สถานีโทรทัศน์บีบีซีของอังกฤษเผยผลสำรวจแนวทางและรูปแบบการศึกษาของเด็กนักเรียนทั่วอังกฤษ พบ วิกฤตการระบาดของไวรัสโควิด-19 ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาทำให้พ่อแม่ผู้ปกครองในประเทศหันมาพิจารณาการเรียนหนังสือที่บ้านหรือ โฮมสกูลเป็นการถาวรเพิ่มมากขึ้นถึง 34% เพราะกังวลในเรื่องความปลอดภัยและสุขอนามัยของตัวเด็กนักเรียนเป็นหลัก ขณะที่เด็กอีกส่วนหนึ่งยอมรับว่ามีความสุขกับการเรียนหนังสือที่บ้านที่ตนเองมากกว่า แม้อาจจะพบเจอเพื่อนสนิทได้น้อยลง แต่ก็มีทางเลือกในการติดต่อสื่อสารกับเพื่อนมาทดแทน
รายงานระบุว่ามีเด็กนักเรียนอังกฤษจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ที่ตัดสินใจเรียนจากที่บ้าน หรือ เข้าสู่ระบบโฮมสกูคล (home school) แบบถาวร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ย่านฝั่งตะวันตกของอังกฤษ โดยตัวเลขนักเรียนโฮมสกูลเริ่มขยับให้เห็นมากขึ้นนับตั้งแต่ที่เกิดการระบาดของไวรัสโควิด-19
ผลการสำรวจพบว่าจำนวนพ่อแม่ผู้ปกครองที่หันมาตัดสินใจให้ลูก ๆ เรียนโฮมสกูลแบบถาวรเพิ่มขึ้นถึง 34 % ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา จากเดิมซึ่งอยู่ที่เฉลี่ยประมาณ 20 % โดยในบางพื้นที่อย่างใน Wiltshire ตัวเลขดังกล่าวขยับขึ้น 23% ขณะที่ใน Bath และทางตะวันออกเฉียงเหนือของ Somerset ขยับเพิ่มสูงขึ้นถึง 45%
เดซี วัย 13 ปี หนึ่งในนักเรียนอังกฤษที่ตัดสินในเรียนโฮมสกูลนับตั้งแต่ที่มีการล็อคดาวน์ระลอกแรกยอมรับว่าตนเองรู้สึกชอบการเรียนที่บ้านมากกว่า เพราะให้ความรู้สึกดีเหมือนเมฆที่ลอยสูงขึ้น และเมื่อต้องคิดว่าจะต้องกลับไปเรียนที่โรงเรียนในวันพรุ่งนี้ เดซีรู้สึกได้เลยว่า ตนเองไม่อยากกลับไป
ด้านโทบี้ น้องชายวัย 11 ปีของเดซีที่เพิ่งสำเร็จการศึกษาจากระดับประถมศึกษาเมื่อปีที่ผ่านมา ตัดสินใจเรียนระดับมัธยมด้วยระบบโฮมสกูล เนื่องจากมองว่าเป็นเรื่องที่สะดวกมากกว่าที่จะเรียนหนังสือที่บ้าน แถมยังรู้สึกสะดวกสบายมากกว่าเพราะได้เรียนท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่ตนเองคุ้นเคย
ฝ่าย แคโรลีน คุณแม่ของเดซีและโทบี้ กล่าวว่า ในภาพรวมแล้ว แม้เด็กๆ จะไม่ได้ไปวิ่งเล่นกับเพื่อนๆ ที่โรงเรียน แต่ขณะนี้เด็กๆ กลับดูมีความสุขมากกว่าแต่ก่อน
ในส่วนของทอม วัย 13 ปีเพิ่งจะตัดสินใจยุติการเรียนที่โรงเรียนเมื่อ 3 สัปดาห์ที่แล้ว และมาเรียนระบบโฮมสกูล ภายใต้การดูแลของพ่อแม่เป็นหลัก โดยทอมกล่าวถึงสาเหตุที่ตัดสินใจมาเรียนหนังสือจากที่บ้านเป็นเพราะรู้สึกไม่มีความสุข แถมยังต้องเผชิญกับความเคร่งเครียดที่โรงเรียนมัธยม
“แม้จะไม่ได้ใช้เวลากับเพื่อนในโรงเรียนมากพอ แต่ผมก็ยังสามารถติดต่อกับเพื่อน ๆ ได้ดีสม่ำเสมอ” ทอมกล่าว
ขณะที่ ฟาเบียน แม่ของทอม ซึ่งหันมาสนับสนุนการเรียนโฮมสกูลของลูกกล่าวว่า ภาวะล็อคดาวน์และการระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้ตนเองเปลี่ยนวิธีคิดใหม่ โดยก่อนหน้าโควิด-19 ระบาด ตนเองไม่เคยคิดจะเป็นครูสอนประจำบ้าน แต่จู่ ๆ หลังโควิด-19 ตนและสมาชิกในครอบครัวก็สัมผัสได้ว่า การอยู่บ้านไม่ได้น่ากลัวหรือน่าเบื่ออย่างที่คิด
รายงานระบุว่า ปัจจุบันมีนักเรียนในย่าน Wiltshire ราว 788 คนเรียนโฮมสกูลแบบถาวร ส่วนในย่าน Bathและ ตะวันออกเฉียงเหนือของ Somerset อยู่ที่ราว 188 คน
Pat Black หัวหน้าฝ่ายการศึกษาในระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษาตอนต้นของมหาวิทยาลัย Bath Spa กล่าวว่าภาวะหยุดชะงักที่เกิดจากไวรัสโควิด-19 เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้ตัวเลขโฮมสกูลเพิ่มสูงขึ้น
“เรามีการเรียนการสอนในรูปแบบที่ต่างจากปกติมาก ไม่ว่าจะเป็นการล็อกดาวน์ และมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมที่ยังคงมีผลบังคับใช้เมื่อนักเรียนกลับมาที่โรงเรียน บวกกับการที่ต้องทดสอบอุณหภูมิ ตรวจเอทีเค ทำความสะอาดอย่างเคร่งครัด เข้มงวดตลอดเวลา ทำให้เด็กเครียดและไม่อยากมาโรงเรียนเพื่อเรียนในสภาพแวดล้อมที่ต้องระแวดระวังเช่นนี้” Pat Black กล่าว
อย่างไรก็ตาม Steve Chalke ผู้ก่อตั้ง Oasis Community Learning ซึ่งดูแลโรงเรียน 52 แห่งทั่วประเทศ รวมถึง 9 แห่งในตะวันตก ออกมาโต้แย้งว่า แม้การให้การศึกษาแก่เด็กนักเรียนที่บ้านอาจ “น่าดึงดูด” แต่ก็ไม่สามารถทดแทนการไปโรงเรียนได้
“การได้ไปโรงเรียนเป็นสถานที่ที่ดีที่สุดสำหรับเด็กทุกคน คุณต้องการความคิดเห็นที่หลากหลายจากผู้คนที่แตกต่างกัน อีกทั้งโรงเรียนยังเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับการเข้าสังคม เป็นเรื่องของทักษะทางสังคมที่คุณสามารถเรียนรู้ได้ในกลุ่มเท่านั้น” Chalke ก่อนเสริมว่า การเรียนที่บ้านอาจถูกมองว่าเป็น “ทางแก้ไขที่ง่ายที่สุด” ในกรณีที่เด็กไม่ชอบไปโรงเรียน แต่ขณะเดียวกันก็มีความท้าทายมากมายที่ต้องเผชิญด้วยเช่นกัน อย่างน้อย พ่อแม่ผู้ปกครองต้องมีความสามารถในการประมวล คิดวิเคราะห์และจัดตารางเรียนหรือให้ข้อมูลเกี่ยวกับหลักสูตรการศึกษาที่หลากหลายได้ ซึ่งแน่นอนว่า การคิดออกแบบหลักสูตรการเรียนเป็นสิ่งที่ทางโรงเรียนมีแนวโน้มจะทำได้ดีกว่า
“โรงเรียนคือการอยู่ร่วมกันและเรียนรู้จากกันและกัน มากพอๆ กับการเรียนรู้จากครู” Chalke กล่าวปิดท้าย