กระทรวงศึกษาธิการมาเลเซียออกคู่มือเพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินการเปิดโรงเรียนที่เรียกว่า Standard Operating Procedure (SOP) หรือ “กระบวนการปฏิบัติการมาตรฐาน” ซึ่งทางกระทรวงระบุอย่างชัดเจนว่าจะบังคับใช้อย่างเข้มงวดเพื่อให้สามารถเปิดโรงเรียนและทำการเรียนการสอนในห้องเรียนได้ตามปกติอีกครั้งในเดือนตุลาคมที่จะถึงนี้ ท่ามกลางสถานการณ์วิกฤตการระบาดของไวรัสโควิด-19
ดอกเตอร์ราดไซ ไจดิน (Radzi Jidin) รัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการมาเลเซียกล่าวว่า การบังคับใช้แนวทางเปิดโรงเรียนแบบ SOP อย่างเข้มงวดจริงจังนี้ จะส่งผลดีในการช่วยให้มีการปกป้องนักเรียนจากเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้ดียิ่งขึ้น อีกทั้งการกลับมาเรียนหนังสือที่โรงเรียนอีกครั้งยังจะช่วยป้องกันไม่ให้เด็กนักเรียนมีการเรียนที่ถดถอยย่ำแย่ลง หรือตกอยู่ในความเสี่ยงต้องหลุดออกจากระบบการศึกษากลางคัน
อย่างไรก็ตาม รัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการมาเลเซียยอมรับว่า พ่อแม่ผู้ปกครองของเด็กนักเรียนยังคงมีสิทธิ์ขาดชอบธรรมในการตัดสินใจในเรื่องที่จะยินยอมให้บุตรหลานเดินทางกลับเข้าชั้นเรียนในโรงเรียนหรือไม่ พร้อมกับย้ำว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดในห้วงเวลานี้คือ การนำเด็กกลับมาเรียนหนังสือที่โรงเรียนให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
เหตุผลเพราะทางกระทรวงศึกษาธิการไม่สามารถแบกรับผลกระทบที่เกิดจากการที่นักเรียนหยุดเรียนไปเป็นเวลานานมากกว่านี้อีกแล้ว
ทั้งนี้ ทางกระทรวงศึกษาธิการมาเลเซียได้ประกาศกฎระเบียบ SOP เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งแน่นอนว่า แม้พ่อแม่จะมีสิทธิ์ตัดสินใจว่าจะให้ลูกหลานไปเรียนหนังสือที่โรงเรียนดีหรือไม่ แต่ในกรณีที่ตัดสินใจว่าไม่ พ่อแม่ก็ต้องส่งจดหมายอธิบายเหตุผลให้กับทางโรงเรียนได้รับทราบ เพื่อที่ทางโรงเรียนจะได้จัดหามาตรการรองรับ รวมถึงไม่ต้องเสียเวลาตรวจสอบหรือออกหนังสือเตือนถึงเด็กฐานไม่ยอมมาเรียนที่โรงเรียน
ขณะเดียวกัน การเดินหน้าเปิดรั้วโรงเรียนทั่วมาเลเซียในครั้งนี้ยังดำเนินการโดยอิงกับความจำเป็นและขีดความสามารถของนักเรียนแต่ละกลุ่มซึ่งมีภูมิหลังทางเศรษฐกิจและสังคมที่แตกต่างกันออกไป
“ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะหาพื้นที่ตรงกลางที่เหมาะสมกับทุกฝ่าย แต่เราก็มั่นใจว่า หลังจากพูดคุยหารือกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง ทางกระทรวงศึกษาธิการเชื่อว่า แนวทางนี้คือกรอบการทำงานที่ดีที่สุดที่สามารถนำมาใช้ในห้วงเวลานี้ แม้ว่าจะไม่ได้สมบูรณ์ก็ตาม” ดอกเตอร์ไจดินกล่าว
ทั้งนี้ การลงทะเบียนของโรงเรียนจะอยู่ภายใต้การดูแลจัดการของโรงเรียน โดยโรงเรียนจะเปิดด้วยการแบ่งนักเรียนในทุกชั้นออกเป็น 2 กลุ่ม โดยครึ่งหนึ่งเข้าเรียนในโรงเรียนตามเวลาที่กำหนด ในขณะที่อีกครึ่งหนึ่งได้รับการสอนที่บ้าน (PdPR) แล้วก็เปลี่ยนสลับกัน โดยนักเรียนจะเข้าโรงเรียนสลับหมุนเวียนกันทุกสัปดาห์
กระทรวงศึกษาธิการมาเลเซียระบุว่า โมเดลการเรียนการสอนนี้จะยังดำเนินต่อไป ในขณะที่กระทรวงจะยังคงติดตามสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศ เพื่อให้สามารถเปลี่ยนแปลงกรอบการทำงานได้ตามสถานการณ์
กระนั้น ภายใต้กรอบดังกล่าว จะมีนักเรียนบางกลุ่มที่ไม่สามารถสลับมาเรียนได้ โดยนักเรียนกลุ่มที่ว่านี้ประกอบด้วย นักเรียนในกลุ่มที่เรียกว่า “Form Six Semester 2”, นักเรียนโรงเรียนประจำ (โรงเรียนกินนอน), นักเรียนที่มีภาวะการเรียนรู้ที่ต้องการการดูแลเป็นพิเศษ, นักเรียนโรงเรียนนานาชาติ, นักเรียนโรงเรียนก่อนอนุบาล/อนุบาล และโรงเรียนที่มีจำนวนนักเรียนลงทะเบียนเรียนจำนวนน้อยราย
ขณะเดียวกัน การมาเรียนที่โรงเรียนนักเรียนต้องรับประทานอาหารในห้องเรียน ยกเว้นว่าห้องเรียนนั้นๆ จะเป็นห้องเรียนที่ติดตั้งเครื่องปรับอากาศไว้ ซึ่งถ้าเป็นกรณีนี้ มาตรการ SOP จะกำหนดให้นักเรียนต้องไปรับประทานอาหารในพื้นที่โล่งโปร่งและมีอากาศถ่ายเท
กระทรวงศึกษาธิการมาเลเซียย้ำว่า การแบ่งกลุ่มนักเรียนให้มีนักเรียนมาเรียนที่โรงเรียนในกลุ่มที่เล็กลง จะช่วยให้ครูสามารถเฝ้าระวังและดูแลความปลอดภัยของเด็กนักเรียนได้อย่างทั่วถึง
ในส่วนของเรื่องอาคารสถานที่ สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือระบบระบายอากาศที่ห้องเรียนต้องมีการถ่ายเทที่ดี หากติดผ้าม่านให้เอาออกให้หมด และนำมาพัดลมมาติดตั้งภายในห้องเรียนเพื่อเพิ่มระบบระบายอากาศให้ดียิ่งขึ้น
นอกจากนี้ นักเรียน ครู และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลาที่อยู่ภายในอาณาบริเวณรั้วโรงเรียน และหากเป็นไปได้ แนะนำให้สวมหน้ากากอนามัยสองชั้น ซึ่งทางกระทรวงศึกษาธิการกำลังประสานเพื่อจัดหาหน้ากากอนามัยให้เพียงพอกับจำนวนนักเรียนในระบบ
และถ้าหากเกิดกรณีที่ตรวจพบการติดเชื้อภายในโรงเรียน ทางโรงเรียนจำเป็นต้องแจ้งให้ทางเจ้าหน้าที่สาธารณสุขของเขตรับทราบ เพื่อดำเนินการประเมินทดสอบความเสี่ยงและจัดสรรมาตรการดูแลที่เหมาะสมต่อไป
สำหรับมาตรการ SOP ที่ออกมาก่อนหน้านี้ยังคงต้องปฎิบัติตามอย่างเคร่งครัดทั้งหมดต่อไป
ยิ่งไปกว่านั้น เพื่อลดภาระของพ่อแม่ผู้ปกครอง ทางกระทรวงศึกษาธิการมาเลเซียพิจารณาเห็นสมควรอนุญาตให้นักเรียนสามารถสวมเสื้อผ้าอื่นๆ นอกจากชุดเครื่องแบบยูนิฟอร์มมาเรียนหนังสือที่โรงเรียนได้จนถึงสิ้นปี แต่ต้องเป็นเสื้อผ้าที่เรียบร้อยและเหมาะสม
ดอกเตอร์ไจดินกล่าวอีกว่า ภายใต้แนวทางการเรียนแบบให้นักเรียนสับเปลี่ยนหมุนเวียนโดยสลับกันเรียนที่บ้านและที่โรงเรียน (PdPR) นั้น คุณครูจำเป็นต้องเตรียมความพร้อมให้กับนักเรียน ซึ่งหมายรวมถึงการปรับหลักสูตรการเรียนการสอนให้เด็กนักเรียนสามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง โดยครูจะจัดเตรียมแนวทางและสื่อการเรียนรู้สำหรับบทเรียนในขณะที่ทำการเรียนการสอนแบบตัวต่อตัวกับนักเรียนในห้องเรียน เพื่อให้นักเรียนสามารถเรียนออนไลน์จากที่บ้านต่อได้หลังจากได้เรียนแนวคิดหลักของบทเรียนไปแล้ว
ขณะที่โรงเรียนกินนอนหรือโรงเรียนประจำจะต้องกำหนดมาตรการป้องกัน “บับเบิ้ล” (Bubble) แบบเต็มรูปแบบ โดยนักเรียนต้องมีการตรวจหาเชื้อโควิด-19 จำนวน 3 ครั้ง คือ ก่อนเปิดเทอมหนึ่งครั้ง ซึ่งตรงกับวันที่มารายงานตัว วันที่ 6 หลังมาเรียนที่โรงเรียนหนึ่งครั้ง และวันที่ 14 หลังเปิดเรียนอีกหนึ่งครั้ง
รัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการมาเลเซียยอมรับว่า แม้วิธีที่ง่ายที่สุดในการดูแลสถานการณ์การระบาดในหมู่เด็กนักเรียนและเยาวชนของประเทศก็คือการสั่งปิดโรงเรียนไปจนถึงปีหน้า แต่ด้วยสถานการณ์ที่เริ่มคลี่คลาย แม้จะยังไม่ 100% ก็เพียงพอให้โรงเรียนกลับมาเปิดอีกครั้ง
เพราะยิ่งเปิดเรียนได้เร็วเท่าไร ก็ยิ่งทำให้สถานการณ์การศึกษาของมาเลเซียเดินหน้าได้เร็วขึ้นเท่านั้น โดยโรงเรียนจะสามารถกลับมาเปิดให้บริการได้อย่างเต็มรูปแบบอีกครั้ง ในกรณีที่สถานการณ์การระบาดทั่วไปเข้าสู่ระยะที่ 2, 3 และ 4 ตามเงื่อนไขของแผนฟื้นฟูแห่งชาติ (National Recovery Plan: NRP) ของรัฐบาลเท่านั้น โดยมีการคาดการณ์ว่า สถานการณ์การระบาดของมาเลเซียจะเข้าสู่ระยะที่ 4 ที่นักเรียนทุกคนจะสามารถกลับเข้าเรียนได้ตามปกติตั้งแต่วันที่ 31 ตุลาคม เป็นต้นไป
ที่มา : Schools to reopen with rules