“สมุทรสาครโมเดล”​ โรงเรียนวัดบ้านไร่ (ประชานุกูล) หยุดยาวนานช่วงล็อกดาวน์แต่ผลการเรียนดีขึ้น

“สมุทรสาครโมเดล”​ โรงเรียนวัดบ้านไร่ (ประชานุกูล) หยุดยาวนานช่วงล็อกดาวน์แต่ผลการเรียนดีขึ้น

โรงเรียนวัดบ้านไร่ (ประชานุกูล) จังหวัดสมุทรสาคร เป็นอีกโรงเรียนต้นแบบของ “สมุทรสาครโมเดล” ซึ่งแม้จะต้องปิดเรียนช่วงล็อกดาวน์ยาวนานกว่าโรงเรียนในจังหวัดอื่น ​แต่ผลคะแนนเฉลี่ยของโรงเรียนจากการสอบ NT และ O-NET ปีล่าสุด กลับออกมาสูงกว่าระดับคะแนนเฉลี่ยของทั้งประเทศ

ไม่เพียงแค่รูปแบบการเรียนการสอน ทั้งออนไลน์ ออนแฮนด์ ออนดีมานด์ ที่พยายามดึงเด็กให้กลับมาสนใจการเรียนในระบบทางไกลที่มีอุปสรรคข้อจำกัดมากมาย ​ แต่อีกด้านหนึ่งยังมีระบบติดตามดูแลเด็ก ทำให้คุณครูเข้าใจถึงสภาพปัญหาและเข้าไปช่วยแก้ไขได้อย่างทันท่วงที​

“ผลสอบออกมาเราก็โล่งใจ ตอนแรกก็คิดแค่ขอให้นักเรียนได้เกิดการเรียนรู้อย่างเต็มที่ ส่วนเป้าหมายไม่ได้มองไปถึงผลสัมฤทธิ์ระดับชาติ แต่สิ่งที่ออกมาก็เป็นผลพวงที่เราทุ่มเทไปจนเด็กได้คะแนนสูงกว่าคะแนนเฉลี่ยระดับประเทศ และเด็กสอบเข้า ม.1 ในโรงเรียนมีชื่อเสียงระดับจังหวัดได้”​ 

ทั้งหมดนี้เป็นเครื่องพิสูจน์ให้เห็นว่า หากเราใช้รูปแบบการเรียนการสอนที่มีประสิทธิภาพและเข้าถึงเด็กๆ ย่อมทำให้พวกเขาเกิดการเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้แต่ในช่วงล็อกดาวน์ที่ต้องเรียนออนไลน์เป็นหลัก

สอนแบบ Makerspace และ STEAM Design Process
หยุดยาวนานช่วงล็อกดาวน์แต่ผลการเรียนดีขึ้น

โรงเรียนวัดบ้านไร่ (ประชานุกูล) ถือเป็นหนึ่งในเครือข่ายโรงเรียนพัฒนาตนเอง (TSQP) กองทุนเพื่อความเสมอภาค (กสศ.) โดยมีทีมโค้ชจากมูลนิธิโรงเรียนสตาร์ฟิชคันทรีโฮมมาเป็นพี่เลี้ยง นำกลไก Makerspace และ STEAM Design Process มาใช้เสริมการเรียนการสอน

ครูมิน-มินตรา กะลินตา หัวหน้าฝ่ายวิชาการ เล่าให้ฟังว่า ช่วงล็อกดาวน์ทางโรงเรียนต้องออกแบบการเรียนทางไกลทุกรูปแบบ 

“จากเดิมที่เด็กจะต้องเรียนตามที่ครูกำหนด แต่ตอนนี้เด็กๆ จะสามารถเลือกเรียนในสิ่งที่เขาอยากเรียนผ่านฐาน Makerspace ทุกวันอังคารตอนบ่ายสามชั่วโมง ทั้งดนตรี ศิลปะ ทำอาหาร ประดิษฐ์ หากเรียนแล้วไม่ชอบก็เปลี่ยนได้ไม่จำกัด ตรงนี้จะทำให้เขาได้เรียนในสิ่งที่สนใจ ไม่ใช่ถูกบังคับให้เรียน”​

อีกด้านหนึ่งในวิชาพื้นฐาน เช่น อังกฤษ ภาษาไทย คณิตศาสตร์ ก็จะใช้ STEAM Design Process ให้เด็กได้คิด ได้ลงมือปฏิบัติเพื่อค้นหาความรู้ด้วยตัวเอง ได้ฝึกกระบวนการคิดวิเคราะห์ ทำงานเป็นทีม ครูจะทำหน้าที่เป็นคนคอยชี้แนะ ไม่ใช่คนบอกให้เขาท่องจำอีกต่อไป

“สิ่งที่เกิดกับเด็กคือ เขาจะสามารถแสวงหาความรู้ด้วยตัวเอง เพราะความรู้ไม่อยู่แค่ในห้องเรียน หรือแค่มาจากครู แต่เขาสามารถหาความรู้จากทุกที่ จากอินเทอร์เน็ต จากยูทูบ จากเกมที่เขาเล่น ครูเองก็ต้องเปลี่ยนบทบาทจากที่เขียนกระดานหน้าห้องมาเป็นการวางแผนกิจกรรม ว่าจะสอนอะไร ด้วยรูปแบบใดที่แตกต่างกัน บางห้องมีเด็กพิเศษจะออกแบบการเรียนรู้อย่างไร เป็นความคิดสร้างสรรค์ของคุณครูที่จะออกแบบออกแรงมากขึ้น” ครูมินกล่าว

เด็กที่เรียนออนไลน์ไม่ได้ก็จะมีออนแฮนด์เป็นใบงานแบบฝึก กล่อง “เลิร์นนิ่งบ็อกซ์” และออนดีมานด์ที่ครูอัดคลิปการสอนให้นักเรียนที่มีอุปกรณ์ แต่ไม่สามารถเข้าเรียนตอนนั้นให้สามารถมาดูย้อนหลังได้

ทั้งหมดไม่มีรูปแบบตายตัว เป็นอิสระของคุณครูที่จะออกแบบการเรียนการสอนของตัวเอง โดยมีผู้อำนวยการคอยติดตามนิเทศ ดูว่าใช้สื่ออะไร ผลออกมาอย่างไร และคอยให้คำแนะนำปรับปรุง

ล่าสุดโรงเรียนเริ่มเปิดกลับมาสอนปกติ มีบางส่วนมาเรียนออนไซต์ แต่บางส่วนยังเรียนออนไลน์ ทำให้ครูก็ต้องสอนทั้งออนไซต์ ออนไลน์ ออนดีมานด์ ออนแฮนด์ 

“เรียนออนไลน์เด็กสนใจน้อยอยู่แล้ว เพราะนักเรียนไม่อยู่ที่เดียวกัน ต่างคนต่างอยู่กันคนละที่ ช่วงแรกของการจัดการเรียนออนไลน์โรงเรียนกลัวเด็กเครียดแล้วจะไม่เข้ามาเรียน ครูก็ต้องมาคิดว่าจะทำอย่างไร ​โดยเน้นการสอนให้แอคทีฟ ให้เด็กได้คิดหาคำตอบ ต่อยอดจาก STEAM Design Process 

อีกทั้งหากให้เด็กทำใบงานเยอะๆ เขาก็จะทำไม่ทัน แล้วก็ไม่ส่งเลย เราก็ปรับมาเป็นกิจกรรมออนไลน์บ้าง ในห้องไลน์บ้าง ให้เขาตอบคำถาม เล่นเกม ให้เขาสนุก มีส่วนร่วม ก็จะไม่หายไปไหน”

ติดตามดึงนักเรียนที่หลุดหายกลับมาสู่ระบบอย่างใกล้ชิด

บางคนไม่มีอุปกรณ์เรียนออนไลน์ ครูก็จะใช้ระบบ​ออนแฮนด์ ให้ใบงาน หรือมี “เลิร์นนิ่งบอกซ์” ใส่อุปกรณ์ ให้ไปทำกิจกรรมที่บ้าน บางคนมีอุปกรณ์ แต่ต้องรอผู้ปกครองกลับจากทำงานก่อนถึงจะได้เรียน แต่ถ้าวันไหนกลับดึกก็ไม่ได้เรียน ​ครูก็จะอัดเป็นคลิปเสริม​เป็นออนดีมานด์ ให้เด็กได้ดูย้อนหลังได้

สิ่งสำคัญคือ ทั้งครูประจำชั้น ครูประจำวิชาจะคอยสังเกตว่านักเรียนคนไหนหายไป ไม่เข้าเรียน ก็จะสอบถามไปยังผู้ปกครอง ทั้งโทรศัพท์ไปสอบถาม หรือไลน์ไปหา ยิ่งช่วงเรียนออนไลน์นี่หายง่าย ต้องติดตามใกล้ชิดว่าใครไม่เข้าเรียน บางสัปดาห์หายไป 3-4 วัน ครูประจำชั้นก็จะต้องตามกับผู้ปกครองว่าหายไปไหน​

ปัจจุบันโรงเรียนเริ่มกลับมาเปิดตามปกติ มีนักเรียนบางส่วนเริ่มกลับมาเรียนออนไซต์ ทางโรงเรียนได้ติดตามพบว่านักเรียนส่วนใหญ่กลับมาเรียนเกือบครบ 

และนี่คืออีกเรื่องราวความสำเร็จจาก​ “สมุทรสาครโมเดล”