สถาบันการเงินเอกชนชั้นนำในอังกฤษร่วมมือเปิดตัวกองทุนการกุศลเพื่อการศึกษา โดยตั้งเงื่อนไขแลกเปลี่ยนให้นักลงทุนรายย่อยมีโอกาสเข้าถึงกองทุนรวมชั้นนำของประเทศ หากนักลงทุนรายย่อยเหล่านี้เต็มใจแบ่งปันผลกำไรที่ได้จากการลงทุนในตลาดบริจาคให้กับองค์กรการกุศลเพื่อการศึกษาที่สถาบันการเงินเอกชนชั้นนำเหล่านี้ให้การสนับสนุนอยู่
โดยเว็บไซต์หนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียล ไทม์สรายงานว่า บรรดานักลงทุนรายย่อยในอังกฤษจะสามารถเข้าถึงกองทุนรวมของกลุ่มไพรเวทอิควิตี้กรุ๊ปชั้นนำ 8 กลุ่ม หากนักลงทุนเหล่านี้มุ่งมั่นที่จะบริจาครายได้ครึ่งหนึ่งให้กับ Greater Share องค์กรการกุศลที่เพิ่งเปิดใหม่ในสหราชอาณาจักร ซึ่งสร้างขึ้นโดยมีเป้าหมายที่จะจัดสรรเงินทุนอย่างน้อย 300 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่อเป็นทุนสนับสนุนด้านการศึกษา
รายงานระบุว่า Greater Share นี้ ถือเป็นโครงการริเริ่มโดยใช้นวัตกรรมทางการเงินที่ผสมผสานเชื่อมโยงระหว่างผลกำไรในตลาดเข้าการกุศล ภายใต้การสนับสนุนจากกลุ่มบริษัทการเงินการลงทุนชั้นนำ เช่น
Advent International, Bain Capital, Cinven, Hg Capital, Nautic Partners และ Permira โดยทั้งหมดเป็นบริษัทจัดการการลงทุนที่ให้การสนับสนุนทางการเงินและทำการลงทุนในบริษัทที่มีแนวโน้มหรือโอกาสเติบโตที่ดี
ทั้งนี้ นักลงทุนกระเป๋าหนักที่ยินดีและเต็มใจที่จะบริจาคเงินอย่างน้อย 500,000 เหรียญสหรัฐเข้ากองทุน Greater Share นี้จะได้รับ เงินต้นและอัตราผลตอบแทนของการลงทุนในกองทุนหลังจากที่ลงทุนเข้าไปแล้ว 10 ปี โดยขึ้นอยู่กับผลประกอบการของตัวกองทุน ขณะที่ เงินที่นักลงทุนบริจาค ทางกลุ่มบริษัทการเงินการลงทุนชั้นนำที่ให้การสนับสนุนกองทุน Greater Share จะจัดการจับคู่เงินบริจาคเหล่านี้กับทางองค์กรการกุลศลเพื่อการศึกษาต่อไป
สำหรับความเคลื่อนไหวในครั้งนี้ถือเป็นแนวทางใหม่ในการขยายช่องทางสนับสนุนองค์กรการกุศล ผ่านเครื่องมือยกระดับทางการเงิน (financial leverage) โดยมุ่งเน้นไปที่การบริจาคให้กับกลุ่มองค์กรกุศลที่ทางที่ปรึกษากลยุทธ์การลงทุนคัดเลือกมา โดยองค์กรการกุศลนี้จะเน้นที่องค์กรที่มุ่งให้การส่งเสริมสนับสนุน “การเรียนรู้ที่ให้เด็กเป็นศูนย์กลาง” หรือ “child-centred learning”
(Financial leverage หมายถึงเครื่องมือทางการเงินที่จะช่วยเพิ่มความสามารถในการลงทุนให้สูงขึ้น ช่วยทำให้นักลงทุนสามารถทำผลตอบแทนได้มากขึ้น แต่ก็มีความเสี่ยงที่จะทำให้ขาดทุนมากขึ้นด้วยเช่นกัน โดยเครื่องมือในตลาดการลงทุนที่จะช่วยเพิ่มความสามารถในการลงทุนให้สูงขึ้นก็จะเป็นตราสารอนุพันธ์ประเภทต่างๆ ไม่ว่า ฟิวเจอร์, ออฟชั่น, ฟอร์วาร์ด, และ สวอป ฯลฯ )
พอล เฟลทเชอร์ (Paul Fletcher) ประธานกองทุน Greater Share แสดงความเชื่อว่าการดำเนินการในครั้งนี้จะสามารถสร้างโอกาสและการเปลี่ยนแปลงในชีวิตให้กับเด็กๆ ทั่วโลกมากยิ่งขึ้น
“การใช้ความเชี่ยวชาญของกองทุนไพรเวทอิควิตี้ชั้นนำของโลกและองค์กรพัฒนาเอกชนที่ประสบความสำเร็จในการเปลี่ยนแปลงวิธีที่เด็กในชุมชนชายขอบสามารถเรียนรู้ได้ เราสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริงและวัดผลได้สำหรับเด็ก” พอล เฟลทเชอร์ (Paul Fletcher) ประธานกองทุน Greater Share กล่าว
นอกจากนี้ เฟลทเชอร์ยังกล่าวเสริมอีกว่า บรรดากองทุนที่สร้างผลกระทบทางสังคมในขณะนี้ต่างเปิดทางให้นักลงทุนผู้มั่งคั่งได้ลงทุนในองค์กรที่สามารถสร้างรายได้ผลตอบแทนควบคู่ไปกับการมอบประโยชน์ทางสังคม ขณะที่ฝ่ายองค์กรการกุศลหลายแห่งก็เริ่มแสวงหาแนวทางที่จะเพิ่มเงินบริจาคด้วย “การลงทุนที่เกี่ยวข้องกับพันธกิจ” ขององค์กรมากขึ้น
ยกตัวอย่างเช่น ในกรณีของ The Children’s Investment Fund Foundation หรือ มูลนิธิกองทุนเพื่อการลงทุนสำหรับเด็ก ได้รับเงินทุนสนับสนุนจากการเข้าไปลงทุนในกองทุนที่หลากหลาย
หลายฝ่ายมองว่ารูปแบบใหม่ของการจัดหาเงินเพื่อการกุศลนี้เป็นอีกหนึ่งช่องทางให้นักลงทุนรายย่อยจำนวนสามารถเข้าถึงผู้จัดการการลงทุนชั้นนำหรือผู้เชี่ยวชาญ พร้อม ๆ กับการที่สามารถเข้าถึงทางเลือกในการหักลดหย่อนภาษีในกรณีที่บริจาคเพื่อการกุศล ซึ่งในท้ายที่สุดแล้วก็จะทำให้จำนวนเงินที่สมทบทุนบริจาคเข้ากองทุนเพิ่มมากขึ้น
ในส่วนขององค์กรการกุศลผู้รับผลประโยชน์ ซึ่งกำลังสร้างเครือข่ายเพื่อให้ได้รับประสบการณ์และคำแนะนำทางการเงินจากกลุ่มไพรเวทอิควีตี้ มีตั้งแต่ องค์กรด้านการศึกษาที่มีเครือข่ายระดับโลกอย่าง Teach for All ไปจนถึงองค์กร Camfed ซึ่้งเน้นยกระดับการศึกษาในแถบซับซาฮารา (ตอนใต้ของทะเลทรายซาฮารา) ในแอฟริกา, กลุ่ม aeioTU ในละตินอเมริกา, กลุ่ม Kaivalya ในอินเดีย, กลุ่ม KIPP แล ะNational Institution for Student Success ในสหรัฐ, และกลุ่ม London Early Years Foundation กับกลุ่ม West London Zone ในสหราชอาณาจักร
รายงานระบุว่า องค์กรการกุศลข้างต้นทั้งหมดได้รับการคัดเลือกจากคณะกรรมการการศึกษาของกองทุน Greater Share ภายใต้การปรึกษาร่วมกับ Bridgespan ซึ่งเป็นกลุ่มที่ปรึกษาด้านการกุศล และคาดว่าองค์กรการกุศลที่คัดเลือกมานี้ทั้งหมดจะได้รับเงินทุนช่วยเหลือในช่วง 10 ปีนับจากนี้ โดยจำนวนเงินที่ได้รับจะมีการพิจารณาเป็นระยะๆ
ด้าน เกรแฮม เอลตัน (Graham Elton) หัวหน้าฝ่ายกองทุนรวมประจำภูมิภาคยุโรปของบริษัท Bain ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งกองทุน Greater Share กล่าวว่า คนที่มีฝีมือในการหาเงินย่อมมุ่งเน้นไปที่การทำเงินเป็นหลัก แถมยังให้ความสำคัญกับวิธีที่จะใช้เงินที่หามาได้อย่างสมเหตุสมผลและมีประโยชน์สำหรับตนเอง
“รูปแบบดังกล่าวเป็นการปูทางไปสู่การผสมผสานแนวทางด้านการกุศลกับโครงสร้างทางการเงินเข้าไว้ด้วยกันเพื่อใช้เป็นทุนตั้งต้นริเริ่มเพื่อสนับสนุนการดำเนินการขององค์การอิสระต่างๆ ที่มุ่งแก้ไขปัญหาทางสังคม การเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ, สุขภาพ, สิ่งแวดล้อม และการศึกษา” เอลตัน กล่าว
ที่มา : Financial Times