สิ่งสำคัญคือความร่วมมือของคนในชุมชนที่จะเข้ามามีส่วนช่วยเหลือสนับสนุนแก้ไขปัญหาตรงนี้ เพราะในพื้นที่ก็มีห้างร้าน ภาคธุรกิจ และ เอกชน จำนวนมาที่สามารถเข้ามาสนับสนุนช่วยเหลือเด็กๆ ทั้ง ร้านซ่อมแอร์ อู่ซ่อมรถ ซึ่งหากรับเด็กมาฝึกงาน เด็กก็จะได้รับความรู้ติดตัว เริ่มจากเป็นลูกมือก่อนอีกหน่อยเมื่อชำนาญก็สามารถออกไปเป็นผู้ประกอบการเองได้
ในฐานะคนพื้นที่ที่เห็นสภาพปัญหาของเด็กนอกระบบกำลังส่งผลเสียหายรุนแรงและลุกลามจากรุ่นหนึ่งไปสู่อีกรุ่นกลายเป็นวงจรที่ยากจะหลุดพ้น หากไม่รีบยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือตั้งแต่ตอนนี้อาจจะทำให้เด็กๆ จำนวนมากต้องจมอยู่ในวังวนปัญหาที่เพิ่มความเสี่ยงจะพาเด็กเหล่านี้ไปข้องแวะกับยาเสพย์ติดในที่สุด
แม้จะไม่ได้มีหน้าที่เกี่ยวข้องช่วยเหลือเด็กๆโดยตรง แต่ คณิศร ปัญญาวงศ์ เจ้าของร้านน้ำใจสปอร์ต ซึ่งประกอบธุรกิจตัดเย็บเสื้อผ้ากีฬาในจังหวัดน่าน มองว่า เรื่องการศึกษาเป็นเรื่องสำคัญที่จะพาเด็กๆ เหล่านี้หลุดพ้นจากสภาพปัญหาที่เป็นอยู่ อีกทั้งเป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายในสังคมควรจะต้องร่วมมือร่วมใจเข้าไปช่วยเหลือในส่วนที่ตัวเองทำได้
คล้ายกับที่เธอหยิบยื่นโอกาสให้เด็กๆ ที่สนใจจะประกอบอาชีพเย็บเสื้อผ้า ได้เข้ามาฝึกงานที่ร้าน และหากใครสนใจก็สามารถอยู่ทำงานที่ร้านต่อมีรายได้ และ เพิ่มประสบการณ์การทำงานให้กับตัวเอง ที่สามารถออกไปประกอบธุรกิจของตัวเองหรือจะไปรับจ้างทำงานในโรงงานตามที่ตัวเองต้องการได้
การศึกษาสร้างวุฒิภาวะ พาก้าวพ้นวังวนปัญหา
คณิศร เล่าให้ฟังว่า อยากเข้ามามีส่วนแก้ปัญหาเรื่องนี้เพราะที่ผ่านมาได้เห็นเด็กหลายคนต้องออกจากโรงเรียนเพราะพ่อแม่ยากจน ทั้งที่อายุแค่ 16-17 ปี ออกจากโรงเรียนก็ไม่มีงานทำ บางคนตั้งท้องทั้งที่อายุยังน้อยไม่มีวุฒิภาวะ สุดท้ายก็เลิกรากัน ลูกออกให้ปู่ย่าตายายเลี้ยง พอโตขึ้นมาก็ออกจากโรงเรียนเป็นวงจรที่วนไปอย่างนี้เรื่อยๆ
“เราคิดว่าเด็กๆ เขาควรจะได้อยู่ในระบบการศึกษาอีกสักหน่อยให้โตพอที่จะมีวุฒิภาวะ หรือมีความรู้ออกมาทำงานที่ดี เพราะบางคนออกมาไปรับจ้างทำงานหมูกระทะร้านเขาก็ไม่รับ ต้องไปทำงานก่อสร้างได้ค่าจ้างไม่มาก หรือหากเขาไม่ได้เรียนก็ควรจะได้ฝึกอาชีพที่จะได้มีงานมีรายได้ที่เลี้ยงตัวเองได้ไม่ลำบาก”
ฝึกงานตัดเย็บเสื้อผ้า สร้างรายได้ สร้างอนาคต
นั่นเป็นเหตุผลที่เมื่อได้รับการประสานงานจากทีมงานโครงการจัดการศึกษาเชิงพื้นที่เพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา จ.น่าน ของ กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) คณิศร เต็มใจให้ความช่วยเหลือรับเด็กที่ผ่านการฝึกทักษะอาชีพมาฝึกงานที่ร้านทั้งหมด 5 คน และ ปัจจุบันมี 1 คน ที่ทำงานเป็นพนักงานประจำที่ร้านต่อ
“เรารับหมดเด็กคนไหนมีความตั้งใจมาฝึกงานกับเรา โดยเฉพาะคนที่สนใจเรื่องตัดเย็บ เคยผ่านศูนย์พัฒนาฝีมือมาบ้าง มาสอนเพิ่มอีกนิดก็เย็บเป็น แต่ถ้าคนไหนที่มาแบบไม่เป็นมาเลยส่วนมากก็จะไม่รอดถ้าไม่ตั้งใจจริง ซึ่งเด็กทั้ง 5 คนที่มา ทำได้ดี บางคนต้องกลับไปทำงานต่อที่บ้านอีกอำเภอ แต่อย่างน้อยเขาก็มีทักษะอาชีพติดตัวจะรับจ้างแถวบ้านหรือจะไปทำงานโรงงานเย็บผ้าก็ได้ ยิ่งถ้าเคยฝึกงานของจริงมาแล้วด้วยยิ่งทำให้ได้งานง่ายขึ้น”
ความร่วมมือของคนในชุมชนจะช่วยทำให้แก้ปัญหาได้ง่ายขึ้น
นอกจากร้านตัดเย็บเสื้อผ้าแล้วทางลูกสาวของ คณิศร ยังเปิดร้านอาหารเพื่อสุขภาพ “ตะวันฟาร์ม” ซึ่งเปิดให้เด็กสาระพัดช่างเข้ามาดูงานเรียนรู้การปลูกพืช การทำการตลาดออนไลน์ ที่มีเด็กๆ ที่สนใจแวะเวียนมาเก็บเกี่ยวความรู้ต่อเนื่อง
“การศึกษาเป็นเรื่องสำคัญ ถึงจะรับรองไม่ได้ว่าดีที่สุดหรือไม่แต่ถ้ามีการศึกษาจะทำให้ชีวิตดีขึ้นแน่ที่ผ่านมาเราเห็นเด็กรุ่นลูกเราที่ต้องออกจากโรงเรียนไปทำงานทั้งที่เขาควรจะได้เรียนต่อ ออกไปทำงานได้เงินก็ไม่เท่าไหร่ ถ้ารอให้เรียนจบ ม.6 อย่างน้อยก็ดีกว่าออกไปตอนนี้”
สิ่งสำคัญคือความร่วมมือของคนในชุมชนที่จะเข้ามามีส่วนช่วยเหลือสนับสนุนแก้ไขปัญหาตรงนี้ เพราะในพื้นที่ก็มีห้างร้าน ภาคธุรกิจ และ เอกชน จำนวนมาที่สามารถเข้ามาสนับสนุนช่วยเหลือเด็กๆ ทั้ง ร้านซ่อมแอร์ อู่ซ่อมรถ ซึ่งหากรับเด็กมาฝึกงาน เด็กก็จะได้รับความรู้ติดตัว เริ่มจากเป็นลูกมือก่อนอีกหน่อยเมื่อชำนาญก็สามารถออกไปเป็นผู้ประกอบการเองได้ ดังนั้น ทุกคนต้องร่วมมือกันทั้งภาครัฐ ท้องถิ่น เอกชน หอการค้า ผู้ประกอบการ ถึงจะช่วยให้แก้ปัญหาได้ง่ายขึ้น
ร่วมสร้างโอกาสไปกับ
กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.)
www.eef.or.th/donate/
ธนาคารกรุงไทย สาขาซอยอารีย์
เลขที่ : 172-0-30021-6
บัญชี : กสศ.มาตรา 6(6) – เงินบริจาค