Feed the Children องค์การอิสระไม่แสวงหาผลกำไรในสหรัฐฯ จัดงบประมาณมากกว่า 4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับโครงการซื้อหนังสือให้โรงเรียนและชุมชนทุกแห่งในเครือข่ายทั่วประเทศสหรัฐฯ ต้อนรับเดือนมีนาคมซึ่งถือเป็นเดือนแห่งการอ่านแห่งชาติ โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมสนับสนุนทักษะการอ่านของเด็กนักเรียน
สื่อท้องถิ่นรายงานว่า โครงการจัดหาและส่งมอบหนังสือให้กับโรงเรียนครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามที่จะให้ความช่วยเหลือนักเรียนที่มีปัญหาทางด้านการอ่านสามารถขัดเกลาทักษะการอ่านในช่วงที่ไวรัสโควิด-19 ยังคงระบาดอยู่ในเวลานี้
โดย Feed the Children ถือเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรในสหรัฐฯ ที่มุ่งบรรเทาปัญหาความหิวโหยในเด็ก กล่าวว่า ขณะนี้ ทางองค์กรกำลังอยู่ในระหว่างการเดินหน้าแจกจ่ายหนังสือมากกว่า 275,000 เล่มให้กับโรงเรียนและพันธมิตรในชุมชนทั่วประเทศในช่วงเดือนแห่งการอ่านแห่งชาตินี้
สำหรับแนวคิดริเริ่มแจกหนังสือนี้เป็นการต่อยอดจากเป้าหมายดั้งเดิมในการบรรเทาความหิวโหยของเด็ก ๆ กล่าวคือจากการแก้ไขความหิวโหยในเรื่องของปากท้อง ก็มุ่งแก้ปัญหาความหิวโหยทางด้านจิตใจของเด็ก ๆ ซึ่งโดยรวมแล้ว องค์กรไม่แสวงหากำไรแห่งนี้ ตั้งเป้าจะแจกจ่ายหนังสือทั้งหมดจำนวน 13 รถบรรทุก มูลค่ารวมมากกว่า 4 ล้านดอลลาร์สหรัฐในระหว่างโครงการนี้
ทั้งนี้ Feed the Children เชื่อมั่นว่าการส่งหนังสือถึงมือนักเรียนทั่วอเมริกามีความสำคัญมากกว่าที่เคยในช่วงเวลาที่เพิ่งผ่านพ้นวิกฤตไวรัสโควิด-19 เช่นนี้ โดยทางองค์กร จะจัดส่งหนังสือให้กับโรงเรียนทั่วประเทศ ครอบคลุมตั้งแต่ ทางตะวันตกสุดของลอสแองเจลิส ทางตะวันออกสู่เมืองบัลติมอร์ในรัฐแมริแลนด์ ทางเหนือสู่เมืองดีทรอยต์ รัฐมิชิแกน และทางใต้สู่เมืองดัลลาส รัฐเท็กซัส
นอกจากนี้ Feed the Children ยังร่วมมือกับเครือข่ายชนเผ่าพื้นเมืองในแต่ละพื้นที่ ตลอดจนโรงเรียนและพันธมิตรในชุมชนที่เข้าถึงชนบทที่ด้อยโอกาสเพื่อส่งมอบหนังสือหลากหลายประเภทที่เหมาะสมกับเด็กนักเรียนในแต่ละช่วงวัย
มิสตี โลเปซ (Misty Lopez) ผู้ช่วยครูใหญ่แห่งโรงเรียน Blackwater Community School ในรัฐแอริโซนา ซึ่งเป็นหนึ่งในโรงเรียนที่ได้รับหนังสือจากองค์กร Feed the Children กล่าวว่า โครงการนี้เป็นโครงการที่น่าทึ่งและยอดเยี่ยม โดยหนังสือมีตั้งแต่สำหรับเด็กก่อนวัยเรียนไปจนถึงวรรณกรรมสำหรับผู้ใหญ่ ซึ่งทางโรงเรียนรู้สึกขอบคุณเป็นอย่างมาก
ทั้งนี้ การแจกหนังสือเหล่านี้เป็นเพียงหนึ่งในวิธีที่องค์กร Feed the Children ดำเนินการเพื่อให้หนังสือเข้าไปอยู่ในมือของนักเรียนโดยตรง โดยในแต่ละปีนับตั้งแต่ปี 2012 ทางองค์กรฯได้ทำการแจกจ่ายหนังสือให้กับนักการศึกษาในโรงเรียนผ่านทางร้าน Teacher Store ที่มีอยู่ 5 แห่งทั่วสหรัฐฯ
การแจกหนังสือครั้งนี้มีขึ้นท่ามกลางความกังวลต่อทักษะการอ่านที่ถดถอยของเด็กนักเรียน โดยผลการศึกษาล่าสุดขององค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) เปิดเผยว่ามีเด็กอีก 100 ล้านคนที่ทักษะการอ่านขั้นต่ำด้อยลงอย่างเห็นได้ชัด อันเนื่องมาจากการปิดโรงเรียนจากเหตุไวรัสโควิด-19 ระบาด
ตามรายงาน นักเรียนอายุน้อยและนักเรียนในกลุ่มยากจนมีทักษะการอ่านที่ลดลงมากที่สุด
ในมุมมองของนักการศึกษา ทักษะการอ่านที่คล่องแคล่วถือเป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับการพัฒนาทางวิชาการ เนื่องจากปัญหาของทักษะนี้อาจรบกวนความสามารถของนักเรียนในการเรียนรู้วิชาอื่น ๆ ในระดับการศึกษาที่สูงขึ้นไป ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพในระยะยาว ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มพูนความรู้ ความจำ และคำศัพท์ ตลอดจนการช่วยลดระดับความเครียด
แทรวิส อาร์โนล์ด (Travis Arnold) ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ขององค์กร Feed the Children กล่าวว่า นิสัยการรักการอ่านเป็นนิสัยที่ดีที่สามารถนำไปสู่ความสำเร็จทางวิชาการ และทางองค์กรภูมิใจที่ได้ร่วมงานกับโรงเรียนและพันธมิตรทั่วประเทศเพื่อมอบหนังสือให้ถึงมือเด็กนักเรียนโดยตรง
” Feed the Children เข้าใจถึงความสำคัญของการศึกษาและเชื่อว่าเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการทำลายวงจรความยากจน”
สำหรับเดือนแห่งการอ่านแห่งชาติ หรือ National Reading Month ได้รับการออกแบบมาเพื่อส่งเสริมให้คนอเมริกันทุกวัยได้อ่านหนังสือทุกวัน นอกจากนี้ยังท้าทายให้ทุกคนอ่านและมีส่วนร่วมกับเด็กเพื่อให้การอ่านเป็นประสบการณ์ที่สนุกสนานและมีการโต้ตอบมากขึ้น
องค์กร Feed the Children เป็นองค์กรอิสระที่มีเป้าหมายเพื่อขจัดความหิวโหยของเด็กในสหรัฐฯ และทั่วโลก โดยทุ่มเทให้ความช่วยเหลือครอบครัวและชุมชนให้มีชีวิตที่มั่นคงเพื่อลดความต้องการความช่วยเหลือในวันพรุ่งนี้ ควบคู่ไปกับการจัดหาอาหารและทรัพยากรเพื่อช่วยเหลือคนที่ต้องการในปัจจุบัน ในสหรัฐฯ ทางองค์กรฯทำหน้าที่เป็นคนกลางในการแจกจ่ายการบริจาคผลิตภัณฑ์จากผู้บริจาคองค์กรให้กับพันธมิตรในชุมชนในท้องถิ่น และให้การสนับสนุนครูและนักเรียน และระดมทรัพยากรเพื่อช่วยเหลือฟื้นฟูผู้ที่ได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติอย่างรวดเร็ว ขณะที่ในระดับสากล ทางองค์กรมุ่งเน้นจัดการโครงการพัฒนาชุมชนสำหรับเด็ก และยินดีต้อนรับเครือข่ายพันธมิตรเพิ่มเติมฃ