“เคยมีเด็กยืน ๆ อยู่แล้วก็สลบและวูบไป เมื่อพยายามสอบถามหลายครั้ง เด็กจึงตอบว่าไปช่วยพ่อแม่ทำงาน พอเราดูตามมือก็พบรอยเบ็ดตกปลาขีดข่วนเต็มไปหมด ซึ่งมันเกิดจากการที่เด็กไปช่วยพ่อแม่หาปลาในทะเล”
ครูสุวรัตน์ คุณครูแอดมิน ‘ทุนเสมอภาค’ โรงเรียนบ้านโฉลกหลำ ต.เกาะพงัน อ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี เล่าถึงสถานการณ์ของน้อง ๆ นักเรียนทุนเสมอภาคในความดูแล ที่เกือบ 100% มาจากครอบครัวชาวประมง
“ความเป็นพื้นที่เกาะ เป็นเมืองท่องเที่ยว ภาพที่หลายคนมองมายังเด็ก ๆ บนเกาะ ส่วนใหญ่จะเหมารวมว่าครอบครัวค่อนข้างมีฐานะ แต่การเป็นครูโรงเรียนขยายโอกาสและเป็นครูแอดมินทุนเสมอภาค เราได้ลงพื้นที่เยี่ยมบ้านทุกเทอม จึงบอกได้ว่าถ้าลงมาสัมผัสจริง ๆ จะเห็นเลยว่ามีเด็กจำนวนไม่น้อยบนเกาะพงันแห่งนี้ ที่เขาต้องพยายามทุกวัน เพื่อไปช่วยพ่อแม่ทำงานหารายได้ และเพื่อให้ตัวเองมีเงินใช้มาโรงเรียน”
ครูสุวรัตน์ กล่าวว่า ประเด็นหนึ่งที่ได้ยินบ่อยเมื่อพูดถึงเด็ก ๆ ทุนเสมอภาค คือความยากไร้ขาดแคลนโอกาสมักทำให้เด็กไม่มีเป้าหมายด้านการศึกษา แต่กับน้อง ๆ ทุนเสมอภาคที่มีอยู่ราว 20 คนที่โรงเรียนบ้านโฉลกหลำ คุณครูบอกได้ว่าเด็กทุกคนรับรู้ว่าการศึกษาคือทางเดียวที่จะช่วยให้หลุดพ้นจากสภาพชีวิตที่เป็นอยู่
“ก่อนหน้านี้ทุกวันเราจะเจอเด็กที่มาโรงเรียนโดยไม่ได้หลับไม่ได้นอน เพราะช่วงกลางคืนเขาออกทะเล และแม้จะพยายามกันเต็มที่แล้ว แต่การทำประมงก็เป็นอาชีพที่รายได้ไม่แน่นอน บางครั้งโชคเข้าข้างได้ปลามากพอจะแลกเป็นเงินมาใช้จ่ายในสิ่งจำเป็น แต่หลายครั้งก็มักอับโชค แทบไม่ได้อะไรกลับมาเลยจากการออกทะเลทั้งคืน พอเป็นอย่างนั้นหลายคนก็หยุดเรียน เพราะเขาไม่มีเงินเดินทาง หรือพูดให้ถูกคือไม่มีแม้เงินพอเป็นค่าอาหารของคนในครอบครัวด้วยซ้ำ
“การมีอยู่ของทุนเสมอภาคที่เข้ามาถึงเด็กกลุ่มนี้ จึงสำคัญมากต่อความเปลี่ยนแปลงคุณภาพชีวิต ตั้งแต่อัตราขาดเรียนที่ลดลง การพักผ่อนที่เพียงพอของเด็ก จนถึงการกินอาหารครบมื้อ เพราะเมื่อเด็กและครอบครัวพอมั่นใจว่าแต่ละเทอมจะมีเงินมาช่วยอุดหนุนค่ากินอยู่ ค่าเดินทาง หรือค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เด็กก็ไม่ต้องอดนอนไปออกทะเลตอนกลางคืน มีข้าวเช้าข้าวกลางวันกิน แล้วก็ไม่ต้องมาหลับในห้องเรียนหรือต้องเสี่ยงวูบไปอีกแล้ว”
ครูสุวรัตน์ขยายความความสำคัญของ ‘ทุนเสมอภาค’ ว่า จากที่ติดตามเด็กทุกปีจนเห็นพัฒนาการต่าง ๆ หลังจากได้รับทุน ในฐานะครูมองว่าทั้งทุนเสมอภาคและทุนการศึกษาอื่น ๆ นั้น มีความหมายประหนึ่งบันไดที่ช่วยให้เด็กได้ไต่ขึ้นไปสู่อนาคต เช่นกันในมุมกลับถ้าไม่มีทุนมาเติมเต็มส่วนที่ขาดพร่อง ความฝันความหวังและอนาคตของเด็กเหล่านี้จะถูกทอดทิ้งและสิ้นสุดลงก่อนจะเริ่มต้นเสียอีก
“การต้องออกไปช่วยพ่อแม่ทำงานก่อนถึงวัยที่เหมาะสม มันทำให้เด็กขาดโอกาสเรียนรู้ ขาดขั้นตอนที่จะใช้การศึกษามาพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ให้ดีขึ้น ซึ่งถ้าไม่มีทุนหรือความช่วยเหลือมาถึง ประเทศของเราก็จะมีคนกลุ่มหนึ่งที่วนเวียนในวัฏจักรความยากจนสืบรุ่นสู่รุ่น พวกเขาจะไม่มีแม้กระทั่งโอกาสพัฒนาความเป็นอยู่ของตัวเอง เพราะลำพังแค่ผ่านแต่ละวันที่อดมื้อกินมื้อ หรือต้องหาทางเลี้ยงปากท้องให้อยู่รอดตั้งแต่ยังไม่ได้เรียนรู้การใช้ชีวิต มันก็คาดเดาได้เลยว่าวงจรเหล่านี้จะนำมาสู่อีกหลายปัญหาที่กระทบไปถึงสังคมและและประเทศ
“ถ้าถามว่าทุนเสมอภาคช่วยเติมเต็มโอกาสทางการศึกษาได้อย่างไร ก็ต้องบอกว่าจากนโยบายเรียนฟรี 15 ปีที่มีอยู่ มันไม่ได้รวมถึงค่าเดินทาง หรือค่าใช้จ่ายเรื่องการศึกษาอื่น ๆ นอกจากค่าเทอม และโดยเฉพาะค่าอาหาร จากที่เก็บข้อมูลทุนเสมอภาคจึงพบว่าเด็กจะใช้เงินส่วนใหญ่ไปกับค่ากินอยู่ โดยในสภาพครอบครัวที่หาเช้ากินค่ำ เมื่อเขาได้ทุนก็จะเอาไปซื้อข้าวสารอาหารแห้งมาเก็บไว้ใช้กินนาน ๆ หรือบางทีเด็กอาจได้เอาไปซื้อขนมราคาห้าบาทสิบบาทมาลองกิน ซึ่งแค่นั้นก็ช่วยเติมความสุขได้ อีกส่วนหนึ่งคือเงินที่ได้จะเอาไปซื้ออุปกรณ์การเรียนและชุดนักเรียนใหม่ จากเดิมทีที่ต้องใส่แต่เสื้อนักเรียนบริจาคที่บนหน้าอกปักไว้ด้วยชื่อของคนอื่น หรือบางตัวปักอักษรย่อของโรงเรียนอื่นมาด้วยซ้ำ ฉะนั้นการได้ซื้อเสื้อนักเรียนใหม่สักตัวหนึ่ง มันก็ช่วยคลายความรู้สึกแปลกแยกจากเพื่อนนักเรียนคนอื่น และทำให้เด็กรู้สึกกระตือรือร้นอยากมาโรงเรียนมากขึ้นด้วย”
ครูสุวรัตน์ ทิ้งท้ายโดยชักชวนไปถึงผู้ที่มีใจอยากสนับสนุนการศึกษาว่า การลงทุนกับเด็ก ๆ ที่ยังขาดแคลนโอกาส เป็นการ ‘เปลี่ยนชีวิต’ ของเด็กอีกหลายคน เพื่อให้ได้มีโอกาสพัฒนาตัวเองและต่อยอดความฝัน นอกจากนี้ยังเป็นการส่งต่อโอกาสไปยังอีกหลายชีวิต เพราะเมื่อวันใดที่เด็กคนหนึ่งประสบความสำเร็จ มีรายได้ มีหน้าที่การงานที่มั่นคง เขาจะเป็นผู้พลิกชีวิตของคนรอบตัว และจะเป็นคนที่พร้อมแบ่งปันโอกาสไปสู่เด็ก ๆ รุ่นถัดไป