จุดหมายปลายทางของโครงการโรงเรียนพัฒนาตนเอง หรือที่เราเรียกกันว่า TSQP นั้น ก็คือการพัฒนาโรงเรียนให้มีคุณภาพมากขึ้น เด็กเรียนรู้ได้ดีขึ้น คุณครูเกิดการพัฒนาตนเอง และโรงเรียนบรรลุเป้าหมายตามที่ตั้งไว้ เพื่อลดอัตราการหลุดออกจากระบบการศึกษา ลดภาวะการเรียนรู้ถดถอย เพิ่มโอกาสการเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพ ดูแลช่วยเหลือและพัฒนาต่อเนื่องตามตามศักยภาพของเด็กและเยาวชน ซึ่งบุคคลสำคัญที่ถือเป็นหัวเรือใหญ่ในการผลักดันให้โรงเรียนสามารถพัฒนาตนเองได้นั้น แน่นอนว่านอกจากคุณครูแล้ว ผู้อำนวยการจะต้องเห็นความสำคัญและเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง
หนึ่งในตัวอย่างการเปลี่ยนแปลงไปสู่โรงเรียนพัฒนาตนเองของพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ที่น่าสนใจ จากเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้โรงเรียนพัฒนาตนเองระดับพื้นที่ ครั้งที่ 2 “กลไกพัฒนาการศึกษาในจังหวัดสุรินทร์ สู่งานมหกรรมการศึกษาไทย” ได้แก่ โรงเรียนบ้านโพนครก โดยผู้อำนวยการ ดร.ศุภณัฐ อินทร์งาม ซึ่งได้ใช้เครื่องมือ DE กำหนดเป้าหมายคุณภาพผู้เรียนสู่การกำหนดตัวชี้วัดและนำมาใช้กับห้องเรียนอย่างมีประสิทธิภาพ
สำหรับ DE (Developmental Evaluation) หรือ การประเมินเชิงพัฒนา เป็นการประเมินโดยให้ Stakeholders หรือผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ซึ่งในที่นี้คือ คุณครู นักเรียน ผู้อำนวยการโรงเรียน ชุมชน และศึกษานิเทศก์เขต เข้ามามีส่วนร่วมในการวิเคราะห์ประเด็นปัญหา เพื่อนำมาพัฒนาให้ดีขึ้น โอกาสนี้ ดร.ศุภรัฐ ยกตัวอย่างการใช้เครื่องมือ DE ในกลุ่มสาระสุขศึกษาและพละศึกษา
“ในการพัฒนาคุณภาพการศึกษา โรงเรียนจะต้องมีเป้าหมายให้ชัดเจน เมื่อมีเป้าหมายแล้ว จะต้องกำหนดจุดเน้น เมื่อกำหนดจุดเน้นแล้วต้องหากลยุทธ์ เมื่อหากลยุทธ์เสร็จแล้วตัวที่จะบอกได้คือผลลัพธ์ ผลลัพธ์ต้องตอบโจทย์ กระบวนการที่เราใช้คือ DE”
ขั้นตอนการดำเนินงานของ DE จะมีด้วยกัน 3 ขั้นตอน คือ ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ โดย ดร.ศุภรัฐ เล่าถึงแผนการดำเนินงานที่โรงเรียนวางไว้ดังนี้
เริ่มจาก DE ต้นน้ำ โรงเรียนโพนครกใช้ชื่อว่า ‘วิเคราะห์ปัจจุบัน สร้างฝันอนาคต’ โดยขั้นต้นเป็นการร่วมกันวิเคราะห์ปัญหาในบริบทของโรงเรียน จากนั้นมาสู่การตั้ง KPI หรือการกำหนดเป้าหมาย และออกแบบการเรียนรู้ที่จะช่วยให้บรรลุเป้าหมาย และที่สำคัญต้องมีกระบวนการประเมิน
“วิเคราะห์สภาพปัจจุบัน เราใช้เทคนิคภูเขาน้ำแข็งในการวิเคราะห์ ซึ่งจะมีจุดสำคัญอยู่ 4 ประเด็น คือ สิ่งที่เราเห็นคืออะไร พฤติกรรมหรือแบบแผนปฏิบัติเป็นอย่างไร โครงสร้างแล้วก็ค่านิยมเป็นอย่างไร เมื่อวิเคราะห์แล้วก็เข้าสู่จุดที่สำคัญ ก็คือการกำหนดประเด็นเร่งด่วน (Red Zone) ซึ่งเรากำหนดไว้ 3 กลุ่ม คือ หนึ่ง ผู้เรียนหรือว่าผลลัพธ์, สอง ครู, สาม ผู้บริหาร”
จากนั้นกำหนดเป้าหมาย โดยแบ่งเป็นเป้าหมายของผู้เรียน ครู ผู้อำนวยการโรงเรียน และชุมชน
“สิ่งที่เรากำหนดผู้เรียนคือ ทำงานเป็นเป็นทีม มีความสุขในการเรียน สร้างองค์ความรู้ได้ด้วยตัวเอง เรียนรู้ด้วยการลงมือทำ เป้าหมายครูคือ จัดการเรียนรู้แบบ Active Learning โดยประยุกต์ขั้นตอนการสอนของ OECD ผู้บริหารผู้อำนวยการส่งเสริมการจัด PLC เพื่อพัฒนาการเรียนรู้ Active Learning และสร้างเครือข่ายช่วยเหลือครู สุดท้ายชุมชนเป็นแหล่งเรียนรู้ ส่งเสริม ให้ความรู้ร่วมมือเพื่อพัฒนาการเรียนรู้”
การออกแบบการเรียนรู้ที่จะช่วยให้บรรลุเป้าหมายนั้น ดร.ศุภณัฐยกตัวอย่าง โครงการแข่งขันกีฬาสีภายในโรงเรียน
“การจัดกิจกรรมกีฬาสีนี้เป้าหมายคือให้นักเรียนได้ความรู้ เข้าใจ นำไปใช้แล้วก็เรียนรู้อย่างมีความสุข เพราะฉะนั้นครูทำยังไง ผอ.ทำยังไง อย่างแรกเราต้องสร้างความเข้าใจร่วมกันก่อนว่าเราจะทำอะไร มีการวางแผนร่วมกัน ลงมือปฏิบัติ และมาร่วมกัน PLC อย่างต่อเนื่อง สุดท้ายเราก็สะท้อนผล อันนี้คือกระบวนการบริหารจัดการภายในโรงเรียน”
“ส่วนกระบวนการเรียนรู้ของนักเรียน อันดับแรกให้นักเรียนมีส่วนร่วมในการแบ่งสี สองจัดตั้งคณะกรรมการคือนักเรียนเอง ครูเป็นเพียงที่ปรึกษา นักเรียนแบ่งหน้าที่กันเอง โดยให้ปฏิบัติตามแผนที่วางร่วมกัน ซึ่งตรงนี้จุดนี้ที่จะได้ก็คือเรื่องของภาวะผู้นำ ทำอย่างไรหัวหน้าสี หัวหน้ากลุ่มจะสามารถจัดประชุม เเล้วก็สร้างข้อสรุปได้ว่าเราจะทำอย่างไร เช่น การเตรียมอุปกรณ์ เวลาแบ่งจัดทีมซ้อม การวางแผนทุกอย่างเป็นหน้าที่ของผู้เรียน ครูทำหน้าที่ในการส่งเสริมสนับสนุน แนะนำ เป็นโค้ชให้”
ต่อมาในขั้นกลางน้ำเป็นกระบวนการติดตามการดำเนินงาน เพื่อที่ว่าขาดเหลืออะไร และจะหนุนเสริมอย่างไร สุดท้ายในขั้นปลายน้ำ คือการตรวจสอบผลลัพธ์ เพื่อไปสู่เป้าหมาย
“ในการตรวจสอบผลการเปลี่ยนแปลง เพื่อดูการเปลี่ยนแปลงว่ามีอะไรบ้าง ผลที่เกิดขึ้นกับผู้เรียน คือนักเรียนมีส่วนร่วมในการเรียนรู้ สามารถทำงานเป็นทีมได้ และมีความสุขกับการเรียน ในเรื่องของการสร้างองค์ความรู้ด้วยตัวเองก็เห็นได้ชัดเจน
การเรียนรู้ด้วยการลงมือปฏิบัติ เด็กมีโอกาสเรียนรู้จากการลงมือทำ หากพูดถึงความสามารถทางด้านกีฬา นักเรียนสามารถที่จะจัดการแข่งขันได้ จัดวิธีการแบ่งสายแบ่งทีม และตัดสินได้ ในเรื่องของครู ครูสามารถสอนแบบ Active Learning ที่มุ่งเน้นผลลัพธ์เชิงสมรรถนะ และมีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ PLC อย่างต่อเนื่อง ในเรื่องของการนิเทศติดตาม ผู้อำนวยการเป็นผู้นำในการ PLC มีความถี่ในการนิเทศชั้นเรียนมากขึ้น และส่งเสริมสนับสนุนให้ครูพัฒนาตนเอง จากกิจกรรม PLC Online”
ทั้งหมดนี้คือการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับโรงเรียนบ้านโพนครก หลังจากได้นำเครื่องมือต่างๆ ภายใต้การสนับสนุนของโครงการ TSQP มาใช้ในการพัฒนาคุณภาพของระบบบริหารจัดการและการเรียนการสอนที่มีคุณภาพในชั้นเรียน
ที่มา : เรียบเรียงจากเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้โรงเรียนพัฒนาตนเองระดับพื้นที่ ครั้งที่ 2 “กลไกพัฒนาการศึกษาในจังหวัดสุรินทร์ สู่งานมหกรรมการศึกษาไทย”