ปัญหานักเรียนยากจนที่ล้าหลังกลุ่มอื่นถึง 70 ปี

ปัญหานักเรียนยากจนที่ล้าหลังกลุ่มอื่นถึง 70 ปี

มีการเผยแพร่ข้อมูลของโรงเรียนมัธยมจากสำนักข่าว BBC ซึ่งได้ทำการวิเคราะห์ว่านักเรียนที่อยู่ในกลุ่มยากจนอาจใช้เวลาถึง 70 ปี ที่จะตามทันนักเรียนกลุ่มอื่นในระบบการศึกษา GCSE (ระบบการศึกษาสำหรับเด็กที่มีอายุ 14 – 16 ปี โดยมีรายวิชาให้ศึกษามากกว่า 40 รายวิชา)

จากข้อมูลพบว่าในอังกฤษนักเรียนที่ยากจนจะประสบความสำเร็จน้อยและเป็นไปได้ยากมาก เมื่อเทียบกับเพื่อนร่วมชั้น กรณีแบบนี้เริ่มเป็นมาตั้งแต่ปี 2011 และมีแนวโน้มว่ายังคงเป็นเช่นนี้ไปถึงปี 2090 รวมไปถึงข้อมูลที่แสดงว่านักเรียนในกลุ่มยากจน เรียนได้ดีในวิชาภาษาอังกฤษและคณิตศาสตร์ มีค่าเฉลี่ยอยู่แค่ร้อยละ 24.9 เมื่อเทียบกับนักเรียนกลุ่มอื่นๆ

การเสียเปรียบของนักเรียนกลุ่มยากจนที่ถดถอยลงทุกปีตั้งแต่ 2011 เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน จากภาพจะเห็นว่านักเรียนกลุ่มยากจนมีความล้าหลังอยู่ถึง 70 ปี รัฐบาลได้ใช้ผลคะแนนของระบบการศึกษา GCSE ของวิชาภาษาอังกฤษและคณิตศาสตร์ เพื่อเปรียบเทียบระหว่างนักเรียนกลุ่มยากจนและนักเรียนกลุ่มอื่นๆ

ลองคิดว่าถ้านักเรียนกลุ่มยากจนมีสิทธิ์ที่จะได้รับรางวัล หรือได้ทานอาหารฟรีเป็นเวลา 6 ปี หรือได้รับการดูแลช่วยเหลือในเรื่องต่างๆ ต่อเนื่องอย่างน้อย 6 เดือนจะดีต่อนักเรียนกลุ่มนี้หรือไม่รัฐบาลได้ให้ข้อมูลอีกว่าการแข่งขันระหว่างบุคคลทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำทางสังคมแบบนี้

เด็กด้อยโอกาสถูกทิ้งไว้ข้างหลังหรือไม่ ?

นิคกิบบ์รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการกล่าวว่าการศึกษาถึงภูมิหลังของนักเรียนกลุ่มยากจนจะทำให้เข้าใจในตัวพวกเขามากขึ้นซึ่งจะส่งผลให้เกิดการช่วยเหลือหรือเติมเต็มความต้องการกับตัวนักเรียนกลุ่มนี้ได้ชัดเจนมากขึ้นในขณะที่โรงเรียนอื่นๆก็ได้ปรับปรุงมาตรฐานของแต่ละโรงเรียนให้ผ่านเกณฑ์มาตรฐานค่าเฉลี่ยของชาติด้วยเช่นกันเพื่อให้ผลลัพธ์เป็นที่น่าพอใจ

แต่บาร์ตันเลขาธิการของสมาคมโรงเรียนและผู้อำนวยการวิทยาลัยกล่าวว่าในระหว่างที่โรงเรียนกำลังทำสิ่งที่ท้าทายเพื่อปิดช่องว่างระหว่างเด็กกลุ่มยากจนและคนอื่นๆควรจะมีการระดมทุนและนโยบายเศรษฐกิจและสังคมเพื่อฟื้นฟูความหวังและให้มีการกระจายการสนับสนุนตัวเด็กให้ถูกเข้าถึงมากขึ้น

หากต้องการทำให้ภาพลักษณ์ในสังคมดีขึ้นการระดมทุนเพื่อนักเรียนกลุ่มยากจนทั่วโลกเป็นเรื่องที่ควรต้องทำอย่างเร่งด่วน

มีข้อมูลแสดงว่านักเรียนชาวสก็อตแลนด์ทำได้ดีกว่าในด้านการอ่านการเขียนและการคำนวณซึ่งเป็นเรื่องที่น่าสนใจว่าเขามีวิธีการอย่างไรที่พัฒนาเด็กได้ไกลถึงขนาดนี้

เวลช์ เผยแพร่ข้อมูลว่า การสร้างประสิทธิภาพของโรงเรียน จะใช้รูปแบบของรหัสสี มี 3 สีได้แก่ สีเขียว เหลือง แดงอำพัน เพื่อใช้วัดคุณภาพของโรงเรียนในแต่ละแห่ง