Learning City หมายถึง เมืองที่มีการใช้ทรัพยากรในทุกภาคส่วนอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อสนับสนุนการเรียนรู้ของประชาชนทุกระดับ โดยอาศัยนวัตกรรมและเทคโนโลยีสนับสนุนให้เกิดการเรียนรู้อย่างมีคุณภาพ และส่งเสริมวัฒนธรรมการเรียนรู้ตลอดช่วงชีวิต
ปัจจุบัน สถาบันการเรียนรู้ตลอดชีวิตของยูเนสโก (UNESCO Institute for Lifelong Learning: UIL) ได้จัดตั้งเครือข่ายระดับโลกด้านเมืองแห่งการเรียนรู้ของยูเนสโก (The UNESCO Global Network of Learning Cities: GNLC) เพื่อช่วยให้รัฐบาลท้องถิ่นพัฒนากลยุทธ์ที่เป็นรูปธรรมในการสร้างเมืองแห่งการเรียนรู้ โดยขณะนี้มีเมืองแห่งการเรียนรู้ทั่วโลก 294 เมือง จาก 76 ประเทศ

วิธีสร้าง Learning City เริ่มจาก
1) วางแผนกลยุทธ์ (Strategic Plan) ต้องมีโครงสร้างพื้นฐานและวิสัยทัศน์ที่ชัดเจน
2) สร้างการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน (Involve all stakeholders) บุคคลและองค์กรต่างๆ ล้วนมีความหลากหลายและสามารถช่วยกันสร้างเมืองแห่งการเรียนรู้ได้
3) ส่งเสริมการเรียนรู้ (Celebrate Learning) เพื่อดึงดูดความสนใจของสาธารณชน และผลักดันให้พวกเขามีส่วนร่วมในกิจกรรมการเรียนรู้
4) สนับสนุนให้ทุกคนเข้าถึงการศึกษา (Make Learning Accessible to All) ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักของเมืองแห่งการเรียนรู้
5) ติดตามความคืบหน้าและประเมินผลการดำเนินงาน (Monitor and Evaluate Progress) เฝ้ามองการเติบโตของเมืองอย่างใกล้ชิด เพื่อปรับปรุงการดำเนินงาน
6) จัดสรรงบประมาณและทรัพยากร (Ensure Sustainable Funding) เพื่อให้ชุมชนมีโอกาสเข้าถึงได้

ปลายทางของ Learning City
.
.
ปัญหาความเหลื่อมล้ำของคุณภาพการศึกษา ความเหลื่อมล้ำทางโอกาสในการเข้าถึงการเรียนหนังสือ นับเป็นอุปสรรคสำคัญต่อเด็กจากครัวเรือนที่มีรายได้ใต้เส้นความยากจนกว่า 2.5 ล้านคน จนทำให้เสี่ยงหลุดออกจากระบบการศึกษา
.
Learning City คือหนึ่งในแนวทางลดช่องว่างความเหลื่อมล้ำดังกล่าว เมื่อผู้คนเข้าถึงโอกาสทางการศึกษาได้อย่างสะดวกและทั่วถึง จะทำให้เกิดการเลื่อนระดับทางสังคม (social mobility) และการส่งต่อความยากจนข้ามรุ่นจะหมดไปในที่สุด