เนื่องในวันแม่แห่งชาติปีนี้ กสศ. ขอนำเรื่องราวจากคุณแม่ของนักเรียนทุนทั้ง 2 ที่มองเห็นความสำคัญของโอกาสทางการศึกษา และพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้ลูกน้อยของตนเข้าถึงการศึกษา และเป็นแรงบันดาลใจให้กับคุณแม่ทุกคน
ความจนไม่ควรเป็นอุปสรรคทางการศึกษา จากมุมมองที่เห็นว่า “การศึกษา” เป็นหนทางที่นำไปสู่ชีวิตที่ดีขึ้น กลายเป็นผลักดันให้ “คุณแม่” หลายๆ คนมีเป้าหมายอยากให้ลูกๆ ได้รับโอกาสทางการศึกษาให้ได้มากที่สุดไม่ว่าตัวเองจะต้องทำงานหนักมากขึ้นแค่ไหนก็ตาม
หนึ่งในตัวอย่างความมุ่งมั่นทุ่มเท คือ คุณแม่นุชจรี ทองสุข แม่ของน้องจ๊อบ นักเรียนชั้น ม.2 โรงเรียนเขาย้อยวิทยา และน้องจิมมี่ นักเรียนชั้น ป.2 โรงเรียนบ้านเนินรัก จ.เพชรบุรี คุณแม่นุชจรีเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวที่ดูแลลูกทั้ง 2 คน โดยอาศัยอยู่ในบ้านพักที่เป็นสังกะสี ทุกวันเธอจะตื่นเช้ามาเพื่อไปส่งลูกคนโตที่เรียนอยู่ชั้นมัธยมขึ้นรถก่อน จากนั้นค่อยกลับบ้านมารับน้องจิมมี่ ไปส่งที่โรงเรียน แล้วตัวเองค่อยกลับไปทำงาน ในตอนเย็นจะคอยมารอรับลูกกลับบ้าน
คุณแม่นุชจรีไม่รู้หนังสือแต่อุปสรรคข้อนี้ก็ไม่อาจขวางความมุ่งมั่นในการทำงานเพื่อส่งลูกๆ ทั้ง 2 เรียนหนังสือได้ ถึงแม้ว่าการทำงานเลี้ยงชีพจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพของเธอก็ตาม ส่วนใหญ่คุณแม่นุชจรีรับจ้างทำงานรายวันที่โรงฆ่าสัตว์ ต้องทำงานอยู่หน้าเตาต้มหมูทุกวันจนทำให้เกิดอาการ “ฮีทสโตรก” จนต้องหยุดงานขาดรายได้เป็นบางวัน อีกทั้งก่อนหน้านี้ที่เคยไปทำงานเก็บขยะขายจนเกิดการติดเชื้อที่ผิวหนังลามขึ้นสมอง ต้องเข้ารักษาตัวนานเดือนกว่า
แม้ฐานะทางบ้านไม่ดีแต่ คุณแม่นุชจรี มองว่าการศึกษาเป็นสิ่งสำคัญ และความจนไม่ควรเป็นอุปสรรคการศึกษาของลูกๆ เธอจึงทำงานทุกอย่างเพื่อให้มีรายได้เลี้ยงครอบครัว สามารถส่งเสียให้ลูกได้เรียนในระดับที่สูงขึ้นไป คุณแม่นุชจรีมักจะฝากฝังคุณครูให้ช่วยดูแลและคอยกวดขันลูกๆ ของตนให้ตั้งใจเรียนเพราะตนไม่รู้หนังสือจึงไม่สามารถสอนหนังสือให้ลูกน้อยที่บ้านได้ และอยากให้ลูกได้เรียนสูงๆ เพื่อจะได้มีอนาคตที่ดีขึ้นด้วยการศึกษา ไม่ต้องมาลำบากเหมือนตัวเอง ส่วนตัวน้องจิมมี่เองมีเป้าหมายที่อยากเป็นทหารรับใช้ชาติ
ไม่ต่างจาก คุณแม่ประนอม บุตรบันเทิง แม่ของน้องจัน นักเรียนชั้น ป.5 โรงเรียนวัดต้นสน นอกจากน้องจันแล้ว ยังมีลูกสาวอายุ 20 ปีที่พิการจากการประสบอุบัติเหตุ และหลานที่กำลังเรียนอยู่ชั้น ป.2 ขณะที่สามีไปทำงานรับจ้างต่างพื้นที่ นานๆ ถึงจะกลับมาสักครั้ง
ด้วยรายได้วันละ 30-50 บาท จากการแล่ปลา ซึ่งไม่ได้ทำทุกวันแล้วแต่จะมีปลาหรือไม่ ทำให้รายได้ที่จะมาจุนเจือครอบครัวไม่แน่นอน บางวันไม่มีเงิน โดยเฉพาะช่วงการแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่งานน้อยลงไปมากซ้ำเติมความยากลำบากให้กับครอบครัวยิ่งขึ้น
รวมไปถึงที่ผ่านมายังป่วยมีอาการวูบจากโรคประจำตัว เบาหวาน ความดัน จนต้องหยุดทำงานเพื่อมารักษาตัวจนน้ำหนักที่เคยอยู่ที่ 45 กก. เหลือ 35 กก. โดยเพิ่งกลับมาทำงานได้อีกครั้งเมื่อไม่นานมานี้
แม้จะลำบากแค่ไหนคุณแม่ประนอม ก็อยากให้ลูกได้เรียนหนังสือสูงๆ ถึงจะเหนื่อยหรือท้อแท้ต้องยอมทน ที่สำคัญกำลังใจจากลูกๆ มีส่วนสำคัญช่วยทำให้ผ่านความเหนื่อยล้าไปได้
“บางครั้งแค่น้องจันบอกว่า ‘สู้ๆ’ ก็ทำให้มีกำลังใจหายเหนื่อย หายท้อแล้ว”
น้องจัน เป็นเด็กตั้งใจเรียน มีความรับผิดชอบสูง ตั้งใจอยากเป็นพยาบาลเพื่อกลับมาดูแลแม่ ทุกวันน้องจันจะช่วยงานบ้านทุกอย่างเท่าที่ทำได้ ทั้งล้างจาน ซักผ้า ไปจนถึงรับจ้างคนแถวบ้านซื้อของ 5-10 บาท เวลาได้เงินมาก็เอามาให้แม่ไว้เป็นค่าใช้จ่ายที่บ้าน สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่แม่ไม่ได้สอน แต่น้องจันทำด้วยตัวเอง