กสศ. พร้อมยกเครื่องหลักสูตรการพัฒนาอาชีพสู่แรงงานคุณภาพเพื่อเตรียมพร้อมเข้าสู่ตลาดแรงงาน ช่วยปลดล็อคความเหลื่อมล้ำ เพิ่มฐานภาษี นำประเทศไทยพ้นกับดักรายได้ปานกลาง เตรียมเปิดผลวิจัยสำรวจทักษะและความพร้อมของกลุ่มประชากรวัยแรงงานในประเทศไทยครั้งแรก กลางปี 2566
18 มกราคม 2566 – กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ร่วมกับ ธนาคารโลก มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และ สำนักงานสถิติแห่งชาติจัด ‘เวทีนโยบายการพัฒนาเยาวชนและประชากรวัยแรงงานสู่ความพร้อมรับมือตลาดแรงงานยุคใหม่’ เพื่อวางเป้าหมายพัฒนาทักษะพื้นฐานการทำงานในโลกยุคใหม่ มุ่งหมายปลดล็อคความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและการศึกษา
![](https://www.eef.or.th/wp-content/uploads/2023/01/12-โลกยุคใหม่ต้องการแรงงานที่มีคุณภาพ-กสศ-06.jpg)
วิทยากรร่วมเสวนาในครั้งนี้ประกอบไปด้วย ดร.ไกรยส ภัทราวาท ผู้จัดการกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ร่วมด้วย เรืออากาศโท สมพร ปานดำ รองเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา นายสรรชัย ชอบพิมาย ผู้อำนวยการกองพัฒนาผู้ฝึกและเทคโนโลยีการฝึก กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ดร.สมชัย จิตสุชน ที่ปรึกษาคณะอนุกรรมการส่งเสริมและพัฒนาเยาวชนและประชากรวัยแรงงานนอกระบบ กสศ. และ ผู้อำนวยการวิจัยด้านการพัฒนาอย่างทั่วถึง สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย คุณโคจิ มิยาโมโตะ (Mr. Koji Miyamoto) นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส (Senior Economist) ด้าน Global Practice จากธนาคารโลก (World Bank) ผศ.ดร.ศุภชัย ศรีสุชาติ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ร่วมด้วยตัวแทนสื่อมวลชน และบุคคลทั่วไปร่วมรับฟังผ่านช่องทางออนไลน์
ก้าวพ้นกับดักประเทศรายได้ปานกลาง ด้วยการพัฒนาแรงงานให้เท่าทันโลก
![](https://www.eef.or.th/wp-content/uploads/2023/01/ดร.ไกรยส-ภัทราวาท-1.jpg)
ดร.ไกรยส ภัทราวาท ผู้จัดการกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา กล่าวว่า เวทีนโยบายการพัฒนาเยาวชนและประชากรวัยแรงงานสู่ความพร้อมรับมือตลาดแรงงานยุคใหม่ ภายใต้หัวข้อ ‘ปลดล็อคความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและการศึกษา’ ผ่านการพัฒนา ‘ทักษะพื้นฐานของการทำงานในโลกยุคใหม่’ นี้วางเป้าหมายเพื่อการพัฒนาความร่วมมือด้านวิชาการและจัดทำข้อเสนอแนะเชิงนโยบายในการพัฒนาทุนมนุษย์ไทยให้พร้อมรับมือกับการแข่งขันในศตวรรษที่ 21
การวิจัยสำรวจทักษะและความพร้อมกลุ่มประชากรวัยแรงงานในประเทศไทยถือว่าเป็นขั้นตอนสำคัญที่สามารถหาคำตอบร่วมกัน เพื่อเป็นแนวทางในการยกระดับทักษะแรงงาน และการกำหนดนโยบายด้านการศึกษาให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของตลาดแรงงานในโลกยุคดิจิทัล รวมทั้งเพิ่มขีดความสามารถในด้านการแข่งขัน พาประเทศไทยก้าวพ้นกับดักประเทศรายได้ปานกลาง และเพื่อพัฒนาให้แรงงานในประเทศไทยกลายเป็นแรงงานที่มีทักษะสูงขึ้น ซึ่งคุณภาพชีวิตประชากรก็จะถูกยกระดับตามไปด้วย สามารถยุติวงจรความยากจนข้ามรุ่น และลดความเหลื่อมล้ำในมิติต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
![](https://www.eef.or.th/wp-content/uploads/2023/01/12-โลกยุคใหม่ต้องการแรงงานที่มีคุณภาพ-กสศ-05.jpg)
ทั้งนี้ การพัฒนาทักษะการทำงานในโลกยุคใหม่ จำเป็นต้องดำเนินการให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัญหาของเยาวชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงการฟื้นฟูประเทศจากวิกฤตโควิด-19
ประเด็นสำคัญประการแรก คือประเทศไทยกำลังเผชิญกับปัญหาเยาวชนหลุดออกจากระบบการศึกษา ที่หากไม่แก้ไขจะสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจและสังคมให้กับประเทศ
การวิเคราะห์ของสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทยพบว่า ประเทศไทยมีกลุ่ม NEET (Youth not in education, employment, or training) ซึ่งหมายถึงเยาวชนวัย 15-24 ปี ที่ไม่อยู่ในระบบการศึกษา การจ้างงาน หรือการฝึกอบรมพัฒนาใดๆ ถือเป็นทรัพยากรมนุษย์ที่ไม่ได้ใช้ศักยภาพของตนเองอย่างเต็มที่
![](https://www.eef.or.th/wp-content/uploads/2023/01/12-โลกยุคใหม่ต้องการแรงงานที่มีคุณภาพ-กสศ-01.jpg)
ดร.ไกรยส เน้นย้ำว่า เราจำเป็นต้องค้นหาและพาเด็กเยาวชนกลุ่มนี้กลับเข้าสู่การพัฒนา ไม่ว่าจะเป็นการศึกษาในหรือนอกระบบการทำงาน หรือการพัฒนาตนเองตามแนวทางที่เหมาะสม เพราะผลสำรวจระบุว่า ในปี 2562 ประเทศไทยมี NEET มากถึง 1.3 ล้านคน ซึ่งคิดเป็นราวร้อยละ 10 ของประชากรฐานภาษี และคิดเป็นร้อยละ 14 ของเยาวชนไทย
นอกจากนี้กลุ่ม NEET ยังมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีอยู่ที่ร้อยละ 1 ซึ่งสวนทางกับอัตราลดลงของเยาวชนไทยเฉลี่ยร้อยละ 1.2 ในทศวรรษที่ผ่านมา โดยร้อยละ 65 ของกลุ่ม NEET เป็นเพศหญิง มีปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยเรียนเป็นสาเหตุสำคัญ จากสถิติพบว่าร้อยละ 8 ของกลุ่ม NEET คือเพศหญิงที่ต้องทำงานบ้าน ที่น่าตกใจคือ กว่าครึ่งมีสถานภาพสมรสและสำเร็จการศึกษาเพียงระดับมัธยม
“ยูเนสโกประมาณการว่า หากไม่มีการนำเด็กเยาวชนกลุ่มนี้เข้าสู่กระบวนการพัฒนา ปัญหาเด็กและเยาวชนนอกระบบการศึกษาจะสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจและสังคมให้กับประเทศไทยเป็นมูลค่าสูงถึง 330,000 ล้านบาททุกปี คิดเป็นร้อยละ 3 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติ (GDP) ของประเทศ ซึ่งเท่ากับค่าเฉลี่ยของการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยตลอดทศวรรษที่ผ่านมา
![](https://www.eef.or.th/wp-content/uploads/2023/01/12-โลกยุคใหม่ต้องการแรงงานที่มีคุณภาพ-กสศ-07.jpg)
นอกจากนี้สถานการณ์ของเด็กและเยาวชนนอกระบบการศึกษาของไทยหลังโควิด-19 ยังคงมีแนวโน้มแย่ลงในทุกพื้นที่ของประเทศ ซึ่งสร้างความเสียหายโดยตรงกับโอกาสในการพัฒนาเศรษฐกิจในการหลุดพ้นจากกับดักประเทศรายได้ปานกลาง (Middle Income Trap) และด้วยสถานการณ์ที่ประเทศไทยกำลังเข้าสู่สังคมสูงวัยโดยสมบูรณ์ เราไม่สามารถปล่อยให้เยาวชนแม้สักคนหลุดไปจากการพัฒนาได้อีกแล้ว เราต้องหาทางช่วยพวกเขาในวันนี้ เพื่อความเปลี่ยนแปลงที่ดีของสังคมไทยในอนาคต”
สำรวจทุกทักษะพร้อมปั้นในประชากรวัยแรงงาน Upskill Reskill เพื่ออนาคตที่คุ้มค่าของทั้งเด็กและประเทศ
ผลสำรวจยังสะท้อนถึงปัญหาคุณภาพประชากรวัยแรงงานผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์และด้อยโอกาสว่า ประชากรวัยแรงงานอายุ 15 ปีขึ้นไปที่มีวุฒิการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนต้นและต่ำกว่า มีจำนวนมากกว่า 16.1 ล้านคน แม้ว่าประชากรรุ่นใหม่กลุ่มนี้จะสำเร็จการศึกษาภาคบังคับ แต่ส่วนใหญ่ยังเป็นเพียงแรงงานนอกระบบ ทำงานลักษณะกึ่งฝีมือหรือไร้ฝีมือ จึงต้องเผชิญกับความไม่มั่นคงทางรายได้และขาดการคุ้มครองทางสังคม
![](https://www.eef.or.th/wp-content/uploads/2023/01/12-โลกยุคใหม่ต้องการแรงงานที่มีคุณภาพ-กสศ-09.jpg)
“แรงงานกลุ่มนี้จำเป็นต้องได้รับการพัฒนาจากการเป็นแรงงานไร้ฝีมือไปสู่การเป็นแรงงานฝีมือดี ซึ่งเป็นการลงทุนของประเทศที่คุ้มค่า เพราะเยาวชนหรือประชากรวัยแรงงาน อายุ 15-25 ปีกลุ่มนี้ เขาจะอยู่ในตลาดแรงงานไปอีกอย่างน้อย 30 ปีหรือมากกว่านั้น
ถ้าเราลงทุนกับกลุ่มเป้าหมายตอนนี้ โอกาสที่ดอกผลจะคืนกลับมาที่ตัวของเขาและสังคมไทย จะยิ่งมีมากขึ้นในวันข้างหน้า การจ้างงานของแรงงานกลุ่มนี้เราสามารถ upskill reskill ได้ โดยเฉพาะหลังสถานการณ์โควิด-19 ที่ทำให้เกิดการปฏิวัติวงการอุตสาหกรรม เทคโนโลยี มีการทำงานรูปแบบใหม่ ๆ ที่มาพร้อมกับพัฒนาการของ AI หรือปัญญาประดิษฐ์ ทำให้กำลังแรงงานไทยต้องทบทวนว่า เราจะมีขีดความสามารถแข่งขันได้อย่างไรท่ามกลางความเปลี่ยนแปลง” ดร.ไกรยส กล่าว
ดร.ไกรยส กล่าวว่า จากข้อท้าทายดังกล่าว กสศ. จึงได้ร่วมกับ ธนาคารโลก มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และ สำนักงานสถิติแห่งชาติ โดยได้รับการสนับสนุนภาคนโยบายจาก กระทรวงศึกษาธิการและกระทรวงแรงงาน เพื่อพัฒนาความร่วมมือด้านวิชาการและจัดทำข้อเสนอแนะเชิงนโยบายในการพัฒนาทุนมนุษย์ไทยให้มีศักยภาพพร้อมแข่งขันในศตวรรษที่ 21 ผ่าน ‘การวิจัยสำรวจทักษะและความพร้อมกลุ่มประชากรวัยแรงงานในประเทศไทย’ (Adult Skills Assessment in Thailand) ซึ่งถือเป็นการสำรวจครั้งแรกในเยาวชนและประชากรวัยแรงงานวัย 15-64 ปี เพื่อพัฒนาการสำรวจและประเมินทักษะในการเรียนรู้ การทำงาน การใช้ชีวิตประจำวัน รวมถึงทักษะด้านอารมณ์สังคม (Socio-Emotional Skills) และเป็นข้อมูลสำคัญในการกำหนดนโยบาย วางกลยุทธ์พัฒนาและยกระดับทักษะให้เหมาะสมกับความต้องการของตลาดแรงงาน
![](https://www.eef.or.th/wp-content/uploads/2023/01/12-โลกยุคใหม่ต้องการแรงงานที่มีคุณภาพ-กสศ-08.jpg)
การสำรวจทักษะและความพร้อมของเยาวชนและประชากรวัยแรงงาน โดยธนาคารโลก มีผลการดำเนินงานสำคัญ 4 ด้าน คือ
1.พัฒนาเครื่องมือ แบบประเมินด้านทักษะการอ่าน ทักษะทางสังคมและอารมณ์ (Socio-Emotional Skills) ทักษะดิจิทัล และแบบสอบถามชุดข้อมูลพื้นฐาน
2.ขับเคลื่อนผ่านเวทีนโยบายเพื่อพัฒนาความร่วมมือด้านวิชาการและข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย โดยได้รับความร่วมมือจากกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงแรงงาน กสศ. ธนาคารโลก มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สำนักงานสถิติแห่งชาติ ภาคีหน่วยราชการ และภาคเอกชน
3.สำรวจและประเมินจากกลุ่มตัวอย่างครอบคลุมทุกภูมิภาค
4.นำข้อเสนอในการประชุมทุกเวทีสู่การสรุปผลเบื้องต้นเพื่อจัดทำข้อเสนอเชิงนโยบายร่วมกับหน่วยงานภาคนโยบาย ภาคการศึกษา ภาคแรงงาน และภาคท้องถิ่น
ทักษะอ่านเขียน ทักษะดิจิทัล ทักษะทางอารมณ์สังคมสำคัญขนาดไหน
ชวนปลุกพลังทักษะพื้นฐานแห่งการทำงานในโลกยุคใหม่ ซึ่งให้ความสำคัญกับ ‘คน’
คุณโคจิ มิยาโมโตะ นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสด้าน Global Practice จากธนาคารโลก กล่าวว่า วิกฤตโควิด-19 นำมาซึ่งความเปลี่ยนแปลงทั้งวิถีดำรงชีวิตและรูปแบบการทำงาน ขณะที่ราคาโภคภัณฑ์ต่าง ๆ ทั้งพลังงานและอาหาร มีการขยับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง สะท้อนให้เห็นความเหลื่อมล้ำที่ถ่างกว้างออกไปอีกระหว่างสังคมเมืองกับสังคมชนบท อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงที่คาดการณ์ไม่ได้นี้ การพัฒนาแรงงานของประเทศจึงต้องให้ความสำคัญกับเรื่องความเสี่ยงและโอกาสโดยการปรับใช้นโยบายที่ให้ความสำคัญกับทักษะพื้นฐานการทำงานในโลกยุคใหม่ ซึ่งจะเป็นต้นทุนที่ทำให้คนเข้าถึงโอกาส และมีความสามารถในการรับมือกับความเสี่ยงและความเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ
![](https://www.eef.or.th/wp-content/uploads/2023/01/Mr.-Koji-Miyamoto.jpg)
ทักษะพื้นฐานการทำงานในโลกยุคใหม่ (Foundational Skill) แบ่งเป็น 3 ด้านหลัก ได้แก่ 1. ความสามารถอ่านเขียน (Literacy Skill) 2.Digital Skill ความสามารถในการเข้าใจและจัดการข้อมูล ICT (Digital Skill )และ 3.ทักษะทางอารมณ์สังคม (Socio-Emotional Skill )
“พลังของทักษะพื้นฐานการทำงานในโลกยุคใหม่ คือการพัฒนาตนเองเป็นลำดับขั้น เริ่มจากขั้นแรกซึ่งเป็นทักษะการอ่านออกเขียนได้ไปสู่กลไกความก้าวหน้าขั้นต่อ ๆ ไป ส่วนทักษะดิจิทัลคือการต่อยอดความอยากรู้ ความเข้าใจข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ สามารถสังเคราะห์องค์ความรู้ต่อยอดพัฒนาชีวิตตนเองให้ดียิ่งขึ้น และเพิ่มศักยภาพในการทำงานจนเป็นที่ต้องการของตลาดแรงงานจนผลักดันตนเองไปสู่การจ้างงานที่มีรายได้สูงขึ้น หรือในภาคของผู้ประกอบการก็สามารถเพิ่มผลผลิตและนวัตกรรมได้มากขึ้น
![](https://www.eef.or.th/wp-content/uploads/2023/01/12-โลกยุคใหม่ต้องการแรงงานที่มีคุณภาพ-กสศ-04.jpg)
ส่วนทักษะทางอารมณ์และสังคม คือความสามารถในการทำความเข้าใจและอยู่ร่วมกันนกับผู้อื่น เข้าใจตนเอง เห็นอกเห็นใจและช่วยเหลือคนอื่น ๆ ได้ในฐานะเพื่อนมนุษย์ นอกจากนี้ยังส่งผลด้านการดูแลตนเองในวิถีชีวิตและพฤติกรรมที่ดีต่อสุขภาพ ลดภาระบุคลากรและงบประมาณการดูแลของภาครัฐ รวมถึงเป็นพลเมืองที่ไม่ก่อปัญหาให้สังคม
เมื่อ ‘คน’ ซึ่งเป็นทรัพยากรสำคัญของประเทศมีงานทำ มีสุขภาพดี ดูแลตนเองได้ เขาจะพร้อมดำรงชีวิตบนความเปลี่ยนแปลง สามารถพาตัวไปหาโอกาส บริหารจัดการความเสี่ยงได้ด้วยตนเอง ซึ่งผลลัพธ์ที่สะท้อนกลับมาจะไม่เป็นประโยชน์ต่อคนคนหนึ่งหรือครอบครัวเท่านั้น หากยังสะท้อนไปถึงตลาดแรงงานของประเทศ และการพัฒนาเศรษฐกิจสังคมของชาติ”
![](https://www.eef.or.th/wp-content/uploads/2023/01/12-โลกยุคใหม่ต้องการแรงงานที่มีคุณภาพ-กสศ-03.jpg)
คนไทยทุกคนต้องมีโอกาสพัฒนาความสามารถ เพราะแรงงานคืออนาคต
![](https://www.eef.or.th/wp-content/uploads/2023/01/ผศ.-ดร.ศุภชัย-ศรีสุชาติ.jpg)
ผศ.ดร.ศุภชัย ศรีสุชาติ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า ในประเทศกำลังพัฒนาส่วนใหญ่ ทักษะพื้นฐานของแรงงานจะยังไม่อยู่ในมาตรฐานตามคาดหวัง ทั้งนี้ การพัฒนาทักษะอาชีพเพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับแรงงานไม่ได้เติมเต็มทักษะพื้นฐานเท่าที่ควร ดังนั้นหลักสูตรการพัฒนาอาชีพต้องให้ความสำคัญกับทักษะขั้นพื้นฐาน
การที่ประเทศจะลงทุนกับอะไรก็ตาม ต้องเริ่มที่ทักษะพื้นฐานเป็นจุดเริ่มต้น เพราะการพัฒนาทักษะเพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับแรงงานเป็นสิ่งสำคัญในประเทศกำลังพัฒนา แม้ว่าการลงทุนกับทักษะอาชีพจะมีมูลค่าสูง แต่ถ้าทักษะพื้นฐานยังไม่ได้รับการเติมเต็ม การลงทุนนั้นก็อาจยังไม่ได้ผลลัพธ์ที่คุ้มค่ากลับมา หรือได้ผลน้อยกว่าที่คาดไว้
![](https://www.eef.or.th/wp-content/uploads/2023/01/12-โลกยุคใหม่ต้องการแรงงานที่มีคุณภาพ-กสศ-02.jpg)
“ทักษะขั้นพื้นฐานไม่ได้สำคัญกับการจ้างงานแค่เฉพาะสายอาชีพเท่านั้น แต่เป็นงานทุกรูปแบบ เพราะฉะนั้น เราจึงต้องให้ความสำคัญในขั้นนโยบายกับทักษะพื้นฐานตั้งแต่ขั้นปฐมวัยอย่างครอบคลุม เป็น Learning for All และทำโดยเร็ว เพราะว่าทักษะพื้นฐานเหล่านี้เป็นสิ่งที่ต้องสะสมและมีความเฉพาะตัว ยิ่งเริ่มต้นได้เร็วเท่าไหร่ โอกาสที่จะบรรลุวัตถุประสงค์ ก็จะมีมากขึ้นเท่านั้น”
ผศ.ดร.ศุภชัย กล่าวว่า ทักษะขั้นพื้นฐานคือกลไกการพัฒนาเพื่อนำไปสู่ทักษะอื่นที่สูงขึ้น กล่าวคือ ถ้าประชากรมีทักษะการเรียนรู้ด้วยตัวเองเป็นลำดับขั้น ท้ายที่สุด ทักษะด้านอื่น ๆ ของแรงงานก็จะพัฒนาขึ้นตามกัน และจะช่วยพัฒนาฝีมือ นำมาซึ่งรายได้และคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
ดร.สมชัย จิตสุชน ที่ปรึกษาคณะอนุกรรมการส่งเสริมและพัฒนาเยาวชนและประชากรวัยแรงงานนอกระบบ กสศ. และ ผู้อำนวยการวิจัยด้านการพัฒนาอย่างทั่วถึง สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย กล่าวว่า คนในสังคมยังพูดถึงทักษะทางอารมณ์และสังคมต่อกระบวนการเรียนรู้ ค่อนข้างน้อย ทั้ง ๆ ที่ความสามารถในการปรับตัวมีความสำคัญมาก
![](https://www.eef.or.th/wp-content/uploads/2023/01/bannerปกติ-1.jpg)
และประชากรวัยแรงงานนอกระบบ กสศ.
และ ผู้อำนวยการวิจัยด้านการพัฒนาอย่างทั่วถึง สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย
ในโลกปัจจุบันที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็วและตลอดเวลา เราต้องทำให้แรงงานมีความสามารถในการเรียนรู้และปรับตัว กระบวนการพัฒนาในขั้นนโยบาย ควรจะตั้งเป้าว่า ไม่ว่าอายุเท่าไหร่ มีระดับการศึกษาแค่ไหน หรืออยู่ในสถานะสังคมเศรษฐกิจใดก็ตาม คนไทยทุกคนต้องมีโอกาสพัฒนาความสามารถ และเข้าถึงช่องทางการเพิ่มความรู้ให้กับตนเอง ซึ่งอาจไม่จำเป็นต้องได้มาจากโรงเรียน แต่เป็นการรวมกลุ่มกันเพื่อเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงการเรียนรู้ และเพิ่มขีดความสามารถในการประกอบอาชีพ
เรืออากาศโท สมพร ปานดำ รองเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กล่าวว่า วันนี้อาชีวศึกษาจัดการศึกษาแบบเดิมไม่ได้แล้ว แต่ต้องมองตามทิศทางการเปลี่ยนแปลงของประเทศ และอาชีพต่าง ๆ ที่เปลี่ยนไปทุกวัน เพราะฉะนั้นสถาบันอาชีวศึกษา ในฐานะต้นทางผลิตกำลังคนของประเทศ ต้องมาทบทวนเรื่อง Future Skill หรือทักษะในอนาคต โดยเฉพาะการ Upskill Reskill รับมือการก้าวเข้ามามีบทบาทของ AI
![](https://www.eef.or.th/wp-content/uploads/2023/01/เรืออากาศโท-สมพร-ปานดำ.jpg)
แรงงานต้องปรับสภาพการทำงานให้เข้ากับโลกยุคใหม่ ไม่เช่นนั้นจะมีคนตกงานจำนวนมาก อาชีวศึกษาต้องผลิตคนที่ตอบโจทย์ความต้องการของตลาดแรงงานร่วมกับภาคีเครือข่าย ซึ่งถือว่าเป็นบทบาทที่สำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาอาชีวศึกษา
นายสรรชัย ชอบพิมาย ผู้อำนวยการกองพัฒนาผู้ฝึกและเทคโนโลยีการฝึก กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กล่าวว่า แนวคิดสำคัญคือ ก่อนที่เยาวชนและประชากรวัยแรงงานจะเข้าสู่ตลาดแรงงาน เขาจำเป็นที่จะต้องได้เรียนรู้หลักสูตรการเตรียมทำงาน ฝึกวินัยและทักษะอาชีพ นอกจากฝึกในสถาบัน หลักสูตรก็ต้องกำหนดให้ได้ฝึกฝีมือในสถานประกอบการ ซึ่งมีความต้องการแรงงานตามทักษะเฉพาะทาง
![](https://www.eef.or.th/wp-content/uploads/2023/01/สรรชัย-ชอบพิมาย.jpg)
เมื่อฝึกเสร็จแล้ว กลุ่มเป้าหมายจะได้เข้าสู่สถานประกอบการ พร้อมการันตีค่าแรงตามมาตรฐานฝีมือแรงงาน เมื่อทักษะเป็นตัวกำหนดว่าจะได้ค่าแรงเท่าไหร่ ก็จะทำให้เด็กมีแรงบันดาลใจที่จะพัฒนาฝีมือของตนให้ดียิ่งขึ้นไปอีก
‘เวทีนโยบายการพัฒนาเยาวชนและประชากรวัยแรงงานสู่ความพร้อมรับมือตลาดแรงงานยุคใหม่’ จัดขึ้นเป็นครั้งแรก จากทั้งหมด 3 ครั้ง ซึ่งในไตรมาสที่ 3 ของปี 2566 จะมีการเปิดเผยผลสำรวจจากโครงการ ‘การวิจัยสำรวจทักษะและความพร้อมกลุ่มประชากรวัยแรงงานในประเทศไทย’ (Adult Skills Assessment in Thailand) เพื่อสร้างความเข้าใจในยุทธศาสตร์และความท้าท้ายใหม่ในการพัฒนาเยาวชนและประชากรวัยแรงงาน และให้ความสำคัญกับบทบาทของทักษะการเรียนรู้ที่มีความจำเป็น เพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคม พร้อมรับข้อเสนอแนะ ความร่วมมือเชิงนโยบายในการพัฒนาทักษะ และการเรียนรู้ของเยาวชนและประชากรวัยแรงงาน