อีกกี่เจน
กว่าคนไทย
จะหายจน?

หลุดกับดักยากจนข้ามรุ่น
ด้วยการศึกษาเสมอภาค

เลื่อนลงเพื่ออ่าน

เมื่อประมาณ
30 ปีที่แล้ว

ประเทศไทยหันเห นโยบายเศรษฐกิจ
มาสู่การเปิดเสรีทางการค้าและ
ตั้งตัวเป็นฐานการผลิตของอุตสาหกรรม

นำมาสู่การเติบโตของเศรษฐกิจแบบก้าวกระโดด
จนกระทั่งไทยเคยประกาศตัวจะก้าวขึ้นเป็นหนึ่ง
ในเสือเศรษฐกิจตัวใหม่แห่งเอเชีย
และหวังจะขึ้นเป็นประเทศรายได้สูงในภูมิภาค

เกาหลีใต้

ไต้หวัน

สิงคโปร์

ฮ่องกง

เกาหลีใต้

สิงคโปร์

ไต้หวัน

ฮ่องกง

โชคร้าย...
ประเทศไทยกลับถูกฉุดรั้งไม่ให้ไปถึงฝัน
เพราะอุตสาหกรรมเปลี่ยนแปลงไปสู่การใช้แรงงานที่มีทักษะ

แต่แรงงานไทยยังมีระดับการศึกษาที่ต่ำและขาดทักษะ
ทำให้ไม่สามารถปรับตัวได้ทัน ทำให้เศรษฐกิจไทย

ติดกับดักรายได้ปานกลาง

ในระดับประเทศ การศึกษาคือจุด
เริ่มต้นสำคัญของการยกระดับทักษะแรงงาน

การศึกษามีบทบาทสำคัญในการสร้างโอกาสและสะสม
ทุนมนุษย์ตั้งแต่เด็กจนเข้าสู่วัยทำงาน เพื่อให้ประเทศ
แข่งขันได้ในเศรษฐกิจยุคใหม่ที่ต้องการแรงงานมีทักษะ

สำหรับคนทั่วไป การศึกษาถูกมองว่า
เป็นปัจจัยหนึ่งที่ช่วยยกระดับฐานะข้ามรุ่นได้

พ่อแม่หลายคนเชื่อว่าเมื่อมอบการศึกษาที่ดีให้ลูก พวกเขาจะ
เติบโตมามีฐานะดีกว่ารุ่นตน ความเชื่อนี้ถูกส่งต่อพร้อมกับ
ความหวังที่อยากให้คนรุ่นหลังเป็นกำลังหลักทางเศรษฐกิจ
ของครอบครัว ที่มีทักษะทันและทนต่อความเปลี่ยนแปลง

ไม่ได้รับการศึกษา

41%

ได้รับการศึกษา

59%

ได้รับการศึกษา

98%

ไม่ได้รับการศึกษา

10%

สัดส่วนที่คุณทาย

ได้รับการศึกษา

90%

รุ่นพ่อแม่

เกิดประมาณ พ.ศ. 2500

รุ่นลูก (วัยทำงาน)

เกิดประมาณ พ.ศ. 2520

คุณคิดว่าปัจจุบันคนไทย
วัย
แรงงานได้รับการศึกษา
มากขึ้น
หรือน้อยลงจากรุ่นพ่อแม่?

ลองทายกันดู ว่าสัดส่วนผู้ได้รับการศึกษาในรุ่นลูกซึ่งเกิด
ประมาณ พ.ศ. 2520 มีเท่าไหร่ เมื่อเทียบกับรุ่นพ่อแม่ซึ่ง
เกิดประมาณ พ.ศ. 2500


เลื่อน ขึ้น-ลง ที่แถบ"รุ่นลูก"
เพื่อลองทายสัดส่วน

สัดส่วนผู้ที่ได้รับการศึกษา

ที่มา Global Database on Intergenerational
Mobility (GDIM), World Bank (2020)

คุณคิดว่าปัจจุบันคนไทย
วัย
แรงงานได้รับการศึกษา
มากขึ้น
หรือน้อยลงจากรุ่นพ่อแม่?

ลองทายกันดู ว่าสัดส่วนผู้ได้รับการศึกษาในรุ่นลูกซึ่งเกิด
ประมาณ พ.ศ. 2520 มีเท่าไหร่ เมื่อเทียบกับรุ่นพ่อแม่ซึ่ง
เกิดประมาณ พ.ศ. 2500

เลื่อน ขึ้น-ลง ที่แถบ"รุ่นลูก"
เพื่อลองทายสัดส่วน

สัดส่วนผู้ที่ได้รับการศึกษา

ที่มา Global Database on Intergenerational
Mobility (GDIM), World Bank (2020)

ไม่ได้รับการศึกษา

41%

ประถมศึกษา

23.5%

มัธยมต้น

11.5%

มัธยมปลาย

13.7%

มหาวิทยาลัย

10.7%

ไม่ได้รับการศึกษา

2%

ประถมศึกษา

10.3%

มัธยมต้น

23.4%

มัธยมปลาย

29.2%

มหาวิทยาลัย

35.4%

รุ่นพ่อแม่

เกิดประมาณ พ.ศ. 2500

รุ่นลูก (วัยทำงาน)

เกิดประมาณ พ.ศ. 2520

ในเวลาเพียง 1 รุ่น
คนไทยได้รับการศึกษา
มากขึ้น
โดยคนที่ไม่ได้รับการศึกษา
ลดลง
เหลือแค่เพียงแค่ 2%

สัดส่วนผู้ที่ได้รับการศึกษา

ที่มา Global Database on Intergenerational
Mobility (GDIM), World Bank (2020)

ดูเผิน ๆ คนไทยอาจมีการศึกษาดีขึ้น
แต่แท้จริงแล้วโอกาสที่เด็กแต่ละคน
จะมีการศึกษาสูงแค่ไหนนั้น มีไม่เท่ากัน

เพราะระดับการศึกษาของพ่อแม่

มีแนวโน้มส่งต่อ

สู่ระดับการศึกษาของลูกได้

เพราะระดับการศึกษาของพ่อแม่
มีแนวโน้มส่งต่อสู่ระดับการศึกษาของลูกได้

สิ่งนี้เรียกว่า

การสืบทอด
ทุนมนุษย์ข้ามรุ่น

(Intergenerational Privilege)

'ระดับการศึกษา' คือหนึ่งในทุน
มนุษย์สำคัญที่ถูกส่งต่อข้ามรุ่น!

จากข้อมูลการขยับฐานะระหว่างคนต่างรุ่น
ในสังคมไทย โดยธนาคารโลก พบว่า

รุ่นพ่อแม่
รุ่นลูก
การศึกษาสูง
มหาวิทยาลัย
การศึกษาสูง
มหาวิทยาลัย
การศึกษากลาง
ประถมฯ, มัธยมฯ
การศึกษาต่ำ
ต่ำกว่าประถมฯ

*ที่มา Global Database on Intergenerational Mobility (GDIM), World Bank (2020)

หากพ่อแม่มีการศึกษาสูง
ลูกก็มีแนวโน้มเรียนจบ
ในระดับเดียวกับพ่อแม่มาก

'ระดับการศึกษา' คือหนึ่งในทุน
มนุษย์สำคัญที่ถูกส่งต่อข้ามรุ่น!

จากข้อมูลการขยับฐานะระหว่างคนต่างรุ่น
ในสังคมไทย โดยธนาคารโลก พบว่า

รุ่นพ่อแม่
รุ่นลูก
การศึกษาสูง
มหาวิทยาลัย
การศึกษากลาง
ประถมฯ, มัธยมฯ
การศึกษาต่ำ
ต่ำกว่าประถมฯ
การศึกษาต่ำ
ต่ำกว่าประถมฯ

*ที่มา Global Database on Intergenerational Mobility (GDIM), World Bank (2020)

ตรงกันข้าม หากพ่อแม่มีการศึกษา
ระดับต่ำสุด ลูกก็จะมีแนวโน้ม
มีการศึกษาระดับต่ำสุดไปด้วย

ปัจจุบันอัตราการเข้าเรียน
มหาวิทยาลัยของเด็กที่ยากจน
เปรียบเทียบกับเด็กที่ร่ำรวยก็ยังคง
ห่างกันมาก


ร่ำรวยที่สุด
10% บน
ของประชากร

35.7%
ไม่ได้เข้าเรียนปริญญาตรี

64.3%
เข้าเรียนปริญญาตรี

ยากจนที่สุด
10% ล่าง
ของประชากร

88.9%
ไม่ได้เข้าเรียนปริญญาตรี

11.1%

ที่มา อัตราการเข้าเรียนสุทธิ (Net enrolment rate)
ในระดับปริญญาตรี พ.ศ. 2564, สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (2564)

เด็กกลุ่มที่มีความยากจนส่วนใหญ่นี้
อาศัยอยู่ใน
ครัวเรือนยากจน และ
ครัวเรือนยากจนพิเศษ
ที่มีสมาชิก
ในครัวเรือนมีรายได้รวมกันต่ำ

เด็กกลุ่มที่มีความยากจนส่วนใหญ่นี้
อาศัยอยู่ใน
ครัวเรือนยากจน และ
ครัวเรือนยากจนพิเศษ
ที่มีสมาชิก
ในครัวเรือนมีรายได้รวมกันต่ำ


โดยเฉพาะ ครัวเรือนยากจนพิเศษ*
ที่ผู้ปกครอง
ไม่สามารถแบกรับ
ค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาของลูกได้
และเสี่ยงทำให้เด็กจำเป็นต้องหลุด
ออกจากระบบฯ กลางคัน

*ครัวเรือนยากจนพิเศษเป็นครัวเรือนที่ผ่านเกณฑ์การ
คัดกรองผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์
(Proxy Means Test : PMT)
ในค่าคะแนนความยากจนพิเศษ ที่เก็บข้อมูลจากหลาย
ปัจจัยที่
เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจ ทั้งรายได้ สภาพที่อยู่อาศัย
ภาระการดูแลคนในครอบครัว ฯลฯ

สัดส่วนรายได้ตามระดับการศึกษาสูง
สุดของผู้ปกครองเด็กยากจนพิเศษ

ที่มา ฐานข้อมูลการคัดกรองนักเรียนยากจนพิเศษ
ภาคเรียนที่ 1/2565 (สังกัด สพฐ.)

พื้นที่แสดงสัดส่วนจำนวนผู้ปกครองเด็กยากจนพิเศษ
ตามระดับการศึกษาสูงสุดที่ได้รับ (%)

สัดส่วนรายได้ตามระดับการศึกษาสูง
สุดของผู้ปกครองเด็กยากจนพิเศษ

ที่มา ฐานข้อมูลการคัดกรองนักเรียนยากจนพิเศษ
ภาคเรียนที่ 1/2565 (สังกัด สพฐ.)

ผู้ปกครองของเด็กยากจนพิเศษ
ส่วนใหญ่
ยังมีรายได้เฉลี่ยอยู่ใต้
เส้นความยากจน
และสูญเสียรายได้ทั้งหมดไปกับ
ค่าใช้จ่ายในครัวเรือน

สัดส่วนรายได้ตามระดับการศึกษาสูง
สุดของผู้ปกครองเด็กยากจนพิเศษ

ที่มา ฐานข้อมูลการคัดกรองนักเรียนยากจนพิเศษ
ภาคเรียนที่ 1/2565 (สังกัด สพฐ.)

พวกเขาเกินกว่าครึ่งยังเรียนจบเพียง
ระดับประถมศึกษาหรือต่ำกว่านั้น
เพิ่มความเสี่ยงที่จะส่งต่อระดับ
การศึกษาเดียวกันสู่ลูกหลาน

ครัวเรือนยากจนพิเศษ
กระจาย
อยู่ทั่วประเทศ
โดยเฉพาะ
ในภาคอีสานและภาคใต้

10 อันดับ จังหวัดที่มีจำนวน
ครัวเรือนยากจนพิเศษมากที่สุด (ครัวเรือน)

ที่มา ฐานข้อมูลการคัดกรองนักเรียนยากจนพิเศษ
ภาคเรียนที่ 1/2565

ปัญหารุมเร้า แต่ความ
ช่วยเหลือกลับไม่ทั่วถึง


น่าแปลกใจที่แม้บางพื้นที่มีจำนวน
ครัวเรือนยากจนพิเศษมาก
แต่
พื้นที่นั้นกลับได้เงินอุดหนุนน้อย

ทำให้การจัดสรรงบประมาณ
การศึกษา
ยังคงสวนทางกับภาวะความยากจนในพื้นที่

ด้วยสองปัจจัยสำคัญนี้
การจะหยุดยั้งความยากจน
ข้ามรุ่นด้วยการยกระดับ
การศึกษาของเด็กยากจนพิเศษ
จึงไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

ตัดโอกาสพัฒนาทุนมนุษย์
เพิ่มความเสี่ยงการส่งต่อ
ความยากจนสู่รุ่นถัดไป

เด็กยากจนพิเศษ

1,307,152

คน

เด็กยากจนพิเศษเหล่านี้กำลังถูกลดทอนโอกาสที่จะได้รับการพัฒนาศักยภาพ
ตามสิทธิที่ควรจะเป็น ทั้งที่พวกเขาจะเติบโตมาเป็นกำลังหลักของสังคมยุคใหม่
ที่ทุนมนุษย์กลายเป็นปัจจัยสำคัญในการก้าวพ้นกับดักประเทศรายได้ปานกลาง

เด็กยากจนพิเศษเหล่านี้กำลังถูกลดทอนโอกาส
ที่จะได้รับการพัฒนาศักยภาพตามสิทธิที่ควรจะเป็น
ทั้งที่พวกเขาจะเติบโตมาเป็นกำลังหลักของสังคม
ยุคใหม่ ที่ทุนมนุษย์กลายเป็นปัจจัยสำคัญในการ
ก้าวพ้นกับดักประเทศรายได้ปานกลาง

เราลองสมมติว่า
เด็กยากจนพิเศษทั้งหมดในปัจจุบัน
มีเส้นทางชีวิต 4 แบบ แทนด้วยเด็ก 4 คน

กรีน

วุฒิ ป.6

หลุดออกจากระบบฯ ก่อนวัย
อันควร สามารถเรียนอยู่ในระบบฯ
ได้เฉลี่ย 6 ปี (เทียบเท่า ป.6)

ส้ม

วุฒิ ม.3

หลุดออกจากระบบฯ ตามอัตรา
เฉลี่ยเด็กหลุดออกจากระบบฯ
ของไทย สามารถเรียนอยู่ในระบบฯ
ได้ประมาณ 9 ปี (เทียบเท่า ม.3)

เมฆ

วุฒิ ม.6

สามารถเรียนอยู่ในระบบฯ ได้
จนครบหลักสูตรการศึกษาขั้น
พื้นฐานที่ 12 ปี (เทียบเท่า ม.6)

ผึ้ง

วุฒิ ป.ตรี

หลังจากจบหลักสูตรการศึกษาขั้น
พื้นฐานที่ 12 ปี (เทียบเท่า ม.6)
เข้าเรียนต่อมหาวิทยาลัยจนเรียนจบ
การศึกษาระดับปริญญาตรี

ที่มา: สถาบันวิจัยเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (วสศ.)
คำนวณจากข้อมูลการสำรวจภาวะการทำงานของประชากร
สำนักงานสถิติแห่งชาติ ปี 2564

ที่มา: สถาบันวิจัยเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (วสศ.) คำนวณจากข้อมูลการสำรวจภาวะการทำงานของประชากร สำนักงานสถิติแห่งชาติ ปี 2564

เด็กชายกรีน แม้เขาจะสามารถหาเงินได้เร็วกว่าเพื่อน แต่เมื่อคำนวณรายได้เฉลี่ยตลอดชีวิตคาดการณ์ที่เขาจะได้รับ พบว่าเขาจะมีรายได้เฉลี่ยเพียง 9,136 บาท/เดือน

ที่มา: สถาบันวิจัยเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (วสศ.) คำนวณจากข้อมูลการสำรวจภาวะการทำงานของประชากร สำนักงานสถิติแห่งชาติ ปี 2564

เมื่อมาดูเด็กหญิงส้ม ที่เรียนจบระดับ ม.3 พบว่ารายได้เฉลี่ยตลอดชีวิตคาดการณ์จะอยู่ที่ 10,766 บาท/เดือน สูงกว่าเด็กชา⁠ยก⁠รีนถึง 18% และมีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อยๆ เมื่อมีอายุมากขึ้น

ที่มา: สถาบันวิจัยเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (วสศ.) คำนวณจากข้อมูลการสำรวจภาวะการทำงานของประชากร สำนักงานสถิติแห่งชาติ ปี 2564

ในขณะที่เด็กชายเมฆ ที่เรียนจบระดับ ม.6 ตามการศึกษาขั้นพื้นฐาน จะมีรายได้เฉลี่ยตลอดชีวิตคาดการณ์ 13,118 บาท/เดือน ทำให้มีส่วนต่างรายได้ตลอดชีวิตสูงกว่าเด็กชายกรีนถึง 44% และมีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อยๆ เมื่อมีอายุมากขึ้น

ที่มา: สถาบันวิจัยเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (วสศ.) คำนวณจากข้อมูลการสำรวจภาวะการทำงานของประชากร สำนักงานสถิติแห่งชาติ ปี 2564

ในขณะที่เด็กหญิงผึ้ง ที่เรียนจบระดับปริญญาตรี จะมีรายได้เฉลี่ยตลอดชีวิตคาดการณ์ 27,132 บาท/เดือน ทำให้มีส่วนต่างรายได้ตลอดชีวิตสูงกว่าเด็กชายกรีนสูงถึง 197% และมีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อยๆ เมื่อมีอายุมากขึ้น

ที่มา: สถาบันวิจัยเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (วสศ.) คำนวณจากข้อมูลการสำรวจภาวะการทำงานของประชากร สำนักงานสถิติแห่งชาติ ปี 2564

เห็นได้ชัดว่าเพียงอยู่ในระบบการศึกษา
รายได้เฉลี่ยตลอดชีวิตก็สูงขึ้น
การคงอยู่ในระบบฯ จึงเป็นบันได
ขั้นสำคัญสู่การก้าวพ้นความยากจน

หากทำให้เด็กยากจนพิเศษทั้งหมด 1,307,152 คน
เรียนได้อย่างน้อยจบปริญญาตรี

จะทำให้รายได้เพิ่มขึ้นเฉลี่ย
ตลอดช่วงอายุการทำงาน*

39,000 - 150,000

ล้านบาท/ปี

*ข้อมูลรายได้ประชาชาติต่อหัวเฉลี่ยเมื่อเด็กยากจนพิเศษทุกคนไม่หลุดออกจากระบบฯ และมีรายได้ตั้งแต่อายุ 22 - 60 ปี
คำนวนโดยสถาบันวิจัยเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (วสศ.)
ที่มา: ข้อมูลจากระบบสารสนเทศเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (ISEE) ปี 2565

ไม่ใช่แค่ฝันหรือเรื่องสมมติ…

ในปีการศึกษา 2565 มีเด็กนักเรียนที่ได้รับการช่วยเหลือจากการคัดกรองนักเรียนยากจนและยากจนพิเศษของ กสศ. เมื่อปีการศึกษา 2561 สามารถเข้าเรียนมหาวิทยาลัยได้ทั้งสิ้น

20,018

คน

แบ่งเป็นสาขาวิชาดังนี้

กฎหมาย สังคม ศิลปะ วัฒนธรรม
5,805 คน
วิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์
4,328 คน
ธุรกิจ การบริหารจัดการ
3,312 คน
สุขภาพ สาธารณสุข
2,529 คน
การศึกษา การสอน
2,132 คน
การเกษตร กสิกรรม ป่าไม้ ประมง
1,104 คน
เทคโนโลยีสารสนเทศ การสื่อสาร
707 คน
มากกว่า 1 สาขา (หลักสูตร 2 ปริญญา)
101 คน

ที่มา: สถาบันวิจัยเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษาเชื่อมโยงข้อมูลการคัดกรองนักเรียนยากจนและยากจนพิเศษกับข้อมูลการรับเข้าศึกษาในระบบ TCAS ปี 2565

การที่สังคมให้โอกาสเด็ก ๆ ทั้ง 20,018 คน ได้เข้าเรียนในระดับปริญญาตรี หากเด็กเหล่านี้สำเร็จการศึกษา จะทำให้รายได้ตลอดช่วงชีวิตที่คิดเป็นมูลค่าปัจจุบัน สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นราว 66,000 ล้านบาท (3.3 ล้านบาท/คน)

ขณะที่ต้นทุนที่สังคมจะต้องช่วยสนับสนุนให้เขาสามารถเรียนจนสำเร็จการศึกษา ในระดับปริญญาตรีได้ อยู่ที่ประมาณ 8,200 ล้านบาท (410,000 บาท/คน)

การนำเด็กยากจนพิเศษเข้าสู่ระบบการศึกษา
ยังมีอัตราผลตอบแทนของการลงทุน (IRR)

ซึ่งเทียบเคียงกับการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานอื่น เช่น
รถไฟฟ้า
และยังสูงกว่าต้นทุนทางการเงินของรัฐที่
ประมาณ 2.7%

จึงถือว่าเป็นการลงทุนเพื่อการยกระดับ
คุณภาพชีวิตที่มีความคุ้มค่ามาก
ตอบโจทย์เศรษฐกิจ
ประเทศไทยที่ต้องการหลุดพ้นจากกับดักรายได้
ปานกลาง
และต้องอาศัยทรัพยากรมนุษย์ที่มีทักษะ
มากกว่าการอาศัยเครื่องจักรเหมือนในอดีต

สู่เป้าหมายของประเทศไทย
ในอีก 20 ปีข้างหน้า

รายได้เฉลี่ยประชากรขึ้นสู่ระดับประเทศรายได้สูง ที่มีรายได้ขั้นต่ำเฉลี่ยคนละ 38,000 บาท/เดือน การนำเด็กยากจนพิเศษเข้าสู่การศึกษาระดับสูง จึงเปิดโอกาสสู่การสร้างแรงงานแห่งอนาคต เพื่อเป็นกำลังสำคัญในการสร้างผลผลิตให้กับประเทศได้มหาศาล และยังสามารถเข้าสู่ระบบภาษีเงินได้ของรัฐเพื่อเพิ่มรายได้ให้แก่ประเทศอีกทางหนึ่ง

ในทางอ้อม ยังเพิ่มโอกาสให้เด็กกลุ่มนี้สามารถเข้าถึงปัจจัยพื้นฐานอื่นได้ดียิ่งขึ้น เช่น การรักษาสุขภาพ ความปลอดภัย ความมั่นคงในชีวิต

เปลี่ยนวงจรความยากจน เป็นวงจรแห่งการศึกษาเสมอภาค ผ่านภาคีความร่วมมือ เพื่อเป้าหมายเดียวกัน

กสศ. จุดประกาย จับมือ 7 กระทรวงสำคัญ สร้างภาคีที่เน้นทำงานแบบองค์รวม (Holistic) ที่รวบรวมและแบ่งปันข้อมูลระหว่างภาคส่วน เพื่อวางนโยบายพัฒนาทุนมนุษย์ที่มุ่งเน้นเป้าหมายเดียวกัน คือหยุดวงจรความยากจน แปรเปลี่ยนเป็นวงจรการศึกษาเพื่อลดปัญหาความเหลื่อมล้ำอย่างยั่งยืน


เกิดเป็นโครงการพัฒนาทุนมนุษย์ในทุกมิติ ตลอดชีวิตของเด็กไทยทุกคน อย่างเสมอภาค

โครงการเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด

โครงการอาหารเสริมนมและอาหารกลางวัน

โครงการสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการจัดการศึกษาตั้งแต่ระดับอนุบาลจนจบการศึกษาขั้นพื้นฐาน(เรียนฟรี 15 ปี)

โครงการสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ

โครงการเด็กวัยเรียนสูงดี สมส่วน สมองดี แข็งแรง

โครงการอาหารเสริมนมและอาหารกลางวัน

โครงการสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการจัดการศึกษาตั้งแต่ระดับอนุบาลจนจบการศึกษาขั้นพื้นฐาน(เรียนฟรี 15 ปี)

โครงการอาหารเสริมนมและอาหารกลางวัน

โครงการเด็กวัยเรียนสูงดี สมส่วน สมองดี แข็งแรง

โครงการสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการจัดการศึกษาตั้งแต่ระดับอนุบาลจนจบการศึกษาขั้นพื้นฐาน(เรียนฟรี 15 ปี)

โครงการฝึกอบรมแรงงานกลุ่มเป้าหมายเฉพาะเพื่อเพิ่มโอกาสในการประกอบอาชีพ

โครงการพัฒนาทักษะอาชีพแก่กลุ่มเสี่ยงในสถาบันฯ

โครงการเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด

โครงการอาหารเสริมนมและอาหารกลางวัน

โครงการสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการจัดการศึกษาตั้งแต่ระดับอนุบาลจนจบการศึกษาขั้นพื้นฐาน(เรียนฟรี 15 ปี)

โครงการสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ

โครงการเด็กวัยเรียนสูงดี สมส่วน สมองดี แข็งแรง

โครงการอาหารเสริมนมและอาหารกลางวัน

โครงการสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการจัดการศึกษาตั้งแต่ระดับอนุบาลจนจบการศึกษาขั้นพื้นฐาน(เรียนฟรี 15 ปี)

โครงการอาหารเสริมนมและอาหารกลางวัน

โครงการเด็กวัยเรียนสูงดี สมส่วน สมองดี แข็งแรง

โครงการสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการจัดการศึกษาตั้งแต่ระดับอนุบาลจนจบการศึกษาขั้นพื้นฐาน(เรียนฟรี 15 ปี)

โครงการฝึกอบรมแรงงานกลุ่มเป้าหมายเฉพาะเพื่อเพิ่มโอกาสในการประกอบอาชีพ

โครงการพัฒนาทักษะอาชีพแก่กลุ่มเสี่ยงในสถาบันฯ

เด็กไทยมีการศึกษา
เสมอภาคถ้วนหน้ากัน

แรงงานมีทุนมนุษย์ รายได้สูง

ทันต่ออุตสาหกรรม

รัฐมีรายได้จากการ
จัดเก็บภาษีมากขึ้น

ตัดวงจรความยากจน
ไม่ให้ส่งต่อข้ามรุ่น

ด้วยการศึกษาเสมอภาค

พร้อมหยุด
วงจรการส่งต่อ
ความยากจน

แปรเปลี่ยนเป็น
การส่งต่อโอกาส
ทางการศึกษา

เพื่อเพิ่มโอกาสการหลุดกับดักรายได้ปานกลาง
และก้าวทันเป็นเสือเศรษฐกิจตัวใหม่แห่งเอเชีย

Share

อ้างอิง