“พื้นที่ปลอดภัยควรเริ่มจากความเมตตาหรือความเป็นมนุษย์ที่ทุกคนต้องมีก่อน คือเราอาจต้องวางคติที่ถือที่แบกลง แล้วมองว่าเด็กคือเด็ก มองไปที่น้อง ๆ ว่าเราอยากให้เขามีชีวิตที่ดีขึ้น มองไปถึงอนาคตของสังคม ว่าเด็กเหล่านี้จะก้าวมาเป็นผู้ใหญ่ในวันข้างหน้า จะผลิดอกออกผลต่อไป เราถึงต้องช่วยกันปลูกฝังสิ่งดี ๆ และทำให้เขาเข้าถึงโอกาสมากขึ้น”
พี่คิว Flure หรือ สุวีระ บุญรอด ร่วมนิยาม ‘Safe Space’ หรือพื้นที่ปลอดภัยสำหรับน้อง ๆ ในกิจกรรม ‘Equity Day ชวนสร้างพื้นที่ปลอดภัยเพื่อเด็กทุกคน’ ที่จัดขึ้นเพื่อชวนเด็กและเยาวชนที่เลือกเส้นทางการเรียนรู้ด้วยตัวเอง จากโครงการ Thailand Zero Dropout ทั่วประเทศมาร่วมแสดงศักยภาพและความสามารถที่หลากหลายว่า “ขอแค่เมตตาต่อกันและกัน แล้วพื้นที่เรียนรู้ที่ปลอดภัยจะงอกงามตามมา”
“ผมเชื่อเรื่องการสร้างสิ่งแวดล้อมดี ๆ ที่จะเป็นจุดเริ่มต้นของการส่งเสริมให้คนแต่ละคนมีความฝัน มีเส้นทางไปสู่อนาคตที่ดี แต่ในรายละเอียดแล้วการจะทำให้พื้นที่หนึ่งโอบรับคนทุกคนได้ มันต้องมีช่องว่างสำหรับความแตกต่างหลากหลาย ไม่มีใครต้องกลัวที่จะพูดหรือแสดงออก หรือแม้กระทั่งคนที่เคยผิดพลาด ถ้าพื้นที่นั้นปลอดภัยจริง ๆ เขาจะได้รับการรับฟัง แลกเปลี่ยน และนำทางไปสู่ทิศทางที่ถูกต้อง”
พี่คิวบอกว่าทุกวันนี้โอกาสของการเรียนรู้มีเพิ่มขึ้นและเปิดกว้างกว่าเมื่อก่อนมาก แต่น่าเสียดายที่โอกาสนั้นไม่ได้เผื่อแผ่ไปถึงเด็กทุกคน ทั้งที่เส้นทางการเติบโตของคนคนหนึ่ง นอกจากจำเป็นต้องรู้ตัวว่าชอบหรือถนัดอะไร ก็ยังต้องมีคำแนะนำที่ดีและเวลาสำหรับบ่มเพาะศักยภาพด้วย
“มันไม่ใช่ทุกคนจะเป็นอะไรได้ดีเลยตั้งแต่เด็ก หรือตั้งแต่การลองทำครั้งแรก ๆ ความรู้ความชำนาญมันต้องสั่งสม ฉะนั้นถ้าเด็กคนหนึ่งไม่มีสิ่งแวดล้อมที่เหมาะ ไม่ได้รับการชี้ทางที่ตรงกับความสนใจหรือความสามารถ และที่สำคัญคือไม่เคยเข้าถึงพื้นที่หรือโอกาสที่จะได้แสดงความสามารถเลย เขาก็คงไม่สามารถพัฒนาตัวเองได้เต็มที่ และคงไม่มีทางไปถึงความสำเร็จ ผู้ใหญ่ที่อยู่รอบ ๆ ตัวเด็กจึงสำคัญมากที่จะต้องช่วยเปิดให้เห็นเส้นทางและผลักดันให้ตรงจุด ก่อนจะปล่อยเขาโบยบินจากรังไปต่อสู้เรียนรู้ด้วยตัวเอง และในทางกลับกัน พ่อแม่ผู้ปกครองและครูก็ควรได้เป็นฝ่ายเรียนรู้จากเด็ก ๆ เพื่อตามโลกปัจจุบันให้ทันด้วย พื้นที่ตรงนั้นถึงจะเป็นที่ที่ปลอดภัยและเอื้อต่อทุกคนจริง ๆ”
ท้ายสุด พี่คิวได้ฝากไปถึงน้อง ๆ ทุกคนในโครงการ Thailand Zero Dropout ที่กำลังยืนอยู่ ณ จุดสำคัญของชีวิต คือการมีโอกาสเลือกเส้นทางเรียนรู้ด้วยตัวเองว่า “อยากให้ทุกคนอยู่กับลมหายใจตัวเอง รับรู้ว่าหัวใจยังเต้น และเรายังลืมตาตื่นขึ้นในทุกวัน ซึ่งนั่นหมายถึงการมีชีวิต ขอให้ทุกอย่างที่ผ่านมาเป็นครูอาจารย์ที่ยิ่งใหญ่ ที่ทำให้เรารู้ว่าควรจะเดินไปทางไหนต่อจากนี้ และขอให้ทุกคนเมตตา ให้โอกาสต่อกัน เกื้อหนุนกัน และพยายามทำทุกสิ่งให้สวยงามครับ”