“เราเคยอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ไม่ได้สนับสนุนให้เรียน เลยไม่มีพื้นฐาน ไม่มีวิธีคิดทางการเรียนรู้ แต่ที่ศูนย์ฝึกเราต้องเจอ ‘ภาคบังคับ’ ว่าต้องเรียนรู้อะไรสักอย่าง ทำให้เพิ่งรู้ว่าจริง ๆ เราชอบ เราสนุกกับการเรียน ซึ่งเวลาไม่กี่เดือนตรงนั้นมันเปลี่ยนตัวเราทั้งข้างนอกข้างใน ก็ยิ่งตั้งใจขึ้น พยายามขึ้น ตอนนี้เริ่มมองอนาคตว่าอยากเรียนให้ได้วุฒิที่สูงกว่านี้”
ราวหนึ่งเดือนแล้วที่ ‘หนึ่ง’ ในวัย 18 ปี เข้าทำงานที่ร้านกาแฟ ‘MY SOUL 1988’ ในศูนย์การเรียนปัญญากัลป์ หลังพ้นช่วงเวลาในศูนย์ฝึกอบรมเด็กและเยาวชนเขต 5 จังหวัดอุบลราชธานี สถานที่ที่หนึ่งบอกว่าทำให้ “ค้นพบอีกด้านหนึ่งในตัวเอง”
“สารภาพว่าไม่เคยอยากเรียน ตอนครูมาชวนรู้สึกขี้เกียจ กังวล ใจมันต่อต้านไปหมด แต่เราก็จำใจเข้าเรียน ทีนี้พออยู่ตรงนั้น เริ่มพบว่าบรรยากาศไม่ได้เป็นอย่างที่คิด คือมันผ่อนคลาย ครูไม่ได้บังคับว่าเราต้องทำอะไร แค่ชวนพวกเราคุย ทำความรู้จักกัน แล้วก็ค่อย ๆ แนะนำว่ามีกิจกรรมอะไรให้เรียนรู้บ้าง ก็เริ่มสนใจ เพราะทุกกิจกรรมที่ครูเสนอให้มันมีปลายทางคือการมีอาชีพ ซึ่งเรามองหาอยู่ และไม่ว่าจะเลือกเรียนรู้อะไร ขั้นตอนจะเหมือนกันหมด เริ่มจากทุกคนจะได้ทำความเข้าใจตัวเองว่าชอบอะไร สนใจอะไร หรือบางคนก็เพิ่งได้พบว่าตัวเองมีความสามารถบางอย่างที่เอามาพัฒนาต่อได้”
เวลาแค่หลักเดือน จากที่บอกว่า ‘จำใจเรียน’ รู้ตัวอีกทีสมาธิของหนึ่งก็หมกมุ่นจดจ่ออยู่กับการพัฒนาตัวเอง จนถึงช่วงกลางเทอม จึงเริ่มสังเกตตัวเองว่าเปลี่ยนแปลงไปมาก
“หลักสูตรที่เน้นการลงมือทำ ทำให้เราเห็นว่าตัวเองพัฒนาขึ้นทุกวัน จะช้าบ้างเร็วบ้างแต่รู้สึกได้ แล้วการเรียนรู้มันเปลี่ยนแปลงเราไปถึงข้างใน อย่างเรื่องที่เพิ่งรู้คือ จริง ๆ เราไม่ได้ไม่ชอบเรียน แต่เมื่อก่อนเราไม่รู้ว่าจะเรียนไปทำไม ฉะนั้นพอการเรียนบอกได้ว่าจะพาเราไปไหน หรือจะให้อะไรกลับมาบ้าง เราก็เริ่มเชื่อในการเรียน …อย่างหลักสูตรของศูนย์ฝึกตอบเราได้ครบถ้วนทุกอย่าง คืออย่างแรกได้ฝึกทักษะอาชีพ และสองคือได้รับวุฒิการศึกษา ซึ่งสองอย่างนี้คือ ‘ทุน’ ที่เราจะเอาไปต่อยอดสร้างชีวิตในวันหน้า”
เป้าหมายคือไปให้ไกลกว่านี้
เมื่อ ‘ความเชื่อในการเรียนรู้’ หยั่งราก หนึ่งจึงมองเห็นเส้นทางที่ตั้งใจจะไปต่อชัดเจน โดยปัจจุบันนอกจากความทุ่มเทที่มีให้กับงานที่ร้านกาแฟ MY SOUL 1988 ซึ่งเจ้าตัวบอกว่าคืออีกความสนใจหนึ่งซึ่งเพิ่งพบ หนึ่งก็ไม่ปล่อยเวลาที่เหลือให้ผ่านไปเปล่า ๆ หากวางแผนว่าจะเรียนต่อกับศูนย์การเรียนปัญญากัลป์ เพื่อเป้าหมายต่อไปคือวุฒิการศึกษาชั้นมัธยมปลาย
“การเรียนบอกสิ่งสำคัญอย่างหนึ่งกับเราว่า ยิ่งรู้มากขึ้น เราก็ยิ่งอยากเรียนรู้ต่อไปไม่จบสิ้น เพราะเรารู้แล้วว่าความรู้จะไม่มีวันเต็ม แต่มันคือการต่อจุดหนึ่งไปที่อีกจุดหนึ่งตลอดเวลา เหมือนมีประตูบานใหม่ให้เปิดทุกวัน แล้วมันสนุกมาก ตอนนี้เลยอยากฝึกฝนทักษะอื่น ๆ เพิ่มเติมให้มากที่สุด เราอยากรู้ อยากเก่ง อยากทำอะไรได้หลาย ๆ อย่าง อยากเก็บประสบการณ์เยอะ ๆ”
เมื่อหนึ่งต้องทำงานเต็มเวลา แต่ด้วยความอยากเรียนจึงปรึกษากับครูที่ศูนย์การเรียนปัญญากัลป์ จนได้คำแนะนำว่าสามารถทำงานและเรียนไปพร้อมกันได้ โดยศูนย์การเรียนปัญญากัลป์จะนำสิ่งที่หนึ่งเรียนรู้จากร้านกาแฟ มาเทียบเคียงประสบการณ์ แล้วแปลงเป็นหน่วยกิตตามมาตรฐานตัวชี้วัดหลักสูตรกลาง เพื่อสะสมในธนาคารเครดิต (Credit Bank) พร้อมเรียนรู้เพิ่มเติมในสาขาวิชาที่จำเป็น อันเป็นอีกรูปแบบหนึ่งของการจัดการศึกษาที่ยืดหยุ่น เพื่อให้ผู้เรียนรับวุฒิการศึกษาได้เช่นเดียวกับการเรียนในระบบปกติ
หนึ่งบอกว่าเขาดีใจที่รูปแบบการศึกษาในปัจจุบันมีทางเลือกที่หลากหลายขึ้น ซึ่งเท่ากับเป็นการ ‘เอื้อโอกาสสำหรับเด็กทุกคน’ ว่าหากใครก็ตามมีใจใฝ่รู้ใฝ่เรียน มีความพยายามที่จะพัฒนาตัวเอง แม้จะมีข้อจำกัดแค่ไหน แต่ทุกคนก็สามารถค้นพบหนทางเรียนรู้และรับวุฒิการศึกษาได้
“เราคิดว่าการเรียนรู้แบบไหนก็ตาม ผู้เรียนต้องมีเป้าหมายก่อนว่าจะเรียนไปทำไม แล้วอยากเรียนไปถึงแค่ไหน คือถ้าเรารู้เป้าหมายมันก็จะง่ายกว่าในการมองหาวิธีการเรียนรู้มาสนับสนุน แล้วข้อจำกัดก็จะน้อยลง สำหรับเราพอรู้ว่ามีเส้นทางอย่างนี้ ก็รู้สึกมีความหวัง อยากทำเป้าหมายตัวเองให้สำเร็จ ซึ่งวันนี้เราพร้อมมากที่จะเรียนรู้ คิดว่าทุกวันคือโอกาสที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดีกว่าเดิม”
เสียงของเยาวชนคนหนึ่ง ที่ค้นพบความ ‘อยากรู้อยากเรียน’ จากช่วงเวลาสั้น ๆ ในศูนย์ฝึก ฯ ซึ่งมาเปลี่ยนให้เป็นคนที่มีเป้าหมาย พร้อมเรียนรู้ทักษะและเรื่องราวใหม่ ๆ ด้วยเชื่อว่าจะเป็นต้นทุนที่จะนำโอกาสดี ๆ มาสู่ชีวิต ทั้งยังสะท้อนถึงสังคมว่า ณ วันนี้การศึกษาที่ยืดหยุ่น มีทางเลือก และตอบโจทย์ชีวิต ได้กลายมาเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะนำพา ‘เด็กเยาวชนทุกคน’ ให้เข้าถึงโอกาสในการเรียนรู้ที่หลากหลาย และเหมาะสมกับบริบทของแต่ละคนยิ่งขึ้น