The Co-op School แห่งบรู๊คลิน ต้นแบบกล้าเปิดเรียนท่ามกลาง COVID-19 ระบาด

The Co-op School แห่งบรู๊คลิน ต้นแบบกล้าเปิดเรียนท่ามกลาง COVID-19 ระบาด

ด้วยสถานการณ์การระบาดของไวรัสโคโรน่า ในสหรัฐฯที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะคลี่คลาย การปิดให้บริการสถานที่สาธารณะ ซึ่งหมายรวมถึง สถาบันการศึกษาและโรงเรียน จึงเป็นทางเลือกภาคบังคับที่หลายรัฐบาลท้องถิ่นทั่วสหรัฐฯ นำมาใช้เป็นหนึ่งในแนวทางสำคัญเพื่อสกัดกั้นการแพร่ระบาด

อย่างไรก็ตาม แม้การปิดโรงเรียนเป็นทางเลือกที่ต้องทำ แต่กลับไม่ใช่ทางเลือกที่ดีที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อมีผลการศึกษาจากผู้เชี่ยวชาญเปิดเผยออกมาเป็นระยะๆ ว่า การปิดโรงเรียนไม่ให้เด็กได้มาเรียน ส่งผลต่อพัฒนาการทางการเรียนรู้ของตัวเด็ก และกระทบต่อร่างกายและจิตใจในระยะยาว โดยยังไม่นับรวมถึงแนวโน้มที่จะทำให้ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการศึกษารุนแรงขึ้น ขณะที่ การเรียนการสอนออนไลน์และเทคโนโลยีที่เข้ามาใช้ก็มีงานวิจัยออกมายืนยันแล้วว่า เทคโนโลยีทางการศึกษานั้น ต่อให้ล้ำหน้าเพียงใด ก็ไม่อาจทดแทนผลที่ได้จากการเรียนการสอนที่เด็กได้เรียนร่วมกันกับครูและผองเพื่อนในห้องเรียนได้

รายงานระบุว่า เวลานี้ โรงเรียนส่วนใหญ่ในสหรัฐฯ กำลังพิจารณาความเป็นไปได้ที่จะกลับมาเปิดโรงเรียนอีกครั้ง ภายใต้การสนับสนุนจากชุมชนและบรรดาพ่อแม่ผู้ปกครองในพื้นที่ โดยมีประเด็นวิตกกังวลที่เป็นอุปสรรคสำคัญคือประเด็นด้านความปลอดภัย

องค์กรไม่แสวงหาผลกำไร (NGO) แห่งหนึ่งในสหรัฐฯ กลับพบว่า มีโรงเรียนในเมืองบรู๊คลินที่สามารถทำได้แล้ว คือ The Co-op School ในย่าน Bed-Stuy ที่กว่า 3 เดือนของการเปิดโรงเรียน ยังไม่พบเด็กติดเชื้อหรือมีการระบาดของ COVID-19 แต่อย่างใด โดยที่บรรดานักเรียนก็เข้าห้องเรียนกันตามปกติ

ส่งผลให้โรงเรียนที่เปิดสอนตั้งแต่ระดับอนุบาลจนถึงเกรด 8 (เทียบเท่าชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2) แห่งนี้กลายเป็นต้นแบบกรณีศึกษาของการเปิดโรงเรียนในยุค COVID-19 ที่ทำให้พ่อแม่ผู้ปกครองของโรงเรียนพูดพร้อมกันว่า การเปิดโรงเรียนเป็นของขวัญที่ดีที่สุดที่พวกเขาได้รับในปี 2021 นี้

ดังนั้น The Co-op School จึงกลายเป็นหนึ่งในโรงเรียนต้นแบบที่โรงเรียนหลายแห่งทั่วสหรัฐฯ ให้ความสนใจ และทำให้พ่อแม่ผู้ปกครองในย่านใกล้เคียงส่วนหนึ่ง ตัดสินใจพาลูกมาเข้าเรียน

Deanna Bocchetti ครูใหญ่ของโรงเรียนเล่าว่า โรงเรียนแห่งนี้เป็นโรงเรียนเอกชน มีนักเรียนรวมกันทั้งสิ้นราว 230 คน แบ่งเป็น 3 ระดับชั้น คือ อนุบาล ประถมและมัธยมศึกษาตอนต้น โดยครูใหญ่ยอมรับว่าการตัดสินใจเปิดโรงเรียนเป็นโจทย์ที่ยากและท้าทายสำหรับโรงเรียนทุกแห่งไม่ว่าจะเป็นของรัฐหรือเอกชน

อย่างไรก็ตาม ด้วยความที่เป็นโรงเรียนเอกชน ทำให้มีค่อนข้างมีอิสระในการตัดสินใจดำเนินการใดๆ ได้มากกว่าโรงเรียนรัฐ รวมถึงข้อได้เปรียบในแง่ที่ว่าสามารถจำกัดจำนวนนักเรียน และแบ่งสัดส่วนห้องเรียนให้เป็นกลุ่มเล็กๆ ได้

ทั้งนี้ ครูใหญ่อธิบายว่า สิ่งที่ต้องคำนึงถึงแรกสุดในการเปิดโรงเรียนก็คือระบบคัดกรองการมาเรียนของเด็กนักเรียน ซึ่งทางโรงเรียนจะดำเนินการผ่านแอปพลิเคชั่นที่โรงเรียนจัดทำขึ้นมาโดยเฉพาะ โดยในทุกๆ เช้า ทุกครอบครัวจะได้รับแบบสอบถามผ่านแอพฯ ให้ตอบคำถามยืนยันว่าตนเองไม่ได้เดินทางเข้าพื้นที่เสี่ยง อุณหภูมิร่างกายปกติ ไม่มีอาการน่าวิตกใดๆ ซึ่งถ้าคำตอบคือไม่ทุกข้อ จึงจะสามารถเดินทางมาโรงเรียนได้

ขณะที่เมื่อมาถึงโรงเรียนจะมีพยาบาลคอยตรวจอุณหภูมิเด็กอีกรอบ เช็คชื่อ ซึ่งทันทีที่เด็กผ่านประตูโรงเรียนเข้ามา ก็จะมีการรายงานตัวก่อน จากนั้นก็ทำความสะอาดมือ แล้วเดินขึ้นชั้นเรียน เมื่อถึงห้องเรียน ก็เปลี่ยนรองเท้า เดินเข้าห้อง ก่อนไปที่โต๊ะก็ล้างมือที่อ่างที่ติดตั้งไว้ในห้องเรียน โดยทุกอย่างทำเปินกิจวัตรในทุกเช้า และที่สำคัญเด็กทุกคนต้องสวมหน้ากากอนามัยทั้งวัน ยกเว้นตอนทานมื้อว่าง มื้อเที่ยง และงีบยามบ่ายเท่านั้นที่จะถอดออกได้

ในส่วนของการทำความสะอาดจะมีเจ้าหน้าที่คอยเช็ดทำความสะอาดทุกวัน โดยเป็นการทำความสะอาดเล็กๆ อย่างการเช็ดถูราวบันได ประตู หน้าต่าง และทางเดินระหว่างวัน และการทำความสะอาดใหญ่ ก่อนและหลังโรงเรียนเลิก ซึ่งรวมถึงห้องน้ำ ขณะที่ภายในห้องเรียนจะติดตั้งแผงพลาสติกกั้นระหว่างโต๊ะ เพื่อลดการสัมผัสที่ใกล้ชิดแต่ก็ไม่ทำให้เด็กรู้สึกห่างเหินเกินไป โดยมีคุณครูที่จะคอยอธิบายให้เด็กๆ เข้าใจถึงความจำเป็นที่ต้องล้างมือ  และความจำเป็นที่้ต้องเว้นระยะห่างระหว่างกัน

นอกจากนี้ ในส่วนของการใช้พื้นที่สนามเด็กเล่น ทางโรงเรียนจะแบ่งเป็น 4 ส่วนใหญ่ๆ สำหรับให้เด็กแต่ละห้องมาใช้ครั้งหนึ่งได้พร้อมกัน 4 กลุ่มย่อย โดย 1 กลุ่มเป็นกิจกรรมวิ่งเล่น สันทนาการและออกกำลังกาย ขณะที่อีก 3 กลุ่มใช้พื้นที่กลางแจ้งเพื่อการเรียนหนังสือ

ยิ่งไปกว่านั้น โรงเรียนยังได้ขอความร่วมมือจากหน่วยงานท้องถิ่น ในการขอใช้สวนสาธารณะของพื้นที่ เพื่อให้เด็กมีพื้นที่ในการเรียนและการวิ่งเล่นมากขึ้น โดยทางรัฐบาลท้องถิ่นก็ให้ความร่วมมือและอนุญาตให้โรงเรียนใช้สวนสาธารณะระหว่างวันตลอด 5 วันทำการ โดยใช้เป็นหนึ่งในห้องเรียนกลางแจ้ง

ขณะเดียวกัน การสอนให้เด็กล้างมืออย่างถูกสุขอนามัยก็เป็นส่วนหนึ่งของหลักสูตรที่ครูจะต้องย้ำให้เด็กรับฟังอยู่บ่อยๆ และเพื่อให้เด็กต้องปฎิบัติตาม โรงเรียนก็จะจัดทำบอร์ดไว้ข้างอ่างล้างมือเพื่อให้นักเรียนลงชื่อว่า ได้ล้างมือตามที่กำหนด เช่น ก่อนเข้าห้องเรียน หลังกลับจากสนาม ก่อนรับประทานอาหาร หลังรับประทานอาหาร ซึ่งกระดานตรงนี้จะช่วยให้คุณครูสามารถติดตามสุขอนามัยของเด็กๆ ได้

“นโยบายหลักแรกสุดที่เรายึดถือก็คือ ลักษณะอาการใดๆ ก็ตาม ที่คล้ายคลึงกับอาการของผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 แม้เพียงเล็กน้อยก็ห้ามเดินทางมาที่โรงเรียนโดยเด็ดขาด และพ่อแม่หรือลูกที่มีอาการ รวมถึงคนใกล้ชิดรอบข้างจะต้องนำผลตรวจมายืนยันว่าปลอดเชื้อ COVID-19 จึงจะสามารถกลับมาเรียนหนังสือที่โรงเรียนได้อีกครั้ง” Deanna Bocchetti กล่าว

ด้าน Katherine Rowland คุณแม่ลูกสองวัย 3 ขวบและ 5 ขวบ กล่าวว่า แม้จะกังวลแต่การให้ลูกมาเรียนที่โรงเรียนมีความสำคัญต่อการพัฒนาการเข้าสังคม การได้กลับมาอยู่ร่วมกับเพื่อนทำให้ลูกๆ มีความสุขมากขึ้น และตนเองก็เห็นพัฒนาการของลูกได้อย่างชัดเจน เพราะได้เรียนกับครูที่สามารถแนะแนวทางการพัฒนาได้อย่างดี

“การที่โรงเรียนสามารถเปิดเรียนได้ทุกวัน ทุกอาทิตย์ถือเป็นของขวัญอย่างแท้จริง เป็นของขวัญที่เกิดขึ้นภายใต้เงื่อนไขปัจจัยที่ทำให้ทุกคนเชื่อมั่นวางใจว่า จะยังปลอดภัยและมีการปฎิบัติตามข้อตกลงทางสังคมร่วมกันอย่างเคร่งครัด” Katherine Rowland กล่าว ก่อนเสริมว่า ลูกๆ มีความสุขที่ได้ทำกิจกรรมกลุ่ม ได้พูดคุยโต้ตอบกับครู และเหนืออื่นใด ลูกๆ กลับมาบ้านพร้อมทักษะใหม่ๆ ที่ทำให้น่าใจเสมอ 

ขณะที่ครูใหญ่ กล่าวว่า การที่หลายโรงเรียนเลือกที่จะเรียนทางไกลก็เป็นทางเลือกที่ไม่ผิดแต่อย่างใด แต่สำหรับตนเองแล้ว ความสำเร็จก็คือการทำทุกสิ่งทุกอย่างให้ดีที่สุด อย่างสุดความสามารถเพื่อให้เด็กได้เรียนหนังสือ นอกจากนี้ จากการได้มีโอกาสพูดคุยกับครูผู้สอน คุณครูก็กล่าวอย่างมีความสุขว่า รู้สึกตัวเองโชคดีมากๆ ที่ได้กลับมาสอนเด็กในช่วงเวลานี้ ซึ่งครูใหญ่มองว่าสิ่งนี้คืออีกหนึ่งปัจจัยชี้วัดความสำเร็จที่แท้จริง

แน่นอนว่า การเปิดโรงเรียนเป็นเรื่องยากที่จะตัดสินใจ แต่เมื่อตัดสินใจจะเปิดแล้วก็ต้องจัดสรรมาตรการดูแลป้องกันให้ดีที่สุด ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดที่สุด และเป็นประโยชน์ต่อครู ผู้ปกครอง และนักเรียนในแบบที่สมดุลต่อทุกฝ่าย ทั้งนี้ ผู้ปกครองส่วนหนึ่ง รวมถึง Rowland ล้วนชื่นชมในความพยายามของโรงเรียนที่กลับมาเปิดบริการ ขณะเดียวกันก็ยังจริงจังกับเรื่องการดูแลสุขภาพ ความปลอดภัย และสภาวะทางอารมณ์ของทุกคน ในช่วงเวลาที่ยากลำบากเช่นนี้

 

ที่มา : How a Brooklyn School Reopens — With No COVID Cases — in the Pandemic