ภาคเอกชนผนึกกำลัง กสศ. ร่วมสนับสนุนโครงการ ‘สู้วิกฤตให้น้องอิ่ม …คนละมือ เพื่อมื้อน้อง’ ช่วยเติมเต็มมื้ออาหาร 15 วัน ให้เด็กนักเรียนยากจนกว่า 7 แสนคน หลังเผชิญการเลื่อนเปิดเทอม จากวิกฤตโควิด-19 เพื่อให้เยาวชนเข้าถึงการศึกษาและปัจจัยในการดำรงชีพ สู่การลดความเหลื่อมล้ำที่เป็นรูปธรรม
ในงานแถลงข่าววาระครบรอบ 2 ปีกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา พร้อมเปิดตัวโครงการ ‘สู้วิกฤตให้น้องอิ่ม …คนละมือ เพื่อมื้อน้อง’ เพื่อสานพลังเติมเต็มความช่วยเหลือนักเรียนยากจนพิเศษในช่วงเลื่อนเปิดเทอม ซึ่งได้รับความร่วมมือจากธุรกิจภาคเอกชน ได้แก่ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด(มหาชน) และบริษัท กลุ่มเซ็นทรัลจำกัด ในการร่วมสนับสนุนโครงการร่วมสมทบเติมเต็มมื้ออาหาร ในภาวะที่การเปิดเทอมต้องเลื่อนออกไปอีก 46 วัน
โดยจากสถานการณ์ COVID-19 ที่ส่งผลกระทบไปถึงทุกภาคส่วนรวมถึงระบบการศึกษา ทำให้เด็กๆ ขาดแคลนอาหารจากการปิดเทอมที่ยาวนาน โดยเลื่อนไปเปิดเทอมในวันที่ 1 กรกฎาคม กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา(กสศ.) ได้จัดสรรความช่วยเหลือเป็นเงินอุดหนุนค่าอาหารเพิ่มเติมให้กับนักเรียนยากจนพิเศษใน 3 สังกัด(สพฐ. ตชด. และ อปท.) ที่ กสศ. ดูแลอยู่ทั้งหมด ตั้งแต่ชั้น ป.1 ถึง ม.3 ทั่วประเทศ รวมถึงระดับอนุบาลอีก 10 จังหวัด
ทั้งนี้ กสศ. ได้ทยอยส่งมอบเงินช่วยเหลือเด็กรายละ 600 บาท สำหรับเป็นค่าอาหารเบื้องต้น 30 วัน สำหรับนักเรียน ป.1 ถึง ป.5 ไปถึงบัญชีโรงเรียนทั้งสิ้น 25, 480 โรงเรียน คิดเป็นจำนวนเด็กทั้งหมด 753, 997 คน ขณะที่ โครงการ ‘สู้วิกฤตให้น้องอิ่ม …คนละมือ เพื่อมื้อน้อง’ มีจุดประสงค์เพื่อเติมเต็มมื้ออาหารอีก 15 วันที่ยังขาดแคลนของเด็กๆ ในช่วงก่อนเปิดเทอม
นายพูนสิทธิ์ ว่องธวัชชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่สายงานการพัฒนาด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาลสู่ความยั่งยืน ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด(มหาชน) ระบุว่า ภารกิจด้านการศึกษาของเด็กและเยาวชน เป็นเป้าหมายที่ทางธนาคารให้ความสำคัญ และสนับสนุนต่อเนื่องมาตลอด โดยที่ผ่านมาได้มีการมอบทุนการศึกษาให้กับนักเรียนยากจนและเด็กด้อยโอกาส ในโครงการ CSR ที่มีชื่อว่า ‘เรื่องเงิน เรียนง่าย’ ที่ทางธนาคารได้มอบหมายให้อาสาสมัครพนักงานธนาคาร ลงพื้นที่เข้าไปให้ความรู้และคำแนะนำทางการเงินกับครอบครัวเด็กกลุ่มนี้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำมาแล้ว 5 ปี จนถึงปัจจุบัน ธนาคารสามารถให้ความช่วยเหลือที่ครอบคลุมโรงเรียนระดับชั้นประถม 5-6 มากกว่า 400 โรงเรียน และมีจำนวนนักเรียนที่ได้รับประโยชน์รวม 21, 000 คน
ทั้งนี้ เมื่อมีโครงการที่เกี่ยวกับการสนับสนุนด้านการศึกษาและคุณภาพชีวิตเด็ก ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด(มหาชน) จึงถือว่าเป็นอาณัติที่สำคัญขององค์กร และนำมาสู่ความร่วมมือที่เกิดขึ้นกับ กสศ. ในครั้งนี้
นายพูนสิทธิ์ กล่าวต่อไปว่า ทางธนาคารเชื่อมั่นว่าการศึกษาจะช่วยลดปัญหาความยากจน และจะช่วยพัฒนาประเทศในด้านธุรกิจและสังคมที่ยั่งยืนและต่อเนื่อง จึงเป็นเป้าหมายของธนาคารที่จะต้องสนับสนุนเด็กและเยาวชนให้เข้าถึงการศึกษา รวมถึงในภาวะวิกฤตที่เกิดขึ้นจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ทำให้เด็กๆ ต้องขาดแคลนอาหารในช่วงปิดเทอมที่ยาวนานขึ้น ซึ่งนับเป็นอุปสรรคอย่างหนึ่งของการศึกษาเช่นกัน
โดยนอกเหนือจากความร่วมมือกับ กสศ. ในเรื่องการบริจาคเงิน ทางธนาคารยังพร้อมมีส่วนร่วมในการประชาสัมพันธ์โครงการ ผ่านฐานลูกค้าธนาคารและสาขาที่มีอยู่ทั่วประเทศ รวมถึงเครื่องมือหรือเทคโนโลยีต่างๆ เช่น ช่องทาง ATM
“เรามองถึงการเป็นพาร์ทเนอร์กับ กสศ. ในการให้ความช่วยเหลือเด็กระยะยาว โดยจะเป็นไปตามบริบทที่สามารถทำได้ เพื่อให้กิจกรรมเหล่านี้เข้าไปอยู่ในส่วนหนึ่งของกระบวนการเรียนรู้ของเด็กๆ เราคิดว่าการสนับสนุนให้เยาวชนเข้าถึงการศึกษาและปัจจัยในการดำรงชีพ คือการลดความเหลื่อมล้ำที่เป็นรูปธรรม ทางธนาคารกรุงศรีฯ จึงเข้ามาร่วมงานกับ กสศ. ในโครงการนี้ โดยทางเรามีช่องทางการเปิดรับบริจาคที่หลากหลาย ขณะที่ กสศ. เป็นเสมือนช่องทางที่จะทำให้ผู้ที่ต้องการบริจาคกับโรงเรียนหรือเด็กที่ต้องการความช่วยเหลือได้มาพบกัน”
ทางด้านนายพิชัย จิราธิวัฒน์ กรรมการบริหาร บริษัท กลุ่มเซ็นทรัล จำกัด กล่าวว่า การพยายามลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา เป็นสิ่งที่องค์กรยึดถือและทำเสมอมา สำหรับโครงการ ‘สู้วิกฤตให้น้องอิ่ม …คนละมือ เพื่อมื้อน้อง’ โดย กสศ. นับเป็นโครงการที่ดีและตรงกับจุดมุ่งหมายขององค์กร
โดยที่ผ่านมา บริษัท กลุ่มเซ็นทรัล จำกัด มีโครงการที่ทำร่วมกับ กสศ. อยู่แล้ว อาทิ การที่ JD เซ็นทรัล ได้นำผลิตภัณฑ์ที่เด็กนักเรียนในกลุ่มยากจนพิเศษทำขึ้น ไปขายผ่านระบบออนไลน์ และนั่นเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของความร่วมมือ เพราะหลังจากนี้ ทางเซ็นทรัลตั้งใจว่าจะดำเนินโครงการดีๆ ร่วมกับ กสศ. ต่อไปอีก
“เราดีใจที่ได้มีส่วนร่วมในโครงการที่มีเป้าหมายเพื่อเด็กและเยาวชนด้อยโอกาส เพราะตรงกับสิ่งที่ทางเซ็นทรัลได้ให้ความสำคัญอยู่แล้ว นั่นคือการพยายามลดความเหลื่อมล้ำในสังคม โดยเฉพาะด้านการศึกษา โดยก่อนนี้ก็มีหลายโครงการที่เราทำร่วมกับ กสศ. มาก่อน ส่วนหลังจากนี้เราแน่ใจว่าจะมีโครงการดีๆ ร่วมกันตามมาอีก”