อนาคตสดใสของนางฟ้าชุดขาว ‘โอลีฟ – กาญจน์ณัฏฐา ไชยวุฒิ’ อดีตนักเรียนทุนผู้ช่วยพยาบาล ผู้ไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรคและความยากจน

อนาคตสดใสของนางฟ้าชุดขาว ‘โอลีฟ – กาญจน์ณัฏฐา ไชยวุฒิ’ อดีตนักเรียนทุนผู้ช่วยพยาบาล ผู้ไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรคและความยากจน

เด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนนี้ เคยมีชีวิตตรากตรำในท้องนา ปิดเทอมรับจ้างมัดอ้อยกลางแดดมัดละ 2 บาท เพื่อหาเงินช่วยเหลือครอบครัว ถึงอย่างนั้นเธอไม่เคยยอมแพ้ในเรื่องการเรียน เมื่อได้รับทุนนวัตกรรมสายอาชีพชั้นสูง หลักสูตรผู้ช่วยพยาบาล ที่ใช้เวลาเรียน 1 ปี โดยการสนับสนุนของ กสศ. ‘โอลีฟ – กาญจน์ณัฏฐา ไชยวุฒิ’ ใช้โอกาสนี้อย่างเต็มกำลังความสามารถ จนได้เข้าทำงานเป็น ผู้ช่วยพยาบาลในแผนกตา หู คอ จมูก ของโรงพยาบาลกรุงเทพขอนแก่นทันทีหลังเรียนจบ แต่นั่นเป็นเพียงก้าวแรกสู่เส้นทางอนาคตที่วางไว้ เพราะวันนี้เธอตัดสินใจเรียนต่อในคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เพื่อจะได้เป็นพยาบาลวิชาชีพอย่างเต็มภาคภูมิ

“หนูสามารถมีความสุขกับชีวิตในปัจจุบัน”

ผู้ช่วยพยาบาล ‘โอลีฟ’ ในวัย 19 ปี  บอกเล่าความรู้สึกในการเดินทางไปสู่การเป็นพยาบาลวิชาชีพ ก่อนจะเล่าถึงชีวิตในวัยเด็กที่ต้องช่วยทำงานแทบทุกอย่างเพื่อให้มีกินมีใช้ไปวัน ๆ 

“พ่อกับแม่ของหนูแยกทางกัน หนูอาศัยอยู่กับตายายที่หมู่บ้านโนนทัน ต.โพธิ์ชัย อ.โคกโพธิ์ชัย จ.ขอนแก่น ห่างไกลจากตัวเมืองขอนแก่นประมาณ 100 กิโลเมตร ตากับยายก็ปลูกผักหาปลา เวลาหนูอยู่บ้านหรือปิดเทอม หนูจะออกไปช่วยตากับยายทำนา หนูขับรถไถเป็น ก็จะขนของที่พ่วงรถไถ บางครั้งก็ออกไปใช้สารเคมีฉีดยาฆ่าหญ้า หนูก็ทำมาหมดแล้ว รวมถึงการไปตัดอ้อยที่ทั้งเหนื่อยและยากลำบากกว่าจะได้แต่ละลำ มันต้องทำกลางแดดแล้วต้องมัด หนูจะได้ค่าตอบแทนมัดละ 2 บาท ซึ่งหนูทำได้วันละไม่ถึง 20 มัด ได้มาไม่เกิน 50 บาท ทั้งหมดมันเหนื่อยมากลำบากมาก แล้วหนูก็ไม่อยากต้องทำงานแบบนั้นเลย”

โอลีฟบอกว่านอกจากรายได้แทบจะไม่พอใช้จ่ายในแต่ละวัน ครอบครัวยังมีหนี้ ธกส. ด้วย ทำให้โอกาสที่จะได้เรียนต่อหลังจบมัธยมปลายแทบเป็นไปไม่ได้ แม้ว่าในตอนนั้นเธอจะสอบติดคณะแพทย์แผนจีน มหาวิทยาลัยพะเยา แต่พอถามถึงทุนการศึกษา คุณครูบอกว่ามีทุนช่วยค่าเล่าเรียนประมาณ 1-2 หมื่นบาท ขณะที่ค่าเทอมเป็นหลักแสน หมายความว่าต้องหาเงินมาเติมอีก 8-9 หมื่นบาท ทำให้เธอตัดสินใจทิ้งความฝันที่มีมาแต่แรก แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าจะถอดใจกับการสร้างอนาคตที่ดีกว่า

“ตอนนั้นหนูคิดอย่างเดียวว่าหนูต้องได้เรียน ถ้าหนูไม่ได้เรียน หนูต้องไปทำงานที่โรงงานแถวสมุทรปราการหรือชลบุรี คือคนแถวบ้านหนูจะแนะนำว่าถ้าไม่มีใครส่งเรียนก็ไปทำงานเหมือนคนนั้นสิคนนี้สิ แต่หนูยังอยากเรียนไม่อยากทำงาน หนูตั้งใจเรียนและ จบ ม.6 มาด้วยเกรดเฉลี่ย 3.97”

แล้วจุดเปลี่ยนก็มาถึง เมื่อคุณครูแนะนำให้โอลีฟสมัครขอรับทุนนวัตกรรมสายอาชีพชั้นสูง หลักสูตรผู้ช่วยพยาบาล (1 ปี) จากกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) 

“หนูมองว่าทุนนี้ทำให้เราได้เรียนต่อโดยไม่ต้องลำบากตากับยายไปแบกหน้ากู้หนี้นอกระบบ เพราะลำพังหนี้ ธกส. ที่ยืมมาทำนา ครอบครัวหนูก็ต้องประหยัดในส่วนที่จะซื้ออาหารมากินให้อิ่มท้องเพื่อนำไปใช้หนี้อยู่แล้ว จากนั้นหนูคิดต่อว่าถ้าเริ่มต้นจากผู้ช่วยพยาบาล หนูยังสามารถนำความรู้ไปต่อยอดเป็นพยาบาลวิชาชีพได้”

ในที่สุดโอลีฟก็ได้เรียนต่อในหลักสูตรผู้ช่วยพยาบาล คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ซึ่งนอกจากโอกาสทางการศึกษา ทุนนี้ยังครอบคลุมเรื่องค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือน รวมถึงการันตีการมีงานทำหลังจบหลักสูตรด้วย 

“ทุนช่วยเรื่องค่าเทอม แล้วมีค่าใช้จ่ายต่อเดือน 7,500 บาท ค่าตัดชุดผู้ช่วยพยาบาล และค่ากิจกรรมต่าง ๆ ที่ กสศ. ส่งเสริม เช่น การพัฒนาบุคลิกภาพ การไปศึกษานอกสถานที่ หรือการฝึกทำสมาธิ ทำให้หนูไม่ลำบากและไม่ต้องใช้เงินครอบครัวแล้ว” 

ระหว่างได้รับทุนฯ โอลีฟใช้ชีวิตในฐานะนักศึกษาอย่างเต็มที่ พร้อมเปิดรับและเรียนรู้กับทุกโอกาสที่เข้ามา เธอเป็นทั้งประธานนักศึกษาผู้ช่วยพยาบาลรุ่นที่ 15 เป็นนักกีฬา เป็นจิตอาสาในโอกาสต่าง ๆ และสามารถจบการศึกษาด้วยเกรด 4.00 ทำให้ได้รับการยอมรับจากอาจารย์และรุ่นพี่ กระทั่งได้มาทำงานเป็นผู้ช่วยพยาบาล แผนกตา หู คอ จมูก ของโรงพยาบาลกรุงเทพขอนแก่น ซึ่งไม่เพียงสร้างความภูมิใจให้ตัวเองและครอบครัว ยังทำให้เธอเห็นคุณค่าของชีวิตมากขึ้น

“หนูอยู่ที่แผนกตาเป็นหลักค่ะ หนูจะเห็นคนไข้ที่สูญเสียการมองเห็นมากมาย หรือแม้แต่ตอนเรียนที่หนูได้ไปดูผู้ป่วยมะเร็งที่สกลนคร เขาก็จะเล่าว่าทำไมถึงเป็นมะเร็ง ทั้งแบบบังเอิญและพฤติกรรมเสี่ยง มันเลยทำให้หนูพยายามดูแลตัวเองและคนในครอบครัวเพื่อให้เขาอยู่กับเราไปนานๆ”

ถึงวันนี้ แม้การเป็นผู้ช่วยพยาบาลจะทำให้โอลีฟมีรายได้พอเลี้ยงตัวเองและจุนเจือครอบครัว แต่เธอยังไม่ล้มเลิกความตั้งใจที่จะเรียนให้สูงที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยก้าวต่อไปที่เธอตัดสินใจแล้วก็คือการลาออกจากงานเพื่อไปเรียนต่อในระดับปริญญาตรี ที่คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น

“ถามว่าถ้าลาออกไปจะเสียดายไหมกับเงินเดือนผู้ช่วยพยาบาล หนูเสียดายค่ะ แต่ถ้าหนูสร้างโอกาสและพัฒนาตัวเองให้ก้าวกระโดดไปข้างหน้า หนูเชื่อว่าหนูจะได้เยอะกว่านี้ เพราะฐานเงินเดือนเขาก็ต้องให้ตามระดับวุฒิการศึกษาที่เราจบ ประกอบกับเคยมีคนบอกหนูว่าเป็นพยาบาลได้เงินเท่านี้นะ หนูเลยแบ่งเก็บเงินเดือนเพื่อรอไว้จ่ายค่าเทอม ซึ่งหนูเชื่อเรื่องจังหวะชีวิตและความพยายามว่าสักวันมันจะบาลานซ์กัน

“ที่ผ่านมาหนูพยายามสอบพยาบาลตั้งแต่ตอนเรียนผู้ช่วยพยาบาล แต่พอสอบติดเขาจะให้หนูจ่ายค่าเทอมเลย ซึ่งตอนนั้นหนูยังไม่ได้ทำงานยังไม่มีเงิน หนูก็เลยตัดสินใจยังไม่เรียนดีกว่า พอมาทำงานตรงนี้แล้ว หนูก็ยื่นสมัครเรียนต่อพยาบาลของมหาวิทยาลัยขอนแก่น เพราะนอกจากค่าเทอม 25,000 จะถูกกว่าที่อื่นแล้ว ถ้าเรียนจบผู้ช่วยพยาบาลที่นี่เราก็สามารถยื่นโควตาเรียนต่อคณะพยาบาลได้เลย”

ทุนเรียนผู้ช่วยพยาบาล 1 ปี จึงเป็นเหมือนบันไดที่แข็งแรงให้โอลีฟได้ปีนไปอยู่ในจุดที่สูงขึ้น ได้เข้าใกล้อนาคตที่ฝันไว้มากขึ้น เป็นทุน 1 ปีที่สามารถเปลี่ยนชีวิตเด็กยากจนที่ขาดโอกาสได้อย่างแท้จริง

ปัจจุบัน โอลีฟกำลังเตรียมตัวเพื่อไปศึกษาต่อที่ คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ในเดือนมิถุนายนนี้ ซึ่งเธอบอกว่าหากวันนั้นไม่มีทุนนวัตกรรมสายอาชีพชั้นสูงเข้ามา คงจะพลาดโอกาสดี ๆ หลายอย่างและอาจไม่ได้เรียนต่ออีกเลยก็ได้

“คนแถวบ้านหนูจะชอบบอกให้ไปทำงาน ยิ่งเขาเห็นพ่อแม่หนูแยกทางกัน ตากับยายจะโดนพูดใส่ตลอดว่าหนูคงจะท้องก่อนวัยอันควร เรียนไม่จบ หรือไม่ก็ต้องไปทำงานโรงงาน แต่งงานกับใครสักคน พอมีลูกแล้วทิ้งลูกให้ตากับยายเลี้ยง แต่มาถึงตอนนี้หนูภูมิใจที่ไม่ได้ทำให้ตากับยายต้องเสียใจหรือคิดมากเรื่องหนู“หนูมองว่าโอกาสทางการศึกษามันสำคัญมาก มันทำให้ได้เรียนรู้อะไรใหม่ ๆ ทั้งระบบเทคโนโลยี ระบบการทำงานต่าง ๆ ที่สำคัญคือการศึกษายังทำให้หนูมี Empathy คือการเข้าอกเข้าใจผู้อื่นที่เราสามารถปฏิบัติได้เลยทันที พอเรามีความเข้าอกเข้าใจ เราก็จะมองโลกในอีกแง่หนึ่งที่ช่วยให้เราสามารถเรียนรู้เพื่อพัฒนาตัวเองให้ไปในสิ่งที่ต้องการและมีความสุขกับตรงนั้น

ในฐานะเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่ไม่เคยยอมแพ้ต่ออุปสรรคและความยากลำบาก โอลีฟฝากให้กำลังใจไปถึงน้อง ๆ ที่อาจกำลังรู้สึกท้อแท้สิ้นหวังกับเส้นทางการศึกษาเพราะความยากจน จนไม่รู้ว่าจะมีหนทางไหนให้ไปต่อ

“ถ้าถามหนู หนูจะตั้งสติก่อน แล้วค่อยคิดว่าจะไปทางไหนดี เพราะบางทีมันอาจจะมีทุนให้เราไปต่อ หรือเราอาจต้องไปสอบอะไรบางอย่าง หนูเองก็มีสิ่งที่อยากเป็น แต่ก็จะดูว่าตอนนี้พอทำอะไรได้บ้าง จะคิดไว้สองทางเสมอว่า ถ้าทำได้ก็ลุยเลย แต่ถ้าโอกาสที่อยากได้ยังมาไม่ถึง เราจะหาช่องทางไหนได้บ้าง เหมือนเราต้องมีแผนสำรองว่าถ้าไม่ได้เป็นอย่างที่หวังจะต้องเดินหน้าต่อยังไง แต่สำหรับหนูยังไงก็ต้องเรียนต่อให้ได้”

แน่นอนว่าหากไม่มีโอกาสเข้ามาเป็นลมใต้ปีก เด็ก ๆ หลายคนอาจจะหมดแรงที่จะฟันฝ่าคลื่นลมไปถึงอนาคตที่จะเปลี่ยนชีวิตตัวเองและครอบครัวให้ดีขึ้น

“ทุนการศึกษาสามารถสร้างโอกาสให้กับเด็กคนหนึ่งที่แทบจะไม่ได้อยู่ในระบบการศึกษาแล้ว ต้องออกนอกระบบจบแค่วุฒิ ม.6 แต่ทุนนี้มอบโอกาสทางการศึกษาให้โดยไม่ต้องใช้ทุน รวมถึงโอกาสให้หนูได้มีอาชีพการงานที่ดี 

“หนูอยากให้มีทุนแบบนี้มอบให้กับเด็กคนอื่น ๆ เยอะ ๆ อยากให้เขาเข้าถึงทุนและโอกาสทางการศึกษา แล้วการที่ กสศ. นำนักศึกษาทุนหลาย ๆ สถาบันมาทำกิจกรรมร่วมกันในช่วงที่หนูได้ทุน มันทำให้หนูรู้ว่าชีวิตเราอาจจะแย่แล้ว แต่ว่ามันมีคนอื่น ๆ ที่แย่กว่าเรานะ มันเลยทำให้หนูเห็นคุณค่าในชีวิตปัจจุบันที่เราเป็นอยู่ เหมือนกับที่ กสศ. บอกว่า สร้างคน สร้างโอกาส สร้างทุกอย่าง เปลี่ยนแปลงชีวิตให้อนาคตเราดีขึ้น หนูว่ามันเป็นความจริงที่ทุนนี้สร้างได้ค่ะ”


ภารกิจหลักด้านหนึ่งของกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา หรือ กสศ. คือการช่วยเหลือเยาวชนผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์ให้มีโอกาสศึกษาต่อเต็มศักยภาพ ด้วยงบประมาณจำกัด เราคิดค้นวิธีการลงทุนเพื่อพัฒนาเรื่องนี้ให้ถูกจุด เริ่มต้นจากโจทย์ที่ว่าการเรียนรูปแบบไหน ที่สร้างโอกาสให้กับเยาวชนกลุ่มนี้มากที่สุด และยังตอบโจทย์ทางเศรษฐกิจของประเทศควบคู่กันไปด้วย

“ทุนนวัตกรรมสายอาชีพชั้นสูง” ของ กสศ. เป็นทุนให้เปล่าที่สร้างโอกาสทางการศึกษาแก่เยาวชน จากครัวเรือนที่มีรายได้ต่ำสุดร้อยละ 20 ล่างของประเทศ มีโอกาสศึกษาต่อสายอาชีพในสาขาซึ่งเป็นที่ต้องการของตลาดแรงงาน

“เรียนหนึ่งปีเปลี่ยนชีวิต”

ตลอด 6 ปีที่ผ่านมา กสศ. สนับสนุนทุนนวัตกรรมสายอาชีพชั้นสูง หลักสูตรระยะสั้น 1 ปี ผู้ช่วยพยาบาล ผู้ช่วยทันตแพทย์ ให้แก่เยาวชนจากครัวเรือนยากจน ทั้งหมด 6 รุ่น รวม 1,419 ทุน งบประมาณราว 219 ล้านบาท พบว่านักศึกษาทุนทั้งหมดมีงานทำ 100 % รายได้เฉลี่ย 15,342 บาท/เดือน

ทุนนวัตกรรมสายอาชีพชั้นสูงช่วยยกระดับทางสังคม (Social Mobility)  ขจัดความยากจนข้ามชั่วคนได้ในรุ่นของตนเอง  และยังตอบโจทย์ความต้องการทางเศรษฐกิจของประเทศควบคู่ไปด้วย เนื่องจากการขยายตัวของระบบสุขภาพ การเข้าสู่สังคมสูงวัยของประเทศไทย 

ขณะที่ผลวิจัยที่กสศ.ร่วมกับคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ยืนยัน คุ้มค่าการลงทุน สร้างผลตอบแทนทางเศรษฐกิจและสังคมสูง SROI 2.772 หรือลงทุน 1 บาท ให้ผลตอบแทน 2.772 บาท

ปีการศึกษา 2568 กสศ.จับมือ 18 สถานศึกษารับสมัคร 790 ทุน เรียนฟรีหลักสูตรผู้ช่วยพยาบาล ผู้ช่วยทันตแพทย์ และพนักงานให้การดูแล (care giver) รับสมัครถึงวันที่ 12 มีนาคม นี้  ติดตามข้อมูลได้ที่ https://www.eef.or.th/notice/career-capital-140225/