เมื่อวันที่ 26 ก.ค. 2565 การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่มีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน มีมติเห็นชอบในหลักการ “ปรับอัตราเงินอุดหนุนค่าใช้จ่ายรายหัวสำหรับผู้เรียนการศึกษาขั้นพื้นฐาน”
นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรีเห็นชอบในหลักการเพิ่มงบ ฯ อุดหนุนรายหัว เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายของผู้เรียนและเพิ่มศักยภาพสถานศึกษาในการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน 15 ปี ตั้งแต่ระดับก่อนประถมศึกษา ประถมศึกษา มัธยมศึกษาตอนต้น มัธยมศึกษาตอนปลาย และประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) ทั้งสถานศึกษาของรัฐและเอกชน ครอบคลุมการจัดการศึกษาโดยครอบครัวและสถานประกอบการตามมาตรา 12 แห่งพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ
สำหรับการปรับเพิ่มงบ ฯ ครอบคลุมค่าใช้จ่าย 4 รายการ ได้แก่ 1.ค่าอุปกรณ์การเรียน ปรับเพิ่มตามผลการศึกษาค่าใช้จ่ายจริงสำหรับอุปกรณ์การเรียนพื้นฐาน อ้างอิงราคาขายร้านสหกรณ์โรงเรียน โดยจัดให้ผู้เรียนการศึกษาขั้นพื้นฐานทุกคน ตั้งแต่ปี 2566 และคงอัตราเดิมในปีต่อไป 2.ค่าเครื่องแบบ ปรับตามผลการศึกษาค่าใช้จ่ายจริงสำหรับเครื่องแบบนักเรียน 1 ชุด ประกอบด้วยเสื้อ กางเกง หรือกระโปรง โดยให้ผู้เรียนทุกคนมีเครื่องแบบครบ 1 ชุด และเพิ่มเติมอีก 1 ชุดเฉพาะผู้เรียนยากจนที่ผู้ปกครองถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 3.ค่าจัดการเรียนการสอน ปรับเพิ่มร้อยละ 2 ในปีที่ 1 และเพิ่มเป็นร้อยละ 20 ในปีที่ 4 จากอัตราในปัจจุบัน 4.ค่ากิจกรรมพัฒนาคุณภาพผู้เรียน ปรับเพิ่มร้อยละ 2 ในปีที่ 1 และเพิ่มเป็นร้อยละ 30 ในปีที่ 4 จากอัตราในปัจจุบัน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า การปรับเพิ่มเงินอุดหนุนครั้งนี้ เป็นครั้งแรกในรอบกว่า 10 ปี ที่รัฐบาลเพิ่มงบประมาณให้กับโครงการสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการจัดการศึกษาตั้งแต่ระดับอนุบาลจนจบการศึกษาขั้นพื้นฐาน หรือ นโยบายเรียนฟรี 15 ปีอย่างมีคุณภาพ ซึ่งเริ่มตั้งแต่ปีการศึกษา 2552 และมีการปรับงบ ฯ ครั้งล่าสุดคือปี 2553 โดยการปรับเพิ่มครั้งนี้จะใช้วิธีทยอยปรับแบบขั้นบันไดต่อเนื่อง 4 ปีงบประมาณ ตั้งแต่ปี พ.ศ.2566 – 2569 ซึ่งเป็นอัตราที่ควรจะเป็นตามผลการศึกษาของสำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ
“นักเรียนและผู้ปกครองจะได้รับเครื่องแบบนักเรียนและอุปกรณ์การเรียนที่เพิ่มขึ้น สถานศึกษาจะได้รับค่าใช้จ่ายในการจัดการเรียนการสอนและค่าจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนเพิ่มขึ้น ตั้งแต่ระดับก่อนประถมศึกษาจนถึงระดับมัธยมศึกษาตอนปลายรวมทั้งผู้เรียนสายอาชีพในระดับ ปวช. ทั้งการศึกษาในระบบและนอกระบบ ทั้งภาครัฐและเอกชนทุกสังกัด ซึ่งในปัจจุบันหรือปีงบ ฯ 2565 รัฐบาลให้เงินอุดหนุน ฯ ประมาณ 46,482 ล้านบาท จากนั้นจะทยอยปรับเพิ่มขึ้นแบบขั้นบันไดในลักษณะงบประมาณผูกพันต่อเนื่อง โดยในปีที่ 4 หรืองบ ฯ ปี 2569 จะเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันประมาณ 8,066 ล้านบาทเศษ เป็นเงินอุดหนุน ฯ 54,548 ล้านบาท”
ทั้งนี้ กระทรวงศึกษาธิการประเมินว่าการเพิ่มอัตราเงินอุดหนุนครั้งนี้ จะช่วยแบ่งเบาภาระรายจ่ายของนักเรียนกว่า 11.5 ล้านคน สอดคล้องกับสภาพทางเศรษฐกิจและสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป สถานศึกษาสามารถพัฒนาคุณภาพการศึกษาให้ได้มาตรฐานมากยิ่งขึ้น ผู้เรียนทุกคนเข้าถึงการศึกษาได้อย่างเสมอภาคและเท่าเทียมกัน ลดอุปสรรคสำคัญในการตัดสินใจเข้าศึกษาต่อของผู้เรียนโดยเฉพาะผู้เรียนยากจน ถือเป็นการวางรากฐานและการลงทุนด้านทรัพยากรมนุษย์ให้มีคุณภาพต่อไปในอนาคต