ้านทั้งหมด ทั้งหน้าที่แม่บ้าน แม่ครัว
ในช่วงปิดเทอมพยายามไปสมัครงานหารายได้พิเศษที่อุทยานแห่งชาติเขาหลัก ปรากฏว่าไม่ได้เนื่องจากยังเด็กไม่สามารถทำได้ สุดท้ายไม่ได้ทำงานอดช่วยแบ่งเบาภาระครอบครัว โครงการหารายได้พิเศษจึงต้องถูกพับลงไปโดยปริยาย
“อนาคตการศึกษาไม่รู้เป็นอย่างไร แต่แอบคาดหวังว่าอยากจะได้รับทุนนวัตกรรมสายอาชีพขั้นสูง ของกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) หลังจากมีอาจารย์มาช่วยแนะนำโอกาสศึกษาเรียนต่อในระดับ ปวช.1 ส่วนตัวเลือกสมัครเรียนแผนกวิชาพาณิชยกรรมและบริการฐานวิทยาศาสตร์” น้องส้ม เผยความในใจ
ด.ญ.พิยะดา ย้ำเตือนกับตัวเองด้วยคำพูดของครูประจำชั้นที่บอกว่า “การศึกษาจะช่วยยกระดับฐานะและชีวิตได้ หรือจะเลือกลำบากเหมือนพ่อ” นั่นเป็นคำพูดที่ทำให้รู้สึกว่าตัวเองต้องเรียนหนังสือและต้องเบนเข็มชีวิตเรียนสายอาชีพเนื่องจากครูหลายคนบอกเสมอว่าหากเรียนสายสามัญมักเสี่ยงตกงานสูง แต่ถ้าเรียนสายอาชีพจบมามีงานทำแน่นอน
อนุชิต นิลบุศย์ พ่อของน้องส้ม อายุ 44 ปี เล่าถึงความเป็นอยู่ว่า อดีตเคยรับเหมาทำไฟเบอร์กลาส ต่อเรือ ชีวิตทะยานขึ้นไปสูงสุดและตกลงมาต่ำสุดเมื่อมาประสบปัญหาสุขภาพอย่างรุนแรง ทั้งตับอ่อนอักเสบ โรคไต ลำไส้ตันใส่สปริง 5 ตัว เบาหวาน ต่างรุมเร้าร่างกายจนทำงานไม่ได้ เนื่องจากมีอาการเหนื่อยง่ายกว่าตอนปกติ ทำให้เงินทองเริ่มชะงักขัดสนต้องกู้หนี้ยืมสินเงินกู้นอกระบบดอกเบี้ยร้อยละ 20
ต้องยอมรับตอนนี้ใช้ชีวิตลำบากมาก เหมือนมรสุมชีวิตยังไม่ถาโถมใส่อีกครั้งตั้งแต่ล้มป่วยลงภรรยาได้หนีไปมีครอบครัวใหม่ได้กว่า 2 ปีแล้ว ทำให้ต้องกลายเป็นพ่อเลี้ยงเดี่ยวหาเงินมาดูแลลูกสาวคนโตและลูกชายคนเล็กตามอัตภาพเท่าที่พ่อคนหนึ่งจะเลี้ยงได้
ส่วนบ้านที่ใช้พักหลับนอนหลบแดดฝนหลังนี้เช่าอยู่เดือนละ 2,000 บาท นานกว่า 7 ปี แถมยังต้องไปหาหมอทุก 3 เดือนโชคดีใช้บัตรทอง 30 บาททำให้รายจ่ายบรรเทาลง แต่ก็ยังมีส่วนต่างที่ต้องจ่ายอยู่ครั้งละ 5,000-6,000 บาท ชีวิตไม่ยอมแพ้ยังพยายามหาเงินรับจ้างติดตั้งไฟสีสัน และเครื่องเสียงตามงานวัด งานบวช งานแต่ง ตอนนี้งานมีน้อยผลพวงมาจากสุขภาพย่ำแย่ทำให้รับงานลำบาก
“ตอนนี้เครียดมากที่สุดคือเรื่องทุนการศึกษาลูกไม่ลูกจะเป็นอย่างไร ส่วนตัวคงไม่มีเงินไปส่งเสียจ่ายค่าเทอมให้แน่นอน แม้แต่จะซื้อชุดนักเรียนสักตัวยังไม่มีเงินและไม่รู้จะไปหาที่ไหน จึงหวังว่าลูกจะได้รับโอกาสได้เรียนต่อเหมือนเพื่อนคนอื่นๆเขาบ้าง” อนุชิต ระบุ
ด.ญ.พิยะดา ให้ความมั่นใจต่อพ่อว่า ไม่ต้องห่วงลูกสักวันจะทำให้ฝันของพ่อเป็นจริงทุกอย่างชีวิตต้องดีกว่านี้แน่นอน ถ้าไม่มีพ่อก็ไม่มีหนูเหมือนทุกวันนี้ ที่ผ่านมาแม้ครอบครัวลำบากแต่ผลการเรียนเกรดเฉลี่ยรวมกว่า 3.71 สร้างความภาคภูมิใจให้ครอบครัว แม้ว่าพ่อจะไม่มีปัญญาส่งลูกไปเรียนก็ตาม อนาคตตั้งใจใฝ่ฝันว่าต้องเป็น ‘นักประดิษฐ์นักพัฒนาซอร์ฟแวร์’ จะทำตามเส้นทางที่หวังไว้ให้ได้
ธิดารัตน์ วงษ์สุวรรณ ครู คศ.1 วิทยาลัยเทคนิคพังงา กล่าวว่า น้องส้มไปสมัครเรียนแผนกฐานวิทยาศาสตร์จึงไปสำรวจดูชีวิตครอบครัวที่บ้าน จนมาพบสภาพความจริงและตกใจยังมีเด็กแบบนี้อีกหรือ เนื่องจากพ่อป่วยไม่สบายต้องดูแลพ่อที่ป่วย ส่วนแม่ได้หนีไปพร้อมทิ้งหนี้สินไว้ให้ชดใช้
“รู้สึกดีมากที่ได้เข้ามาช่วย เพราะไม่รู้เลยว่ามีเด็กยากจนและลำบากมากขนาดนี้ เชื่อว่ายังมีเด็กลำบากอีกเยอะกระจัดกระจายไปทั่วประเทศ การเข้าช่วยเหลือคัดกรองเด็กรู้สึกดีมากยิ่งกว่าทำบุญ ปลาบปลื้มกับสิ่งที่ได้ช่วยเหลือเด็กครั้งนี้มากที่สุด เร็วๆนี้น้องส้มจะได้รับทุนนวัตกรรมสายอาชีพขั้นสูง ของกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) มาต่อยอดโอกาสการศึกษา” ธิดารัตน์ กล่าว