ไมโครซอฟท์ บริษัทผู้ผลิตและพัฒนาซอฟท์แวร์ คอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์เทคโนโลยีชั้นนำของโลก เปิดเผยแผนการดำเนินงานในโครงการริเริ่ม ซึ่งจะทำงานร่วมกับวิทยาลัยระดับชุมชน (Community College) ทั่วสหรัฐอเมริกา เพื่อผลิตบุคลากรสำหรับตอบโจทย์ในส่วนงานด้านความมั่นคงทางไซเบอร์จำนวน 250,000 ตำแหน่งในช่วงเวลา 4 ปีข้างหน้านับจากนี้
โดยแถลงการณ์ที่ปรากฏบทเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของบริษัทกล่าวว่า ภายใต้โครงการดังกล่าว บริษัทจะมอบทุนการศึกษาหรือความช่วยเหลือในรูปแบบต่างๆ ให้กับนักเรียนนักศึกษาจำนวนประมาณ 25,000 คน ควบคู่ไปกับการจัดโครงการฝึกอบรมทักษะการสอนสำหรับครูอาจารย์ ทั้งในระดับอาวุโส และที่เพิ่งเข้ามาทำงานใหม่ๆ จากวิทยาลัยชุมชน 150 แห่งทั่วประเทศ
ขณะเดียวกัน ไมโครซอฟท์จะจัดเตรียมหลักสูตรการเรียนการสอน รวมถึงอุปกรณ์จำเป็น เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ด้านความปลอดภัยไซเบอร์ทั้งหมดโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ ให้แก่วิทยาลัยชุมชนทุกแห่ง ตลอดจนสถาบันการศึกษาที่เปิดหลักสูตร 4 ปีทั่วประเทศอีกทางหนึ่งด้วย
แบรด สมิธ (Brad Smith) ประธานไมโครซอฟท์กล่าวว่า ในช่วง 3 ปีนับจากนี้ ไมโครซอฟท์จะจัดสรรงบหลายสิบล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่อสนับสนุนผลักดันโครงการดังกล่าว โดยย้ำว่า โครงการดังกล่าวถือเป็นโอกาสที่ดีในการเริ่มต้นของไมโครซอฟท์ เป็นสิ่งที่ไมโครซอฟท์ต้องทำและสมควรทำ
สื่อท้องถิ่นของสหรัฐฯ รายงานว่า ความพยายามครั้งนี้ของไมโครซอฟท์ในการริเริ่มผลิตบุคลากรด้านความมั่นคงทางไซเบอร์มีขึ้นท่ามกลางสถานการณ์ที่สหรัฐฯ ต้องเผชิญกับการโจมตีบนโลกไซเบอร์จากบรรดาผู้ไม่ประสงค์ดีทั้งหลาย รวมถึงเหล่านักลักลอบเจาะข้อมูล (แฮ็กเกอร์) จากทั่วโลก
ยิ่งไปกว่านั้น การโจมตีที่เกิดขึ้นดังกล่าวมีแนวโน้มที่จะเป็นไปในรูปแบบที่ซับซ้อนมากยิ่งขึ้น และมีผลกระทบเป็นวงกว้างกว่าที่สหรัฐฯ เคยประสบมาหลายครั้ง ยกตัวอย่างเช่น เหตุลักลอบเจาะระบบเพื่อจารกรรมข้อมูลเครือข่ายคอมพิวเตอร์ในสหรัฐฯ เมื่อปี 2020 ที่ผ่านมา ซึ่งหลายฝ่ายเรียกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนั้นว่า โซลาร์วินด์ส (SolarWinds) โดยมีองค์กรเอกชนและหน่วยงานรัฐบาลต่างๆ ได้รับผลกระทบและความเสียหายจากเหตุการณ์นั้น มากถึง 18,000 แห่ง
ก่อนหน้านี้ในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ประธานาธิบดี โจ ไบเดน (Joe Biden) ของสหรัฐฯ ได้จัดประชุมวาระพิเศษเพื่อพบปะกับเหล่าผู้แทนของบริษัทเทคโนโลยีชั้นแนวหน้าของสหรัฐฯ รวมถึงไมโครซอฟท์ เพื่อหารือพูดคุยกันในการหาแนวทางยกระดับระบบซัพพลายความปลอดภัยทางเทคโนโลยีของสหรัฐอเมริกา โดยหนึ่งในประเด็นปัญหาที่ได้รับการหยิบยกขึ้นมาพูดคุยก็คือ ปัญหาขาดแคลนแรงงานด้านความปลอดภัยไซเบอร์
รายงานระบุว่า ตลาดงานด้านความปลอดภัยไซเบอร์ยังคงขาดแคลนบุคลากรที่มีทักษะและความชำนาญดังกล่าวมากกว่า 500,000 ตำแหน่ง
ทั้งนี้ ประธานสมิธแห่งไมโครซอฟท์กล่าวว่า บรรดาลูกค้าที่ไมโครซอฟท์ทำงานด้วยหลายรายล้วนประสบปัญหาและได้รับความเสียหายจากการถูกแฮ็กข้อมูลอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งแน่นอนว่า ปัญหาดังกล่าวสามารถป้องกันและบรรเทาผลกระทบความเสียหายได้ หากบริษัทเหล่านั้นมีการวางแนวทางปฏิบัติและมีมาตรการรักษาความปลอดภัยต่างๆ อย่างชัดเจน อย่างไรก็ตาม บริษัทส่วนใหญ่กลับไม่ได้มีปัญหาในการออกมาตรการ แต่มีปัญหาว่าไม่มี “คน” ที่จะทำงานในส่วนนี้
“เป็นที่แน่ชัดแล้วว่า เราจำเป็นต้องเร่งฝึกฝนอบรมทักษะแรงงานเพื่อตอบโจทย์ตำแหน่งงานด้านความปลอดภัยไซเบอร์ ซึ่งทางเราเห็นและตระหนักแล้วว่าจะเป็นโอกาสงานที่สำคัญและเป็นที่ต้องการอย่างมากในตลาดแรงงานในอนาคต” ประธานสมิธกล่าว ก่อนตั้งข้อสังเกตว่า งานด้านความปลอดภัยไซเบอร์มีค่าจ้างเฉลี่ยมากกว่า 105,000 เหรียญสหรัฐต่อปี (ราว 3,465,000 บาทต่อปี) และในทุกๆ 2 ตำแหน่งที่เปิดรับ 1 ตำแหน่งดังกล่าวจะเป็นงานด้านความปลอดภัยไซเบอร์เป็นหลัก
ก่อนหน้านี้ เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา ทางไมโครซอฟท์เพิ่งทุ่มเงิน 20,000 ล้านเหรียญสหรัฐในการพัฒนาโซลูชันการรักษาความปลอดภัยและปกป้องลูกค้าภายในระยะเวลา 5 ปี ตลอดจนจัดสรรงบอีก 150 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อช่วยหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ อัพเกรดการป้องกัน และขยายความร่วมมือด้านการฝึกอบรมด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์กับหน่วยงานและสถาบันต่างๆ
ทั้งนี้ ในมุมมองของไมโครซอฟท์ เหตุผลหลักที่เลือกวิทยาลัยชุมชน เพราะ วิทยาลัยชุมชนเป็นทรัพยากรที่มีศักยภาพสูงสุดเพียงแห่งเดียวที่สหรัฐอเมริกามีในการขยายบุคลากรด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ ถือเป็นสถาบันการเรียนรู้ที่เข้าถึงง่าย กระจายตัวอยู่ในทุกรัฐ และหากร่วมมือและช่วยเหลือกันอย่างตรงจุด วิทยาลัยชุมชนเหล่านี้จะสามารถดำเนินการเพื่อช่วยแก้ไขปัญหาการขาดแคลนบุคลากรด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ได้อย่างรวดเร็ว
ปัจจุบันสหรัฐฯ มีวิทยาลัยชุมชนทั่วประเทศ 1,044 แห่ง ครอบคลุมพื้นที่ทุกรัฐทั่วประเทศ และจัดตั้งอยู่ในทุกพื้นที่ ทั้งในเมือง ชานเมือง ชนบท ตลอดจนพื้นที่ห่างไกลหรือเขตชุมชนคนพื้นเมือง จนมีคำกล่าวว่า “มี 3 สถานที่ที่คุณสามารถพบเห็นได้ทั่วไปในสหรัฐฯ ก็คือ ร้านขนมปัง ธนาคาร และวิทยาลัยชุมชน”
ข้อมูลจากหน่วยงานสหรัฐฯ ระบุว่า วิทยาลัยชุมชนให้บริการนักเรียนในทุกระดับการศึกษา ตั้งแต่ผู้สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ผู้หางาน ไปจนถึงคนในวัยทำงาน โดยขณะนี้มีชาวอเมริกันราว 11.8 ล้านคนเข้าเรียนที่วิทยาลัยชุมชน และเกือบ 2 ใน 3 (65%) เข้าร่วมชั้นเรียนนอกเวลา ควบคู่ไปกับการทำงานหรือช่วยเลี้ยงดูครอบครัว (หรือทั้งสองอย่าง)
“สิ่งนี้ทำให้วิทยาลัยชุมชนเป็นสถานที่ในอุดมคติสำหรับผู้ที่ต้องการเพิ่มทักษะปัจจุบันโดยการพัฒนาทักษะความปลอดภัยทางไซเบอร์” ไมโครซอฟท์ระบุ
ที่มา :
• Microsoft to work with community colleges to fill 250,000 cyber jobs
• America faces a cybersecurity skills crisis: Microsoft launches national campaign to help community colleges expand the cybersecurity workforce