แม้กระทรวงศึกษาธิการได้ออกประกาศให้สถานศึกษาเปิดทำการเรียนการสอนเมื่อวันที่ 1 ก.พ. แล้วก็ตาม แต่ทว่ายังมีโรงเรียนในพื้นที่ควบคุมสูงสุด โดยเฉพาะ จ.สมุทรสาคร ยังคงปิดทำการเรียนการสอน ซึ่งคงไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อการเรียนการสอน รวมถึงวิถีชีวิตของน้องๆ นักเรียนที่แม้แต่การได้รับประทานอาหารกลางวันที่โรงเรียนขาดหายมากมายเพียงใด
ท่ามกลางวิกฤตที่เกิดขึ้น กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ได้รับความร่วมมือจาก เครือข่ายทางการศึกษา ภาคธุรกิจเอกชนหลายแห่งในการสนับสนุนทั้งเรื่องของการผลิตอุปกรณ์สื่อการเรียนการสอน เช่น Black box ส่งไปถึงน้องๆ ที่ไม่อาจเข้าถึงการเรียนผ่านระบบออนไลน์ รวมถึงการสนับสนุนทางด้านอาหาร เพื่อให้น้องๆ ได้มีสุขภาพพลานามัยที่สมบูรณ์แข็งแรง
เช่นเดียวกับที่ บริษัท เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ร่วมสนับสนุนนม “MEMBERRY (เมมเบอร์รี่)” ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์นมผสมสารสกัดจากเบอร์รี่ ที่ช่วยเสริมสร้างและเพิ่มประสิทธิภาพความจำ จำนวน 75,000 กล่อง ส่งไปถึงน้องๆ ในพื้นที่ที่ต้องปิดเรียนยาวนาน
คุณแคทลียา ธีระโกเมน รองผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานย่อยความรับผิดชอบต่อสังคม (CSR) กล่าวถึงความร่วมมือกับ กสศ.ว่า เอ็มเคกรุ๊ปได้ติดตามการทำงานของ กสศ. และเห็นว่ามีฐานข้อมูลที่พร้อม และเอ็มเคกรุ๊ป มีหลักการบริหารโดยใช้ข้อมูลเป็นหลัก ซึ่งในยุคสมัยนี้หากไม่บริหารด้วยข้อมูล การดำเนินงานมีโอกาสผิดพลาดสูงมาก
“เมื่อเรามีโอกาสเห็นฐานข้อมูลจาก กสศ.จึงมีความมั่นใจ เช่น หลักการคัดกรองเด็กนักเรียน หลักการเก็บข้อมูลหลายด้านละเอียดมาก ทั้งรายได้ครัวเรือน สถานะครัวเรือนแปดด้าน ทำให้ เอ็มเคกรุ๊ป มั่นใจว่าในการสนับสนุนผลิตภัณฑ์นมและถุงยังชีพให้แก่นักเรียนที่ขาดแคลน การสนับสนุนจะไปถึงผู้ที่มีความต้องการมากที่สุด ซึ่งเป็นเด็กนักเรียนยากจนพิเศษจริงๆ”
เติมเต็มมื้ออาหารเพื่อน้อง
คุณแคท เปิดเผยถึงการเลือก ผลิตภัณฑ์นม MEMBERRY ส่งมอบถึงน้องๆ ว่า ผลิตภัณฑ์นมดังกล่าวมาจากบริษัท มาร์ค วัน อินโนเวชั่น เซ็นเตอร์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของเอ็มเคกรุ๊ป โดยก่อนหน้านี้เราได้จับมือร่วมกับสถาบันวิจัยเพื่อพัฒนาสมรรถภาพมนุษย์และการเสริมสร้างสุขภาพ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ทำการวิจัยผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากผลเบอร์รี่ มีสารสำคัญ คือ Anthocyanin และ Polyphenols ซึ่งมีส่วนช่วยในการสร้างเสริมความจำ ทางบริษัทฯ นำผลวิจัยนี้ทดลองในกลุ่มเด็กวัย 6-12 ปี จำนวน 50 คน มีสิทธิบัตรและผลงานตีพิมพ์ว่า มีส่วนช่วยเพิ่มความจำอย่างมีนัยสำคัญ จึงเป็นงานวิจัยที่สามารถต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์ให้ประโยขน์ต่อมนุษย์ได้
“พอเราได้งานวิจัยออกมา จึงไปหาวัตถุดิบคือผลเบอร์รี่ซึ่งปลูกโดยคนไทยจากโครงการเกษตรในพระราชดำริ พร้อมกับนมสดนำมาจากเกษตรกรโคนมไทย เรียกได้ว่าเป็น “งานวิจัยไทย ใช้วัตถุดิบไทย ช่วยเหลือเด็กไทย”
ผู้บริหารเอ็มเคกรุ๊ปเปิดเผยว่า นอกจากจัดถุงยังชีพเพื่อบรรเทาทุกข์ยากในช่วงวิกฤตแล้ว ในระยะยาว สิ่งที่ เอ็มเคกรุ๊ปสามารถช่วยต่อเนื่องได้ คือสนับสนุนโครงการที่สร้างความมั่นคงทางด้านอาหาร เช่น โครงการอาหารเช้า หรือ โครงการฟาร์มในโรงเรียน เป็นการถ่ายทอดองค์ความรู้ให้แต่ละโรงเรียนพึ่งพาตนเองได้ตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง เช่นปลูกผัก มีฟาร์มไก่ไข่ ครบวงจร ไม่มากไปน้อยไป พึ่งพาตนเองได้ ปลูกเองกินเอง ทำให้เกิดความยั่งยืน
สานฝัน ให้โอกาส สร้างอาชีพ
นอกจากนี้ ด้านการส่งเสริมสร้างงานให้น้องๆ ที่สำเร็จการศึกษา คุณแคทบอกด้วยว่า สามารถทำงานร่วมกับ กสศ. ได้เนื่องจาก กสศ.มีโครงการทุนนวัตกรรมสายอาชีพชั้นสูง ขณะที่เอ็มเคกรุ๊ปมีโครงการที่ทำงานร่วมกับสถาบันอาชีวศึกษา จึงสามารถนำนักเรียนทุนในสังกัด กสศ.เข้าร่วมกันในการฝึกงานสร้างอาชีพ
“เอ็มเคกรุ๊ป มีโครงการ ร่วมกับสถาบันอาชีวศึกษา รับนักศึกษาประมาณ 1,500 คนต่อปีเข้าฝึกงาน มีทุนการศึกษา ค่าที่พัก และเบี้ยเลี้ยงมอบให้ พร้อมกับอบรมด้านอาชีพ”
คุณแคท มองว่า โครงการดังกล่าว ทำให้น้องๆ ได้ประสบการณ์นอกห้องเรียนอย่างมีคุณค่า ซึ่งในการทำงานมองว่า เป็นการสร้างคน นอกจากได้รายได้ ได้วิชาชีพแล้ว ยังสามารถสร้างวินัย ฝึกความรับผิดชอบ ฝึกความอดทน ฝึกทำงานร่วมกับคนหลากหลายประเภท เป็นการฝึกให้น้องๆ บริหารชีวิตตนเอง
“ถือเป็นความยั่งยืนในระดับบุคคลที่จะติดตัวเขาไปตลอดชีวิต แม้ว่าเขาอาจไม่ได้อยู่กับบริษัทฯ เราไปตลอด เป็นหลักที่เขาจะดำรงชีวิตได้ในอนาคต”
การที่ เอ็มเคกรุ๊ปได้สร้างสะพานบุญช่วยเหลือสังคมมาอย่างยาวนาน ทางผู้บริหารเอ็มเคกรุ๊ป เปิดเผยว่า หลักคิดพื้นฐานในการจัดทำโครงการเพื่อสังคมนั้นคือการนำจุดแข็งมาปิดจุดอ่อน ในที่นี้คือการใช้จุดแข็งของบริษัทฯ เข้าไปช่วยปิดอุปสรรคของเด็กที่ไม่สามารถไปโรงเรียนได้ เช่น ต้องทำงานช่วยครอบครัว ไม่มีค่าอาหาร ไม่มีค่าเดินทาง ไม่มีอุปกรณ์การเรียน เป็นต้น ดังนั้นเมื่อเอ็มเคกรุ๊ปมีจุดแข็งด้านฟูดเซอร์วิสก็พอดีที่จะสนับสนุนด้านความมั่นคงทางอาหารให้กับเด็กนักเรียนที่ติดอุปสรรคในด้านนี้
“ถ้าเราได้รับโอกาส ขอให้ทำอย่างเต็มที่ที่สุด มีความรับผิดชอบ อดทน ประหยัด รู้จักเก็บเล็กผสมน้อย” ผู้บริหารจากเอ็มเคกรุ๊ปฝากข้อคิดถึงน้องๆ ที่ได้รับการช่วยเหลือสนับสนุน พร้อมเติบโตเป็นบุคลากรที่มีคุณภาพของประเทศ