25 กุมภาพันธ์ 2568 ดร.ไกรยส ภัทราวาท ผู้จัดการกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ได้รับเกียรติให้เป็นผู้กล่าวปาฐกถาพิเศษ (Keynote Speech) ในหัวข้อ “การลงทุนที่ทรงพลังที่สุดสำหรับอาเซียนในวันนี้” ซึ่งนำเสนอประสบการณ์จากประเทศไทยผ่านโครงการ Thailand Zero Dropout (TZD) ที่มุ่งแก้ปัญหาเด็กนอกระบบการศึกษาอย่างเป็นรูปธรรม ในการประชุมสุดยอด AVPN Southeast Asia Summit 2025 สร้างอนาคตการศึกษาที่เท่าเทียมในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งจัดขึ้นอย่างเป็นทางการระหว่างวันที่ 24-25 กุมภาพันธ์ 2568 ณ ประเทศสิงคโปร์
การประชุมสุดยอด AVPN Southeast Asia Summit 2025 เป็นเวทีสำคัญที่รวบรวมผู้แทนจากภาครัฐ ภาคเอกชน และองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรจากทั่วภูมิภาคอาเซียน เพื่อร่วมกันหาแนวทางแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาในภูมิภาค โดยครั้งนี้มุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาเด็กและเยาวชนที่อยู่นอกระบบการศึกษา (Out-of-School Children and Youth หรือ OOSCY) ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนถึง 11.8 ล้านคนทั่วภูมิภาคอาเซียน โดยเมื่อปี 2566 ประเทศไทยมีเด็กและเยาวชนนอกระบบการศึกษามากถึง 1.02 ล้านคน ซึ่งต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน

ผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคม
ผู้เชี่ยวชาญจากหลายประเทศได้นำเสนอข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมจากปัญหาเด็กนอกระบบการศึกษา โดยการประเมินพบว่า ต้นทุนทางสังคมจากการละเลยปัญหาเด็กที่ไม่ได้รับการศึกษาอาจมีมูลค่าสูงถึง 10 ล้านล้านเหรียญสหรัฐทั่วโลก หรือคิดเป็น ร้อยละ 0.3-2.0 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ในประเทศกลุ่มอาเซียน ซึ่งเป็นตัวเลขที่สะท้อนถึงความสูญเสียทางเศรษฐกิจอย่างมหาศาล
วิกฤตการณ์นี้ยิ่งทวีความรุนแรงในบริบทของภูมิภาคอาเซียนที่กำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงทางประชากรอย่างรวดเร็ว โดยรายงานจากองค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) ปี 2567 ระบุว่า ประเทศในกลุ่มอาเซียนกำลังประสบปัญหาอัตราการเกิดที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสิงคโปร์และไทยมีอัตราการเจริญพันธุ์รวม (จำนวนบุตรโดยเฉลี่ยต่อสตรีหนึ่งคนตลอดวัยเจริญพันธุ์) เพียง 1.04 และ 1.32 ตามลำดับในปี 2565 นับเป็นสถิติต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ของทั้งสองประเทศ
กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษากับวิสัยทัศน์สู่ Thailand Zero Dropout (TZD)

ในการปาฐกถา ดร.ไกรยส ได้เน้นย้ำว่า “การศึกษายังคงเป็นรากฐานสำคัญของการเปลี่ยนแปลงในภูมิภาค ในขณะที่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้กำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี และความท้าทายด้านสภาพภูมิอากาศ ทุกประเด็นของการประชุม AVPN SEA Summit ตั้งแต่ปัญญาประดิษฐ์และเพศสภาพ ไปจนถึงความยืดหยุ่นต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การเงินแบบผสมผสาน และการลงทุนเพื่อผลกระทบล้วนเชื่อมโยงกับการศึกษา อันที่จริงแล้ว ทุกเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนสามารถได้รับประโยชน์จากเป้าหมายที่ 4 หรือการเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพอย่างเท่าเทียมสำหรับเด็กทุกคนในอาเซียน”
ดร.ไกรยส ได้นำเสนอความสำเร็จของโมเดล TZD ที่เกิดจากการบูรณาการความร่วมมือของ 21 หน่วยงานภาครัฐ และการระดมทรัพยากรทั้งจากงบประมาณแผ่นดิน สลากกินแบ่งรัฐบาล และเงินทุนจากภาคเอกชนผ่านตลาดการเงิน ในการขับเคลื่อนโครงการสู่เป้าหมายคืนโอกาสทางการศึกษาให้เด็กนอกระบบกว่า 1 ล้านคนทั่วประเทศไทย
“ตลอดปีแรกนับจากการเปิดตัวโครงการระดับชาติ เราได้ระดมอาสาสมัครกว่า 75,000 คน เริ่มต้นโครงการค้นหาเด็กนอกระบบใน 26 จังหวัดในปี 2567 และจะขยายให้ครอบคลุมทั้ง 77 จังหวัดภายในปี 2569” ดร.ไกรยส กล่าว พร้อมเปิดเผยว่า ในช่วงปี 2567-2568 จำนวนเด็กนอกระบบการศึกษาในประเทศไทยได้ลดลงไปแล้วกว่า 300,000 คน แต่ยังมีภารกิจอีกมากที่ต้องดำเนินการต่อไป

นวัตกรรมทางการเงินเพื่อการศึกษา: จาก Social Impact Bond สู่ Impact Collab
ดร.ไกรยส ยังได้นำเสนอตัวอย่างนวัตกรรมทางการเงินที่ช่วยสนับสนุนการแก้ไขปัญหาการศึกษา โดยกล่าวถึงความสำเร็จของ Social Impact Bond ด้านการศึกษาปฐมวัยแห่งแรกของประเทศไทย ซึ่งเกิดขึ้นจากความร่วมมือระหว่าง กสศ. และ Tri-Sector โดยได้รับการสนับสนุนจากนักการกุศลในสิงคโปร์และไทย
“โครงการนี้กำลังดำเนินไปตามเป้าหมายในการพัฒนาเด็กปฐมวัยใน 80 ศูนย์ทั่วประเทศไทยใน 7 จังหวัด และเรากำลังร่วมมือกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อทดลองและขยายการดำเนินงานในพื้นที่ของพวกเขาเอง” ดร.ไกรยส กล่าว
นอกจากนี้ ดร.ไกรยส ยังได้ประกาศความร่วมมือครั้งสำคัญว่า “กสศ., AVPN และ Tri-Sector กำลังร่วมกันเปิดตัวแนวตั้งด้านทักษะและการดำรงชีวิต (Skilling and Livelihoods vertical) ของ ImpactCollab Outcomes Marketplace ในเดือนกันยายน 2568 เพื่อขยายการใช้แนวทางการให้ทุนตามผลลัพธ์ (outcomes-funding approaches)”
โครงการ ImpactCollab ได้รับการสนับสนุนจาก หน่วยงานกำกับดูแลทางการเงินของสิงคโปร์ (Monetary Authority of Singapore) และมูลนิธิเกตส์ (Gates Foundation) ซึ่งเป็นโอกาสสำคัญสำหรับความร่วมมือระหว่างภาคส่วนที่มากขึ้นระหว่างผู้ให้ทุนภาคเอกชนและหน่วยงานภาครัฐ
“เราหวังว่าจะได้แบ่งปันการเรียนรู้ของเราและช่วยระดมทุนสำหรับเด็กนอกระบบโรงเรียน รวมถึงมุ่งสู่วาระเร่งด่วนด้านการพัฒนามนุษย์และวาระที่เกี่ยวข้องอีกมากมายในภูมิภาค” ดร.ไกรยส กล่าวเสริม

สู่เป้าหมาย ASEAN Zero Dropout ภายในปี 2573
ดร.ไกรยส ได้เรียกร้องให้ทุกภาคส่วนร่วมมือกันอย่างจริงจังเพื่อขับเคลื่อนวิสัยทัศน์ “ASEAN Zero Dropout” ให้เป็นจริงภายในปี 2573 (ค.ศ. 2030) โดยเน้นย้ำว่า “ราคาของการไม่ดำเนินการนั้นมหาศาลอย่างที่เรารู้ ดังนั้นเราจำเป็นต้องทำงานหนักขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้นเพื่อแก้ไขปัญหาการศึกษาที่ไม่เท่าเทียมกันในวงกว้าง โดยใช้หลักฐานในการประเมินใหม่และกระตุ้นนวัตกรรมเพื่อผลลัพธ์ที่ดีขึ้น
“การประชุมสุดยอด AVPN ครั้งนี้เป็นการเรียกร้องให้ลงมือปฏิบัติ (call to action) เพื่อร่วมมือกัน สร้างนวัตกรรม และลงทุนในเรื่องสำคัญอย่างการศึกษาซึ่งเป็นกุญแจสู่อนาคตของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” ดร.ไกรยส กล่าวทิ้งท้าย