“ทุนเสมอภาค” ทำให้แต่ละวันที่เด็ก ๆ มาโรงเรียนมีความสุขมากขึ้น
ครูปรียาภรณ์ นิธิวรการ โรงเรียนบ้านคลองมะนาว จ.ตราด

“ทุนเสมอภาค” ทำให้แต่ละวันที่เด็ก ๆ มาโรงเรียนมีความสุขมากขึ้น ครูปรียาภรณ์ นิธิวรการ โรงเรียนบ้านคลองมะนาว จ.ตราด

“ครูไม่สามารถคาดหวังให้ครอบครัวของเด็ก ๆ มีกำลังสนับสนุนเรื่องค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการศึกษาได้เลย เสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า หนังสือ อุปกรณ์การเรียน เด็ก ๆ จะมีใช้ หรือจะได้เปลี่ยนจากของเก่าที่หมดสภาพเป็นของใหม่ ๆ บ้าง ก็ทำได้ด้วยทุนการศึกษาเท่านั้น”  

ครูปรียาภรณ์ นิธิวรการ ครูแอดมินทุนเสมอภาค โรงเรียนบ้านคลองมะนาว ตำบลไม้รูด อำเภอคลองใหญ่ จังหวัดตราด พูดถึงชีวิตของเด็ก ๆ ในโรงเรียนขนาดเล็กพื้นที่ห่างไกลฝั่งภาคตะวันออกแห่งนี้ ที่ปีการศึกษา 2567 มีนักเรียนชั้นอนุบาล 2 ถึงประถมศึกษาปีที่ 6 รวม 95 คน 

อำเภอคลองใหญ่ อยู่ห่างจากอำเภอเมืองตราด 74 กิโลเมตร มีประชากรหนาแน่นสูงที่สุดในภาคตะวันออก บางส่วนประสบกับความยากจน โดยเฉพาะหมู่บ้านห่างไกลซึ่งไม่มีทางเลือกในอาชีพมากนัก และส่วนใหญ่ชีวิตของเด็ก ๆ มาจากครอบครัวที่มีรายได้น้อย“ทุนเสมอภาค” ที่ได้รับจาก กสศ. จึงกลายเป็นสิ่งสำคัญในการเติมเต็มความต้องการพื้นฐานในการศึกษา

“เด็ก ๆ ของเราผ่านเกณฑ์คัดกรองการจัดสรรเงินอุดหนุนแบบมีเงื่อนไข (Conditional Cash Transfer: CCT) ของทุนเสมอภาคเกือบทั้งโรงเรียน

“สำหรับเด็ก ๆ ที่ได้ทุนนี้ ได้ช่วยแบ่งเบาภาระผู้ปกครอง และรองรับการใช้ชีวิตในหลายด้าน …คืออะไรที่อยู่ในส่วนของค่าใช้จ่ายการศึกษาก็ช่วยได้ทั้งหมด  และนอกจากนั้นเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น บางคนไม่เคยมีเงินกินขนมที่โรงเรียน เขาก็ได้มีโอกาสบ้าง ซึ่งมันช่วยทำให้แต่ละวันที่มาโรงเรียนมีความสุขมากขึ้น”

ครูปรียาภรณ์เล่าว่า นักเรียนโรงเรียนบ้านคลองมะนาวได้รับทุนเสมอภาคต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2561 จึงพอจะเห็นถึงผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นตามมาในแต่ละปี โดยเฉพาะความเปลี่ยนแปลงเรื่องชีวิตความเป็นอยู่ 

ภาพที่ชัดคือ เด็ก ๆ ที่ไม่เคยรับประทานอาหารเช้าก่อนมาโรงเรียนก็ได้รับประทานสม่ำเสมอ เด็ก ๆ จึงมีน้ำหนักส่วนสูงเพิ่มขึ้นตามวัย และมีพัฒนาการต่าง ๆ ดีขึ้น

“การที่ครูประจำชั้นต้องเยี่ยมบ้านเด็ก 100% ทุกเทอมการศึกษา มีผลมาก ๆ ต่อความเปลี่ยนแปลงทั้งปัจจุบันและอนาคตของเด็กทั้งโรงเรียน ชัดเจนที่สุดคือแม้เราไม่อาจทำให้เด็กได้รับทุนเสมอภาคครอบคลุมทุกคน แต่เมื่อเราเห็นเด็ก ๆ เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีจากการได้ทุน ก็ทำให้ผู้บริหารโรงเรียนพยายามเสาะหาทุนอื่น ๆ จากภายนอกมาเสริม ตอนนี้เด็กเราทั้ง 95 คน ได้รับทุนไปช่วยเติมเต็มทั้งหมด กลายเป็นการเพิ่มโอกาสมากขึ้น ทั้งการเรียนรู้ พัฒนาการ คุณภาพชีวิต”

“เพราะถ้าถามว่าชีวิตของเด็ก ๆ ใต้เส้นความยากจนเป็นยังไง จะบอกว่าบางคนไม่มีบ้านก็ไม่ผิด คือที่เข้าไปเห็นมีครอบครัวหนึ่งเด็กอยู่กับพ่อใน ‘ขนำ’ ที่เป็นเพิงไม้หรือกระท่อมไม้ไผ่ตั้งยกจากพื้นดินไว้ แทบจะกันแดดกันฝนไม่ได้ด้วยซ้ำ หรืออีกหลายครอบครัวถึงจะไม่ขนาดนี้ แต่ก็ดีกว่าไม่เท่าไหร่ ที่สำคัญคือโดยมากเด็กอยู่กับพ่อคนเดียว แม่คนเดียว บางคนอยู่กับปู่ย่าตายายกันลำพัง มีงานรับจ้างเป็นอาชีพ ซึ่งไม่ได้มีทุกวันหรือทุกสัปดาห์ ไม่อาจระบุได้เลยว่ารายได้ต่อเดือนเป็นเท่าไหร่

“และด้วยข้อแม้ชีวิตอย่างนี้ จึงมีเด็กบางคนที่พอผู้ปกครองได้งานตามรถวิ่งส่งของไปไกล ๆ เขาก็ต้องหยุดเรียนแล้วติดสอยห้อยตามไปด้วยเพราะไม่มีคนคอยดูแล ถึงแค่ส่วนน้อย แต่เราก็ไม่ปล่อยผ่าน ทางโรงเรียนใช้วิธีบอกเด็กว่าช่วงผู้ปกครองไม่อยู่ให้มาอยู่กับครูที่บ้านพักครู พยายามทุกวิธีไม่ให้เขาขาดเรียน อะไรทำได้ทำหมด เพื่อชี้ให้เด็ก ๆ เห็นว่าการเรียนเป็นสิ่งสำคัญ”

อีกเรื่องหนึ่งที่คุณครูปรียาภรณ์ บอกว่ายังต้องผลักดันมากขึ้น คือ ‘สร้างเป้าหมายเรียนต่อในระดับที่สูงขึ้นหลังจบการศึกษาภาคบังคับ’ เพราะแม้ที่ผ่านมานักเรียนโรงเรียนบ้านคลองมะนาวจะจบชั้นประถมศึกษา และไปต่อในระดับมัธยมศึกษาตอนต้นได้ทุกคน โดยมีโรงเรียนมัธยมขนาดใหญ่ในอำเภอ หรือโรงเรียนขยายโอกาสในตำบลรองรับ แต่ข้อเท็จจริงก็ตอกย้ำว่า ยังมีอุปสรรคอีกมากมายที่ฉุดรั้งเด็กไว้จากการศึกษาต่อในระดับสูง ไม่ว่าปัจจัยเศรษฐกิจ ระยะการเดินทางจากบ้านถึงโรงเรียน จนถึงการจุดประกายให้เห็นว่าการศึกษาจะเปลี่ยนแปลงชีวิตได้อย่างไร

“การมีทุนเสมอภาคและทุนอื่น ๆ เข้ามาช่วยสนับสนุน ทำให้เด็ก ๆ สามารถเรียนจบการศึกษาภาคบังคับได้มากขึ้น แต่ยังคงมีอุปสรรคที่ต้องผลักดันให้เด็ก ๆ ได้เห็นคุณค่าของการศึกษาระดับสูง และสร้างเส้นทางที่ชัดเจนให้กับเด็ก ๆ และครอบครัวของพวกเขา

“อธิบายง่าย ๆ ก็คือสำหรับเด็ก ๆ เขาไม่ได้มีทางเลือกว่าจะเรียนต่อดีหรือทำงานดีกว่า เพราะเขารู้ว่าการศึกษาระดับสูงกว่าภาคบังคับต้องใช้เงินไม่น้อย และแน่นอนว่ามันเกินจะเอื้อม ชอยส์เดียวที่มีอยู่จึงเป็นการกระโจนเข้าไปสู่การทำงาน จากรุ่นสืบรุ่นเหมือนที่ผู้ปกครองทำกันมา …และนี่คือสิ่งที่เราต้องมาช่วยกันคิด ว่าจะทำอย่างไรถึงจะช่วยเปลี่ยนแปลงเส้นทางของเด็ก โดยพยายามสร้างโอกาสให้เข้าถึงทุนการศึกษาระดับสูงกว่าภาคบังคับ หรือคือให้ ‘ทุนต่อทุน’ ผ่านการเชื่อมโยงของมือหลาย ๆ มือจากภายนอกโรงเรียน เพื่อที่เด็ก ๆ จะได้มีวุฒิการศึกษา และมีอาชีพที่ต่างไปจากคนรุ่นพ่อรุ่นแม่ แล้วเมื่อนั้นเราถึงจะเปลี่ยนภาพจำของวงจรการศึกษาในพื้นที่ห่างไกลได้”