กสศ. จับมือภาคีเครือข่ายร่วมรณรงค์ “สงกรานต์นี้ กลับบ้าน พาลูกหลาน กลับมาเรียน” เปิดตัวโรงเรียนเคลื่อนที่ Mobile School
เข้าถึงเด็กและเยาวชนที่หลุดจากระบบการศึกษาทั่วประเทศ ชูโอกาสใหม่การศึกษาเพื่อปากท้อง เรียนได้ทุกที่ทุกเวลา

กสศ. จับมือภาคีเครือข่ายร่วมรณรงค์ “สงกรานต์นี้ กลับบ้าน พาลูกหลาน กลับมาเรียน” เปิดตัวโรงเรียนเคลื่อนที่ Mobile School

  • ช่วงปิดเทอมใหญ่  เมษายนของทุกปี ถือเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ที่เด็ก เยาวชน และครอบครัวยากจน ด้อยโอกาส  ตัดสินใจไม่กลับมาเรียน เนื่องจากปัญหาเศรษฐกิจที่ต้องช่วยแบ่งเบาภาระของครอบครัว การออกจากโรงเรียนมาทำงานหารายได้กลายเป็นทางออกของครอบครัวอย่างไม่มีทางเลือก 
  • สงกรานต์ปีนี้ กสศ. ชวนพี่น้องแรงงาน พ่อแม่ที่เสียสละเพื่อครอบครัว  เดินทางกลับบ้าน นำข่าวดี ความหวัง ความฝัน และโอกาสการศึกษา กลับไปให้ลูกหลาน ผ่านโครงการโรงเรียนเคลื่อนที่ Mobile School ของ กสศ.

เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2568 กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ระดมความร่วมมือภาคีเครือข่ายหลายภาคส่วน ร่วมรณรงค์ “สงกรานต์นี้ กลับบ้าน พาลูกหลานกลับมาเรียน” เชิญชวนคนไทย บอกต่อข้อมูลโอกาสและทางเลือกการศึกษาฟรี ที่มีความยืดหยุ่น ตอบโจทย์ชีวิต ไปให้ถึงครอบครัวเด็กและเยาวชนที่หลุดจากระบบการศึกษา หรือกำลังตัดสินใจจะไม่เรียนต่อเพราะความยากจน ด้อยโอกาส  ผ่านโครงการ “โรงเรียนเคลื่อนที่ Mobile School  เข้าเรียนไม่ได้ให้โรงเรียนไปหา” โดยมีเครือข่ายสื่อมวลชน ศิลปิน และหน่วยงานต่าง ๆระดับประเทศ และระดับท้องถิ่น เช่น อิงฟ้า วราหะ เครือข่ายศิลปินหมอลำไอดอล บขส. เข้าร่วมรณรงค์ในครั้งนี้

นายพัฒนะพงษ์ สุขมะดัน ผู้ช่วยผู้จัดการ กสศ. กล่าวว่า ข้อมูลล่าสุดในปี 2567 ของคณะกรรมการขับเคลื่อนการแก้ปัญหาเด็กและเยาวชนนอกระบบการศึกษาให้กลายเป็นศูนย์ (Thailand Zero Dropout) ระดับชาติ พบว่า ประเทศไทยมีเด็กเยาวชนนอกระบบการศึกษา ตั้งแต่ช่วงอายุ 3-18 ปี  (เกิดระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2550  – 31  ธันวาคม 2564 ) จำนวนทั้งสิ้น 982,304 คน   

จากข้อค้นพบของกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) พบว่า การเข้าไม่ถึงข้อมูลที่พาไปถึงโอกาสการศึกษา และการไม่มีทางเลือกอื่นในการศึกษาเรียนรู้ที่ตอบโจทย์ชีวิต เป็นหนึ่งในเงื่อนไขสำคัญที่ทำให้ ผู้ปกครองและนักเรียนตัดสินใจไม่ศึกษาต่อ 

กสศ. และภาคีเครือข่าย ริเริ่มโครงการ “โรงเรียนเคลื่อนที่ Mobile School เข้าเรียนไม่ได้ ให้โรงเรียนไปหา” เพื่อนำทางเลือกการศึกษาฟรี ยืดหยุน ตอบโจทย์ชีวิตไปให้เด็กและเยาวชนที่หลุดจากระบบการศึกษา และเริ่มต้นรณรงค์ตั้งแต่ช่วงเทศกาลสงกรานต์  เพื่อเชิญชวนครอบครัว พี่น้องแรงงานที่กำลังกลับบ้าน รวมถึงประชาชนทุกคนในสังคม บอกต่อข้อมูลโอกาสและทางเลือกการศึกษา ไปให้ถึงครอบครัว เด็ก เยาวชนที่หลุดจากระบบการศึกษา หรือกำลังตัดสินใจไม่เรียนต่อ  โดยตั้งเป้าช่วยเหลือน้องๆให้กลับมาเรียนได้ทัน เปิดเทอมใหม่ ปีการศึกษา 2568 เดือนพฤษภาคมนี้

นายพัฒนะพงษ์ สุขมะดัน   

นายพัฒนะพงษ์ กล่าวเสริมว่า โครงการ “โรงเรียนเคลื่อนที่ Mobile School เข้าเรียนไม่ได้ ให้โรงเรียนไปหา” กสศ. ร่วมมือกับเครือข่ายศูนย์การเรียนโดยสถาบันทางสังคม ตามมาตรา 12 แห่ง พ.ร.บ. การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 ในสังกัด สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เครือข่ายสถานศึกษาที่จัดการศึกษายืดหยุ่น 1 โรงเรียน 3 รูปแบบ รวมถึงสถานประกอบการ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม นักวิชาชีพ และชุมชน ซึ่งมีประสบการณ์ความเชี่ยวชาญร่วมจัดการเรียนรู้ฟรีและได้วุฒิการศึกษาตามกฎหมาย ตั้งแต่ชั้นประถมศึกษา ม.ต้น และม.ปลาย (ป.6,ม.3,ม.6) โดยเน้นรูปแบบความยืดหยุ่นของการเรียน  สามารถเรียนที่ไหนก็ได้ทั้ง Online และ Onsite มีครูพี่เลี้ยง ช่วยแนะแนว ให้คำปรึกษา และร่วมออกแบบแผนการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับผู้เรียนที่มีความพร้อม ความถนัด ความสนใจที่แตกต่างกันเป็นรายคน  เน้นการศึกษากินได้ การเรียนรู้เพื่อปากท้องเพื่อสร้างอาชีพ สร้างรายได้ ต่อยอดสู่การมีคุณภาพชีวิตที่ดี โดยจะทำงานร่วมกับลุง ป้า น้า อา ในชุมชน ทำหน้าที่เป็นผู้ดูแลเด็กและเยาวชนอย่างต่อเนื่อง หรือที่เรียกกันว่า ผู้จัดการรายกรณีหรือ (Case Manager : CM) ของเด็กและเยาวชนที่หลุดจากระบบการศึกษา ที่กระจายอยู่ในทุกหมู่บ้านทั้ง 77 จังหวัด ร่วมขับเคลื่อนโครงการ Thailand Zero Dropout  ของรัฐบาล

สำหรับโครงการโรงเรียนเคลื่อนที่ Mobile School เข้าเรียนไม่ได้ให้โรงเรียนไปหาของ กสศ. จะเริ่มตั้งแต่ ตลอดเดือนเมษายน – พฤษภาคม 2568 นี้  โดยร่วมมือกับจังหวัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่ดำเนินโครงการ Thailand Zero Dropout  เคลื่อนขบวนคาราวาน จัดกิจกรรมแนะแนวการศึกษาและเปิดรับสมัครเด็กเยาวชนที่หลุดจากระบบการศึกษาให้กลับมาเรียน โดยเชิญชวนผู้สนใจทุกท่าน พบกันตามวันเวลาและสถานที่ ดังต่อไปนี้ 

วันที่  22 เม.ย. 2568 เริ่มต้นกันที่ อบต.หนองสนิท อ.จอมพระ จ.สุรินทร์ 
วันที่ 24 เม.ย. 2568 พบกันที่ริมรางรถไฟเมืองขอนแก่น 
วันที่ 28 เม.ย. 2568 ที่เทศบาลตำบลลำปางหลวง อ.เกาะคา จ.ลำปาง  
วันที่ 30 เม.ย. 2568 พบกัน ณ  อบต.ถ้ำเจริญ อ.โซ่พิสัย จ.บึงกาฬ

ทั้งนี้ โครงการดังกล่าว จะทำการเปิดรับสมัครเด็กและเยาวชนที่มีอายุระหว่าง 7 -24 ปี จากทั่วประเทศ ที่ไม่สามารถเรียนในโรงเรียนหรือสถานศึกษารูปแบบอื่นได้ ตั้งแต่ช่วงชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มัธยมศึกษาปีที่ 3 และมัธยมศึกษาปีที่ 6 หรือหากจังหวัด และท้องถิ่นใดต้องการทำงานร่วมกัน เพื่อสร้างโอกาสการศึกษาให้กับเด็ก ๆ ต่อไป

ชัชวาล พรอมรธรรม

ด้าน นายชัชวาล พรอมรธรรม กรรมการฯ รักษาการแทนกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) กล่าวว่า ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ของทุกปีจะมีพี่น้องประชาชนจำนวนนับแสนคนเดินทางเข้ามาใช้บริการและมาขึ้นรถโดยสารที่สถานีขนส่งฯ หมอชิต 2  จึงต้องมีการอำนวยความสะดวกด้านการจราจรและความปลอดภัยอย่างเข้มงวดและตลอดการเดินทาง และในปีนี้นอกเหนือจากเรื่องความปลอดภัยของผู้โดยสารที่เดินทางแล้ว บขส. ยังได้ร่วมกับกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ภาคีเครือข่ายด้านการศึกษารณรงค์ “สงกรานต์นี้กลับบ้าน พาลูกหลานกลับมาเรียน” เพราะผู้โดยสารเหล่านี้คือพี่น้องแรงงาน  พ่อแม่ที่เสียสละเพื่อครอบครัว  ได้เดินทางกลับบ้าน นำข่าวดี ความหวัง ความฝัน และโอกาสการศึกษา กลับไปให้ลูกหลาน ผ่านโครงการโรงเรียนเคลื่อนที่ Mobile School ของกสศ.  

บขส.ยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่ใช้พื้นที่เป็นสื่อกลาง เพื่อสร้างการรับรู้ นำข้อมูลข่าวสาร โอกาสการศึกษาไปให้ถึงเด็ก เยาวชนทั่วประเทศ ผ่านช่วงเทศกาลสงกรานต์และการเดินทางในครั้งนี้ เพราะการศึกษาเป็นเรื่องสำคัญของประเทศชาติ และเรายินดีเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนเรื่องนี้ และขอชวนคนไทย ช่วยส่งต่อ ข้อมูลโอกาสการศึกษาครั้งนี้ไปให้ถึง เด็ก เยาวชนที่หลุดออกจากระบบการศึกษาไทยทั่วประเทศให้ได้มากที่สุด เพื่อให้พวกเขาได้มีทางเลือกและมีโอกาสกลับมาเรียนได้ทัน เปิดเทอมนี้ เปิดเทอมใหม่นี้” นายชัชวาล กล่าว

สำหรับกิจกรรมดังกล่าวฯ เป็นส่วนหนึ่งในการของการขับเคลื่อนมาตรการ Thailand Zero Dropout ตามนโยบายของรัฐบาลในการแก้ปัญหาเด็กและเยาวชนนอกระบบการศึกษาให้กลายเป็นศูนย์ ผ่านโครงการโรงเรียนเคลื่อนที่ Mobile School เข้าเรียนไม่ได้ให้โรงเรียนไปหา ตามวัตถุประสงค์พาโอกาส ‘การเรียนรู้’  “วุฒิการศึกษา” ไปให้เด็กและเยาวชนที่หลุดจากระบบการศึกษาใน 77 จังหวัดทั่วประเทศไทย 

สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อได้ที่ กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา หรือ กสศ.  โทร. 02 -079 5475 ต่อ 0 หรือ www.eef.or.th และ เฟซบุ๊กแฟนเพจ กสศ. กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา