ชื่นชม 10 แบรนด์สินค้าฝีมือ นร.ทุนเสมอภาคและเครือข่ายโรงเรียนนานาชาติ ร่วมมือ เรียนรู้ เพิ่มทักษะ สร้างรายได้

ชื่นชม 10 แบรนด์สินค้าฝีมือ นร.ทุนเสมอภาคและเครือข่ายโรงเรียนนานาชาติ ร่วมมือ เรียนรู้ เพิ่มทักษะ สร้างรายได้

เมื่อวันที่ 25 กันยายน 2567 กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) จับมือ Sea (ประเทศไทย) เครือข่ายโรงเรียนนานาชาติ ประกาศผลรางวัล Equity Partnership’s School Network เครือข่ายสถานศึกษาเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษาปีที่ 5 ณ ลานโปรโมชั่นชั้น G ศูนย์การค้าสามย่านมิตรทาวน์ กรุงเทพฯ  ชูความสำเร็จ “โมเดลลดความเหลื่อมล้ำด้วยแนวคิดนวัตกรรมสถานศึกษา” เกิดต้นแบบพัฒนาทักษะ Soft Skills ผ่านกิจกรรมเรียนรู้ พัฒนาผลิตภัณฑ์ ช่วยลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาผ่านความร่วมมือจากสังคม

ดร.ไกรยส ภัทราวาท ผู้จัดการ กสศ. กล่าวว่า ตลอด 5 ปีได้เกิดนวัตกรรมระดมความร่วมมือจากภาครัฐและเอกชน ใช้ความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านสร้างสรรค์สังคมการเรียนรู้ที่เสมอภาค ปีนี้มีเด็กทุนเสมอภาค กสศ. จากโรงเรียนขยายโอกาสสังกัด สพฐ. 10 โรงเรียน จับคู่เด็กนานาชาติ 5 โรงเรียน ทำกิจกรรมพัฒนาผลิตภัณฑ์ในท้องถิ่นเพื่อจำหน่ายทางแพลตฟอร์ม Shopee ภายใต้ 10 แบรนด์สินค้าในแคมเปญ “ให้โอกาสเป็นของขวัญ” โดยรายได้ทั้งหมดถูกส่งคืนโรงเรียนขยายโอกาสที่เข้าร่วมโครงการ เพื่อนำไปสนับสนุนการพัฒนาเด็กเยาวชนให้มีความเข้มแข็งอย่างยั่งยืน

ดร.ไกรยส ภัทราวาท

“จากผลวิจัยการประเมินความพร้อมในการเข้าสู่ตลาดแรงงาน (Career Readiness) ของนักเรียนระดับชั้น ม.ต้น ซึ่งเป็นความร่วมมือของ กสศ. กับคณะเศรษฐศาสตร์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พบว่า หากเด็ก ๆ มีทักษะ Soft Skills เช่น ทักษะความร่วมมือกัน ทักษะการแก้ปัญหา ทักษะความคิดสร้างสรรค์ จะส่งผลดีต่ออนาคตของเด็ก ๆ ในการทำงาน และเป็นทักษะติดตัวที่จะทำให้พวกเขาพร้อมเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงและความความท้าทายใหม่ ๆ เพื่อก้าวออกจากกับดักความยากจนได้”

พุทธวรรณ สุภัทรนันท์

คุณพุทธวรรณ สุภัทรนันท์ ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กร บริษัท Sea (ประเทศไทย) ในฐานะผู้ให้บริการแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ Shopee กล่าวว่ายินดีที่เอกชนได้ร่วมสร้างพลังให้กับการศึกษา ได้ช่วยส่งเสริมทักษะดิจิทัล (Digital Skill) การตลาดออนไลน์ (Digital Marketing) สอนการเล่าเรื่องผลิตภัณฑ์ (Storytelling) การสร้างแบรนด์ ในพื้นที่การเรียนรู้ที่เป็นมิตร ได้เห็นน้อง ๆ เรียนรู้จริงผ่านการลงมือ ขอเชิญชวนภาคเอกชนที่มีศักยภาพเข้ามาสนับสนุนด้วยกันในปีต่อไป

“ทุกวันนี้เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทอย่างมากในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะการสร้างอาชีพหรือช่องทางมีรายได้เสริม ในบทบาทของภาคเอกชนเรามองว่าทุกคนควรได้เข้าถึงการศึกษาอย่างเท่าเทียมและมีคุณภาพ ซึ่ง Sea มองว่าเทคโนโลยีคือเครื่องมือหลัก ที่จะเชื่อมโยงความรู้ที่จำเป็นไปถึงคนทุกกลุ่ม บน 3 ปัจจัยหลักของการทำงานคือ 1.พัฒนาการเรียนรู้และทักษะรอบด้าน 2.ส่งเสริมการเข้าถึงความรู้ที่หลากหลายและเหมาะสมกับบริบทความต้องการของผู้เรียน และ 3.สร้างสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ที่เป็นมิตร มีพื้นที่แสดงความคิดเห็น เพื่อให้ผู้เรียนยอมรับความแตกต่างของกันและกัน อันจะทำให้เกิดการยอมรับนับถือตัวเอง ความเข้าใจผู้อื่น และความรู้สึกมีส่วนร่วมในสังคม”

Mr. Greg Threlfall

Mr. Greg Threlfall โรงเรียนนานาชาติ รักบี้ (Rugby School Thailand) กล่าวว่า โครงการนี้ได้เปิดโอกาสให้นักเรียนนานาชาติลงพื้นที่ไปแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับนักเรียนขยายโอกาส เปิดประสบการณ์ในวัฒนธรรมที่แตกต่าง เกิดความเข้าอกเข้าใจ สนิทสนมกัน (Empathy & Cross Cultural Understanding) ได้ทักษะการสื่อสารและทักษะอีกหลายด้านไปพร้อมกัน ทักษะเหล่านี้เองที่จะค่อย ๆ เปลี่ยนให้เยาวชนในโครงการ เติบโตเป็นคนที่อยู่ได้ในทุกที่และสื่อสารทำงานได้กับทุกคน 

แม้โครงการในปีนี้เพิ่งปิดฉากลง Mr. Greg เผยว่า ปีถัดไปทางสมาคม FOBISIA (The Federation of British International Schools in Asia) ซึ่งเป็นเครือข่ายโรงเรียนนานาชาติทั่วโลก แจ้งมาว่ามีโรงเรียนนานาชาติจากต่างประเทศให้ความสนใจและต้องการเข้ามามาศึกษากระบวนการทำงานของโครงการ ทั้งยังมองถึงความเป็นไปได้ที่จะร่วมมือกันใน Equity Partnership’s School Network ปีที่ 6 ด้วย

มณฑล ภาคสุวรรณ์

คุณมณฑล ภาคสุวรรณ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน กล่าวเสริมว่า นวัตกรรมความร่วมมือนี้เป็นต้นแบบให้กับกระทรวงศึกษาธิการในการพัฒนาการเรียนรู้ทักษะอาชีพ สร้างรายได้ให้กับเด็ก ๆ ทั้งสนับสนุนการเข้าถึงโอกาสการศึกษาในระดับสูงขึ้น ลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาได้จริง ขอชื่นชมและแสดงความยินดีกับนักเรียน ครู ผู้บริหารทุกท่าน ที่เป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมตลอด 5 ปี ทุกคนได้สร้างการเรียนรู้ที่มีชีวิตให้เกิดขึ้น ต้นทุนเหล่านี้จะถูกนำไปใช้ต่อยอดชีวิต สร้างประโยชน์กับเด็ก ๆ รวมถึงส่งเสริมชุมชนและสังคมให้เติบโตต่อไป

โครงการ Equity Partnership’s School Network ปีที่ 5 มุ่งเน้นการต่อยอดผลิตภัณฑ์ การมีส่วนร่วมกับชุมชนมากขึ้น เพื่อสร้างความยั่งยืนของนวัตกรรมให้เกิดขึ้นในพื้นที่ โดยมีเด็ก ๆ ทุนเสมอภาคชั้น ม.ต้น 10 โรงเรียนจาก 10 จังหวัด ได้แก่ โรงเรียนบ้านท่านหญิงวิภา จังหวัดสุราษฎร์ธานี โรงเรียนวัดท่าโสม (คุณสารราษฎร์บำรุง) จังหวัดตราด โรงเรียนบ้านม่วงนาดี จังหวัดอุบลราชธานี โรงเรียนขุนยวมวิทยา จังหวัดแม่ฮ่องสอน โรงเรียนดงสวรรค์วิทยา จังหวัดหนองบัวลำภู โรงเรียนบ้านนาเลา จังหวัดมหาสารคาม โรงเรียนบ้านยะพอ จังหวัดตาก โรงเรียนเพียงหลวง 1 (บ้านท่าตอน) จังหวัดเชียงใหม่ โรงเรียนบ้านทุ่งโฮ้ง (อภิวังวิทยาลัย) จังหวัดแพร่ โรงเรียนบ้านนห้วยลึก จังหวัดเชียงราย จับคู่เด็กนานาชาติชั้น ม.ปลาย 5 โรงเรียน ได้แก่ โรงเรียนนานาชาติโชรส์เบอรี (Shrewsbury International School) โรงเรียนนานาชาติรักบี้ (Rugby School Thailand) โรงเรียนนานาชาติเซนต์ แอนดรูว์ส (St. Andrews International School) โรงเรียนสาธิตประสานมิตร (International Programme) และมีโรงเรียนน้องใหม่อย่าง โรงเรียนนานาชาติแอสคอท (Ascot International School) มาเข้าร่วมในปีนี้

เปิดดู แค็ตตาล็อกสินค้าของน้อง ๆ ได้ที่ : คลิก

การตัดสินรางวัลปีนี้ มีเกณฑ์วัดตลอดช่วงพัฒนาผลิตภัณฑ์ราว 8 เดือน แบ่งเป็น 1.การตลาดและการขาย (Marketing / Selling) ประกอบด้วยยอดขาย เทียบต้นทุนกำไร การนำเสนอเรื่องราวของผลิตภัณฑ์ ช่องทางและวิธีการนำเสนอผลิตภัณฑ์ 2.การทำงานเป็นทีม (Teamwork) เกี่ยวกับความร่วมมือของสมาชิกในกลุ่มและการประสานงานที่ดี มีกำหนดขั้นตอนการทำงานที่ชัดเจน การยอมรับความคิดเห็น เข้าใจวัฒนธรรมที่แตกต่าง 3.ความคิดสร้างสรรค์ ผลิตภัณฑ์ และบรรจุภัณฑ์ (Creative / Innovation) แบ่งเป็นด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ อาทิ ความเป็นนวัตกรรม เรื่องราวของผลิตภัณฑ์ ภูมิปัญญาท้องถิ่น เอกลักษณ์ ความสวยงาม มีการดีไซน์ เทคนิคน่าสนใจ  และด้านการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ เช่น เลือกรูปแบบ เลือกบรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสม มีความสวยงาม ความคิดสร้างสรรค์ด้านแบรนด์

สำหรับทีมที่ได้รับรางวัลชนะเลิศปีนี้ คือทีม ‘เนรมิต’ ภายใต้แบรนด์ ‘Sang – Aeng สร้างเอง’ แบรนด์น้องใหม่จากฝีมือนักเรียนทุนเสมอภาคโรงเรียนบ้านนาเลา จังหวัดมหาสารคาม จับคู่กับโรงเรียนสาธิตประสานมิตร (International Programme) พัฒนากระถางปูนเปือยเอนกประสงค์พิมพ์ลายใบไม้จากบ้านนาเลา ไตล์มินิมอล (Minimal Style)

ทีมที่คว้าอันดับ 2 คือทีม ‘DrewDee’ แบรนด์ ‘งอกงาม’ ของโรงเรียนบ้านม่วงนาดี จังหวัดอุบลราชธานี และโรงเรียนนานาชาติเซนต์ แอนดรูว์ส (St. Andrews International School) โดยเป็นการพัฒนาโจ๊กข้าวกล้องออแกนิกในชุมชนบ้านม่วงนาดี และผักในท้องถิ่น ส่วนทีมที่คว้าอันดับ 3 คือทีม ‘Shrews Honey’ แบรนด์ ‘Honey Home’ ของโรงเรียนบ้านท่านหญิงวิภา จังหวัดสุราษฎร์ธานี และโรงเรียนนานาชาติโชรส์เบอรี (Shrewsbury International School) ที่ร่วมประกวดด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์สบู่น้ำผึ้งที่มีส่วนผสมของน้ำผึ้งแท้จากธรรมชาติของชุมชนบ้านปากลางที่ทำการเลี้ยงผึ้งโพรงในป่า

เลือกชมผลิตภัณฑ์จากทุกทีมที่เปิดขายใน Shopee : คลิก

ตัวแทนนักเรียนนานาชาติจากโรงเรียนสาธิตประสานมิตร (International Programme) กล่าวว่า “ภูมิใจที่ได้ร่วมสร้างผลิตภัณฑ์กับน้อง ๆ โรงเรียนบ้านนาเลา ประทับใจที่มีโอกาสได้ไปเรียนรู้วิถีชีวิตที่ต่างออกไป จนถึงขั้นตอนต่าง ๆ ของการทำผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นอย่างใกล้ชิด จนเห็นถึงความงดงามและเรื่องราวที่ซ่อนอยู่ในท้องถิ่นเหล่านั้น” ด้าน ตัวแทนนักเรียนจากโรงเรียนบ้านนาเลา กล่าวปิดท้ายว่า “รู้สึกดีใจที่ได้ใช้ช่วงเวลาร่วมกับพี่ ๆ โรงเรียนนานาชาติ เพราะเป็นโอกาสให้ได้ความรู้ ได้ประสบการณ์ใหม่ ๆ และยังได้รับอีกสิ่งหนึ่งที่มีคุณค่าไม่แพ้กัน นั่นคือความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นระหว่างการทำงานร่วมกัน ซึ่งจะคงอยู่ต่อไปแม้โครงการจบลงแล้ว”