- 1 โรงเรียน 3 รูปแบบ เริ่มทดลองนำร่องในจังหวัดราชบุรี ตั้งแต่ปี 2567 จากความร่วมมือระหว่าง จังหวัดราชบุรี บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) และกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.)
- ในระยะแรก มีโรงเรียนนำร่องและร่วมพัฒนา จำนวน 12 แห่ง มีเด็ก เยาวชนรุ่นแรกเข้าสู่โครงการ จำนวน 98 คน โดยเป็นกลุ่มเสี่ยงหลุดจากระบบการศึกษา และกลุ่มที่หลุดไปแล้ว
- การทดลองในระยะแรก พบว่า 1 โรงเรียน 3 รูปแบบ สามารถป้องกันและช่วยเหลือไม่ให้เด็กเยาวชนหลุดจากระบบการศึกษาได้เกือบ 100% จากนักเรียนที่เข้าร่วมโครงการทั้งหมด 98 คน มีเพียง 1 คนเท่านั้น ที่ย้ายภูมิลำเนาออกจากจังหวัดราชบุรี
- ปี 2568 ก้าวสำคัญของความร่วมมือจากทั้งภาครัฐและเอกชน 25 องค์กรประกาศเจตนารมณ์ “ราชบุรีจะเป็นจังหวัดแรกของประเทศ” ที่ทุกโรงเรียนในสังกัด สพฐ. จะพัฒนาเป็นพื้นที่เรียนรู้ยืดหยุ่น 1 โรงเรียน 3 รูปแบบ 100% ทั้งจังหวัด
- 333 โรงเรียน เดินหน้าสู่ ราชบุรี Zero Dropout เด็กทุกคนต้องได้เรียน
“1 โรงเรียน 3 รูปแบบ เป็นโครงการที่สำคัญของจังหวัดราชบุรี เรามีเป้าหมายร่วมกันว่า นับจากนี้ไปจะไม่มีเด็กคนใดต้องออกไปจากระบบการศึกษา เพราะระบบการศึกษาได้ปรับตัวเป็นพื้นที่การเรียนรู้ที่ยืดหยุ่น เปิดประตูรั้ว ทลายกำแพงโรงเรียน ให้เกิดพื้นที่การเรียนรู้ใหม่ ๆ เพื่อไมให้มีเด็กคนใดต้องถูกทิ้งไว้ข้างหลังอีกต่อไป”
ประกาศเจตนารมณ์นำโดย นางสาวฐิติลักษณ์ คำพา ผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี ในงานลงนาม MOU เพื่อสร้างความร่วมมือขับเคลื่อนนโยบายการแก้ปัญหาเด็กที่อยู่นอกระบบการศึกษาและเด็กตกหล่น ให้กลับเข้าสู่ระบบการศึกษา ด้วยการจัดการศึกษายืดหยุ่น 1 โรงเรียน 3 รูปแบบครอบคลุมทุกโรงเรียน 100% ในจังหวัดราชบุรี เมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2568 ณ มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง
ผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี กล่าวว่าทุกภาคส่วนในจังหวัดราชบุรีมีเป้าหมายร่วมกัน เรื่องการเปลี่ยนแปลงระบบการศึกษาให้ยืดหยุ่น เพื่อสร้างโอกาสให้เด็ก ๆ และเยาวชนในจังหวัดราชบุรีที่อยู่นอกระบบการศึกษา ให้กลับมามีโอกาสทางการศึกษา

“เรามองว่าการศึกษาจะเป็นเครื่องมือที่จะช่วยแก้ปัญหา เพื่อส่งเสริมให้พวกเขากลับมาเป็นกำลังที่สำคัญในการพัฒนาประเทศ เพราะฉะนั้นพวกเราทุกคนที่อยู่ที่นี่ ให้ความสำคัญกับเด็กเยาวชน”
ผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี ระบุว่า ประเทศไทยได้ก้าวเข้าสู่การเป็นสังคมสูงวัยเต็มรูปแบบแล้ว โดยมีผู้สูงอายุมากกว่า 20% หากเทียบสถิติอัตราเกิดจากปี 2560 ที่มีอัตราการเกิดของประชากรประมาณ 7 แสนคน ในปี 2567 ที่ผ่านมาเหลืออัตราเกิดราว 4 แสนคน ในขณะที่อัตราการเสียชีวิตจากเดิมปี 2560 ประมาณ 4 แสนคน ปัจจุบันเพิ่มขึ้นเป็น 5 แสนกว่าคน ตัวเลขเหล่านี้บ่งชี้ว่า มีความจำเป็นที่จะต้องช่วยกันพัฒนาเด็กและเยาวชนให้ได้รับโอกาสทางการศึกษา เพราะการศึกษาส่งผลถึงการพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดี
“ขอขอบขอบคุณมหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึงเจ้าของสถานที่ กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ที่ได้ร่วมกันส่งเสริม สนับสนุน และให้ความช่วยเหลือในการดำเนินการจัดการศึกษา 1 โรงเรียน 3 รูปแบบ และร่วมกันจัดงานในครั้งนี้ ขอบคุณหัวหน้าส่วนราชการและเอกชนทั้ง 25 หน่วยงาน และผู้ที่ได้รับมอบหมายที่เห็นความสำคัญในการร่วมมือเป็นภาคีเครือข่ายระดับจังหวัด ขอบคุณคณะวิทยากรที่ได้สละเวลามาให้ความรู้ในครั้งนี้ อีกส่วนสำคัญคือภาคเอกชนอย่าง บริษัท แสนสิริ จำกัด มหาชน ที่ได้เล็งเห็นประโยชน์ด้านการศึกษาเข้ามาช่วยสนับสนุนทรัพยากรทุกมิติเพื่อสร้างโอกาสทางการศึกษาให้กับเด็ก ๆ ของเราในจังหวัดราชบุรี
“ทั้งหมดนี้เป็นความก้าวหน้าที่ทางหน่วยงานภาคการศึกษาทั้งจังหวัดราชบุรี ได้ดำเนินการเพื่อตอบสนองนโยบายของรัฐบาลในด้านการปฏิรูปทางการศึกษา เพื่อสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิต เรามีเป้าหมายร่วมกันว่า นับจากนี้ไปจะไม่มีเด็กคนใดต้องออกไปจากระบบการศึกษา เพราะระบบการศึกษาได้ปรับตัวเป็นพื้นที่การเรียนรู้ที่ยืดหยุ่น เปิดประตูรั้ว ทลายกำแพงโรงเรียน เกิดพื้นที่การเรียนรู้ใหม่ เพื่อไมให้มีเด็กคนใดต้องถูกทิ้งไว้ข้างหลังอีกต่อไป”