กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) เปิดโมเดลความสำเร็จการศึกษาแก้จน “เรียน 1 ปี เปลี่ยนชีวิต มีงานทำ 100% เลิกจนได้ในรุ่นตัวเอง” ปีนี้จับมือ 18 สถานศึกษารับสมัคร 790 ทุน เรียนฟรีหลักสูตรผู้ช่วยพยาบาล ผู้ช่วยทันตแพทย์ และพนักงานให้การดูแล (care giver) รับสมัครถึงวันที่ 12 มีนาคมนี้ ตลอด 6 ปีที่ผ่านมา กสศ. สนับสนุนทุนนวัตกรรมสายอาชีพชั้นสูง หลักสูตรระยะสั้น 1 ปี ผู้ช่วยพยาบาล ผู้ช่วยทันตแพทย์ ให้แก่เยาวชนจากครัวเรือนยากจน ทั้งหมด 6 รุ่น รวม 1,419 ทุน งบประมาณราว 219 ล้านบาท พบว่านักศึกษาทุนทั้งหมดมีงานทำ 100 % รายได้เฉลี่ย 15,342 บาท/เดือน ช่วยยกระดับทางสังคม (Social Mobility) ขจัดความยากจนข้ามชั่วคนได้ในรุ่นของตนเอง และยังตอบโจทย์ความต้องการทางเศรษฐกิจของประเทศควบคู่ไปด้วย เนื่องจากการขยายตัวของระบบสุขภาพ การเข้าสู่สังคมสูงวัยของประเทศไทย ขณะที่ผลวิจัยความสำเร็จ ยืนยัน คุ้มค่าการลงทุน สร้างผลตอบแทนทางเศรษฐกิจและสังคมสูง SROI 2.772 หรือลงทุน 1 บาท ให้ผลตอบแทน 2.772 บาท

ดร.ไกรยส ภัทราวาท ผู้จัดการ กสศ. กล่าวว่า จากงานวิจัยของธนาคารโลกพบว่า ‘ระดับการศึกษา’ คือหนึ่งในทุนมนุษย์สำคัญที่ส่งต่อข้ามรุ่น เช่นเดียวกับความยากจนครัวเรือนในประเทศไทย โดยครัวเรือนไทยที่มีระดับการศึกษาสูงสุดไม่เกินระดับประถมศึกษามีโอกาสมากกว่า 49% ที่บุตรหลานจำออกจากระบบการศึกษาก่อนได้ศึกษาต่อระดับมัธยมศึกษา และมีเพียง 16% เท่านั้นที่มีโอกาสศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษา สอดคล้องกับข้อมูลล่าสุดที่ กสศ. ติดตามข้อมูลรายบุคคลของนักเรียนยากจนและยากจนพิเศษต่อเนื่องตลอด 6 ปีที่ผ่านมาพบว่ามีเพียงราว 1 ใน 10 คนเท่านั้นที่สามารถศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาผ่านระบบ TCAS สำเร็จ ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยประเทศถึง 3 เท่า โดยเหตุผลสำคัญที่เด็กอีก 9 ใน 10 คนที่เหลือเลือกที่จะไม่ศึกษาต่อแม้มีศักยภาพทางการเรียนคือค่าใช้จ่ายในการสมัคร และการเรียน และระยะเวลาที่ยาวนานมากกว่า 4 ปี กว่าจะสำเร็จมีรายได้มาเลี้ยงดูครอบครัวได้

เพื่อแก้ปัญหานี้ กสศ. ริเริ่ม โครงการทุนนวัตกรรมสายอาชีพชั้นสูง ทดลองดำเนินงานมาแล้ว 6 รุ่น พบว่า การสนับสนุนทุนการศึกษาระยะสั้น 1 ปี เช่น หลักสูตรผู้ช่วยพยาบาล ผู้ช่วยทันตแพทย์ช่วยเพิ่มโอกาสเข้าถึงการศึกษา เสริมทักษะที่จำเป็น และเป็นที่ต้องการในอนาคต คือหนึ่งในรูปแบบการเรียนรู้ที่ แก้ปัญหาความยากจนให้แก่เยาวชนกลุ่มนี้ได้ผลมากที่สุด เปลี่ยนชีวิตพวกเขาใน 1 ปี มีอาชีพ สร้างรายได้ในระยะเวลารวดเร็ว ช่วยยกระดับทางสังคม (Social Mobility) และขจัดความยากจนข้ามชั่วคนได้ในรุ่นของตนเอง
โครงการนี้ ยังตอบโจทย์ทางเศรษฐกิจของประเทศควบคู่ไปด้วย เนื่องจากการขยายตัวของระบบสุขภาพ การเข้าสู่สังคมสูงวัยของประเทศไทย มีความต้องการกำลังแรงงานในอาชีพนี้ เพื่อดูแลผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้น รวมถึงการดูแลรักษาแบบต่อเนื่องในผู้ป่วยที่มีอาการเรื้อรังหรือ ผู้ที่ต้องการการดูแลในระยะยาว
“ตลอด 6 ปีที่ผ่านมา กสศ.สนับสนุนทุนสายอาชีพระยะสั้น หลักสูตรผู้ช่วยพยาบาล ผู้ช่วยทันตแพทย์ รวมทั้งหมด 1,419 ทุน งบประมาณราว 219 ล้านบาท นักศึกษาทุนทั้งหมดมีงานทำ 100 % รายได้เฉลี่ย 15,342 บาท/เดือน”

ดร.ไกรยส ระบุว่า กสศ. ร่วมกับคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ยังได้ประเมินผลตอบแทนทางเศรษฐกิจและสังคม จากการลงทุน (Social Return on Investment : SROI) ในโครงการนี้ โดยประเมินรายได้ตลอดช่วงชีวิต พบว่า ทุนนวัตกรรมสายอาชีพชั้นสูง 1 ปี โดยเฉลี่ย SROI อยู่ที่ประมาณ 2.772 หรือ ลงทุน 1 บาท ให้ผลตอบแทน 2.772 บาท ซึ่งคุ้มค่าการลงทุน หากเป็นทุนการศึกษา 2 ปี สำหรับผู้เรียนที่มีความต้องการพิเศษ(พิการ) เรียนต่อ ปวส. ยิ่งมีผล SROI สูงมาก คือ 4.134 หรือการลงทุน 1 บาท ให้ผลตอบแทน 4.134 บาท เพราะเทียบกับฐานผู้ที่ไม่ได้เรียนต่อ และไม่สามารถประกอบอาชีพได้ ครอบครัวต้องดูแลตลอดชีวิต

นางสาว ธันว์ธิดา วงศ์ประสงค์ ผู้อำนวยการสำนักพัฒนานวัตกรรมเพื่อสร้างโอกาสการเรียนรู้ กสศ. เปิดเผยว่า ในปีการศึกษา 2568 กสศ.ร่วมกับสถานศึกษาสายอาชีพ จำนวน 18 แห่งทั่วประเทศ เปิดรับสมัคร “ทุนนวัตกรรมสายอาชีพชั้นสูง กสศ.” สนับสนุนให้เยาวชนยากจน มีโอกาสเรียนต่อหลักสูตร ปวส./อนุปริญญา 2 ปี, หลักสูตรผู้ช่วยพยาบาล ผู้ช่วยทันตแพทย์ 1 ปี และหลักสูตรประกาศนียบัตรพนักงานให้การดูแล ระยะเวลา 6 เดือน รวม 790 ทุน งบประมาณราว 117.41 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีทุนเรียนปวส.สำหรับผู้เรียนที่มีความต้องการพิเศษ (พิการ) และทุนปวส.2 ปี ที่ร่วมกับหอการค้าไทยและหอการค้าจังหวัดพัฒนากำลังคนตอบโจทย์ตลาดแรงงานระดับจังหวัด รวมทั้งหมด ราว 1,500 ทุน นักเรียนที่กำลังศึกษาอยู่ในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 หรือระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) ชั้นปีที่ 3 หรือระดับอื่นใดเทียบเท่า และคาดว่าจะสำเร็จการศึกษาในปีการศึกษา 2567 ที่มีฐานะยากจน ด้อยโอกาสหรือเป็นผู้มีความต้องการพิเศษ สามารถสมัครระหว่างวันที่ 17 กุมภาพันธ์ – 12 มีนาคม 2568 ติดตามข้อมูลของโครงการทุนนวัตกรรมสายอาชีพชั้นสูง ได้ที่ www.eef.or.th

แพรว-ปารียา ทองศฤงคลี ผู้ช่วยพยาบาลที่คลินิกโรคหลอดลมและคลินิกฟ้าใส ศูนย์การแพทย์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี อดีตนักศึกษาทุนนวัตกรรมสายอาชีพชั้นสูง กสศ. คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ กล่าวว่า ทุนผู้ช่วยพยาบาล ตอบโจทย์ชีวิตมาก เพราะใช้เวลาเรียนระยะสั้นแค่ 1 ปี จบออกมาสามารถทำงานเป็นผู้ช่วยพยาบาลได้เลย อีกทั้งระหว่างเรียน กสศ. ยังสนับสนุนค่าใช้จ่ายรายเดือน และคณะพยาบาลศาสตร์ มศว. ก็ช่วยดูแลความเป็นอยู่ พัฒนาศักยภาพทักษะความสามารถ
“ตอนเรียนจบหลักสูตรผู้ช่วยพยาบาล วันรับประกาศนียบัตร พ่อแม่ดีใจมากจนร้องไห้ออกมาเลย ถึงโทรศัพท์ที่เขามีจะเก่า หน้าจอจะแตก แต่เขาก็พยายามเอามาถ่ายรูปเรา ดีกับใจเรามากจริง ๆ ทุนที่ได้มาเหมือนประตูที่พาเราไปสู่ชีวิตใหม่ ถ้าไม่ได้รับทุนนี้ ตอนนี้คงต้องตระเวนรับจ้างทำงานแลกเงินอยู่ อาจจะต้องอดหลับอดนอน แต่ตอนนี้เรามีเส้นทางชีวิตที่มั่นคงขึ้นเงินเดือนจากอาชีพผู้ช่วยพยาบาลไม่เพียงทำให้ดูแลครอบครัวได้มั่นคงมากขึ้น แต่ยังทำให้สามารถเรียนในคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง เหลืออีกแค่ 2 เทอม คาดว่าจะสามารถเรียนจบปริญญาตรีภายในปี 2568 นี้”
“เมื่อก่อนเราไม่มีอิสรภาพทางการเงิน ต้องใช้ชีวิตแบบเอาตัวรอด ทำให้ความฝันบางอย่างมันถูกลดทอนไป แต่พอเราเริ่มมีงานที่มั่นคง ทำให้ตอนนี้เริ่มกลับมามีฝัน ที่ฝันไว้ชัดๆ เลย คืออยากทำงานเพื่อขับเคลื่อนสังคม เกิดมาชีวิตหนึ่งได้ทำเพื่อคนอื่น น่าจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตแล้ว แม้วันนี้เราลุกขึ้นยืนได้ แต่ก็ยังไม่เข้มแข็งพอที่จะช่วยฉุดคนอื่นขึ้นมา แต่เราจะพยายามทำหน้าที่ผู้ช่วยพยาบาลอย่างดีที่สุด เพื่อตอบแทนสังคมในอีกทางหนึ่ง”
นอกจากนี้เสียงสะท้อนจากหน่วยงานโรงพยาบาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช จ.ตาก ที่รับนักศึกษาทุนจากคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร เข้าทำงานมาแล้ว 2 รุ่น ผู้บริหาร ร.พ. พอใจการทำงานของนักศึกษาทุนทั้งด้านทักษะวิชาชีพ และการมีทักษะพื้นฐานชีวิต (foundational skills) ตัวอย่างของ เช่น ดาว นันทิดา จาก อ. อุ้มผาง จ.ตาก สำเร็จการศึกษาด้วยเกรดเฉลี่ย 3.49 และได้ทำงานผู้ช่วยพยาบาล ห้องผ่าตัด ที่โรงพยาบาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช จังหวัดตาก รายได้เดือนละ 17,000 บาท เพียงพอเลี้ยงดูตัวเองและส่งเงินดูแลแม่ที่เจ็บป่วยได้ได้รับคำชมมากจากหัวหน้าพยาบาลและพี่ๆ เพื่อนร่วมงาน ถึงทักษะในการเรียนรู้ทำความเข้าใจเนื้อหาการทำงานที่ซับซ้อน การเปิดรับสิ่งใหม่ การใช้เครื่องมือเทคโนโลยี และทักษะการสื่อสารและแก้ไขสถานการณ์ ได้ดีมากซึ่งเป็นทักษะพื้นฐานชีวิต ที่นายจ้างต้องการ


