5 ปี Equity Partnership’s School Network กสศ. ชูความสำเร็จ “โมเดลลดความเหลื่อมล้ำด้วยแนวคิดนวัตกรรมสถานศึกษา”
ต้นแบบพัฒนาทักษะ Soft Skills ผ่านความร่วมมือจากสังคม

5 ปี Equity Partnership’s School Network กสศ. ชูความสำเร็จ “โมเดลลดความเหลื่อมล้ำด้วยแนวคิดนวัตกรรมสถานศึกษา” ต้นแบบพัฒนาทักษะ Soft Skills ผ่านความร่วมมือจากสังคม

เมื่อวันที่ 25 กันยายน 2567 กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) จับมือ Sea ประเทศไทย และเครือข่ายโรงเรียนนานาชาติ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน ประกาศรางวัลโครงการ Equity Partnership’s School Network เครือข่ายสถานศึกษาเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษาปีที่ 5 ณ ลานโปรโมชั่นชั้น G ศูนย์การค้าสามย่านมิตรทาวน์ กรุงเทพฯ  ชูความสำเร็จ “โมเดลลดความเหลื่อมล้ำด้วยแนวคิดนวัตกรรมสถานศึกษา” เกิดต้นแบบพัฒนาทักษะ Soft Skills ผ่านกิจกรรมพัฒนาผลิตภัณฑ์ ช่วยลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาผ่านความร่วมมือจากสังคม

ดร.ไกรยส ภัทราวาท ผู้จัดการ กสศ. กล่าวว่า ในช่วง 5 ปีได้เกิดนวัตกรรมระดมความร่วมมือจากภาครัฐและเอกชน ใช้ความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านมาสร้างสรรค์สังคมการเรียนรู้ที่เสมอภาค ปีนี้มีโรงเรียนขยายโอกาสสังกัด สพฐ. 10 โรงเรียน จับคู่โรงเรียนนานาชาติ 5 โรงเรียน ทำกิจกรรมพัฒนาผลิตภัณฑ์ในท้องถิ่นเพื่อจำหน่ายทางแพลตฟอร์ม Shopee ภายใต้ 10 แบรนด์สินค้าในแคมเปญ “ให้โอกาสเป็นของขวัญ” ตลอด 5 ปี มีคณะครูและนักเรียนในเครือข่ายเข้าร่วมมากกว่า 500 คน ผลิตผลงานสร้างยอดขายมากกว่า 1.6 ล้านบาท โดยรายได้ทั้งหมดถูกส่งคืนโรงเรียนขยายโอกาสที่เข้าร่วมโครงการ เพื่อนำไปสนับสนุนการพัฒนาเด็กเยาวชนให้มีความเข้มแข็งอย่างยั่งยืน

ดร.ไกรยส ภัทราวาท

“จากผลวิจัยการประเมินความพร้อมในการเข้าสู่ตลาดแรงงาน (Career Readiness) ของนักเรียนระดับชั้น ม.ต้น ซึ่งเป็นความร่วมมือของ กสศ. กับคณะเศรษฐศาสตร์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พบว่า หากเด็ก ๆ มีทักษะ Soft Skills เช่น ทักษะความร่วมมือกัน ทักษะการแก้ปัญหา ทักษะความคิดสร้างสรรค์ จะส่งผลดีต่ออนาคตของเด็ก ๆ ในการทำงาน และเป็นทักษะติดตัวที่จะทำให้พวกเขาพร้อมเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงและความความท้าทายใหม่ ๆ เพื่อก้าวออกจากกับดักความยากจนได้”

พุทธวรรณ สุภัทรนันท์

คุณพุทธวรรณ สุภัทรนันท์ ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กร บริษัท Sea (ประเทศไทย) กล่าวว่าในฐานะผู้ให้บริการแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ Shopee ดีใจที่ได้ร่วมสร้างพลังให้กับการศึกษา โดยใช้พื้นที่ธุรกิจช่วยส่งเสริมทักษะดิจิทัล (Digital Skill) การตลาดออนไลน์ (Digital Marketing) การเล่าเรื่องราวของผลิตภัณฑ์ (Storytelling) การสร้างแบรนด์ ในพื้นที่การเรียนรู้ที่เป็นมิตร เราเห็นน้อง ๆ ได้เรียนรู้จริงผ่านการลงมือ จึงขอชวนภาคเอกชนที่มีศักยภาพเข้ามาสนับสนุนเพิ่มขึ้นต่อไป

“ทุกวันนี้เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทอย่างมากในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะการสร้างอาชีพหรือเป็นช่องทางมีรายได้เสริม ในบทบาทของภาคเอกชนเรามองว่าทุกคนควรได้เข้าถึงการศึกษาอย่างเท่าเทียมและมีคุณภาพ ซึ่ง Sea มองว่าเทคโนโลยีคือเครื่องมือหลัก ที่จะเชื่อมโยงความรู้ที่จำเป็นไปถึงคนทุกกลุ่ม บน 3 ปัจจัยหลักของการทำงานคือ 1.พัฒนาการเรียนรู้และทักษะรอบด้าน 2.ส่งเสริมการเข้าถึงความรู้ที่หลากหลายและเหมาะสมกับบริบทความต้องการของผู้เรียน และ 3.สร้างสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ที่เป็นมิตร มีพื้นที่แสดงความคิดเห็น เพื่อให้ผู้เรียนยอมรับความแตกต่างของกันและกัน อันจะทำให้เกิดการยอมรับนับถือตัวเอง ความเข้าใจผู้อื่น และความรู้สึกมีส่วนร่วมในสังคม”

Mr. Greg Threlfall

Mr. Greg Threlfall โรงเรียนนานาชาติ รักบี้ (Rugby School Thailand) กล่าวว่า ตลอดช่วงเวลาราว 8 เดือนของการดำเนินโครงการ ได้เปิดโอกาสให้นักเรียนนานาชาติลงพื้นที่ไปเรียนรู้ร่วมกับนักเรียนขยายโอกาส เปิดประสบการณ์ให้ได้แลกเปลี่ยนในวัฒนธรรมที่แตกต่าง เกิดเป็นความเข้าอกเข้าใจ สนิทสนมผูกพัน (Empathy & Cross Cultural Understanding) ได้ทักษะการสื่อสาร และทักษะอีกหลายด้านไปพร้อมกัน ทักษะเหล่านี้เองที่จะค่อย ๆ เปลี่ยนให้เยาวชนในโครงการ เติบโตเป็นคนที่อยู่ได้ในทุกที่และสื่อสารทำงานได้กับทุกคน 

แม้โครงการในปีนี้เพิ่งปิดฉากลง Mr. Greg เผยว่า ปีถัดไปทางสมาคม FOBISIA (The Federation of British International Schools in Asia) ซึ่งเป็นเครือข่ายโรงเรียนนานาชาติทั่วโลก แจ้งมาว่ามีโรงเรียนนานาชาติจากต่างประเทศให้ความสนใจและต้องการเข้ามามาศึกษากระบวนการทำงานของโครงการ ทั้งยังมองถึงความเป็นไปได้ที่จะร่วมมือกันใน Equity Partnership’s School Network ปีที่ 6 ด้วย

มณฑล ภาคสุวรรณ์

คุณมณฑล ภาคสุวรรณ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน กล่าวว่า โครงการนี้เป็นต้นแบบให้กับกระทรวงศึกษาธิการในการกลไกนวัตกรรมการพัฒนาทักษะอาชีพ สร้างรายได้ สนับสนุนการเข้าถึงโอกาสการศึกษาในระดับสูงขึ้น ลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาได้จริง ต้องขอชื่นชมและแสดงความยินดีกับนักเรียน ครู ผู้บริหารทุกท่าน ที่เป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมตลอด 5 ปี ทุกคนได้สร้างการเรียนรู้ที่มีชีวิตให้เกิดขึ้น ต้นทุนเหล่านี้จะถูกนำไปใช้ต่อยอดชีวิต สร้างประโยชน์กับเด็ก ๆ รวมถึงส่งเสริมชุมชนและสังคมให้เติบโตต่อไป

ทั้งนี้ โครงการ Equity Partnership’s School Network ปีที่ 5 ได้มุ่งเน้นการต่อยอดผลิตภัณฑ์ การมีส่วนร่วมกับชุมชนมากขึ้น เพื่อสร้างความยั่งยืนของนวัตกรรมให้เกิดขึ้นในพื้นที่ โดยมีนักเรียนทุนเสมอภาคระดับมัธยมศึกษาตอนต้นในสังกัด สพฐ. เข้าร่วมทั้งหมด 10 โรงเรียนจาก 10 จังหวัด ได้แก่ โรงเรียนบ้านท่านหญิงวิภา จังหวัดสุราษฎร์ธานี โรงเรียนวัดท่าโสม (คุณสารราษฎร์บำรุง) จังหวัดตราด โรงเรียนบ้านม่วงนาดี จังหวัดอุบลราชธานี โรงเรียนขุนยวมวิทยา จังหวัดแม่ฮ่องสอน โรงเรียนดงสวรรค์วิทยา จังหวัดหนองบัวลำภู โรงเรียนบ้านนาเลา จังหวัดมหาสารคาม โรงเรียนบ้านยะพอ จังหวัดตาก โรงเรียนเพียงหลวง 1 (บ้านท่าตอน) จังหวัดเชียงใหม่ โรงเรียนบ้านทุ่งโฮ้ง (อภิวังวิทยาลัย) จังหวัดแพร่ โรงเรียนบ้านนห้วยลึก จังหวัดเชียงราย และนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายโรงเรียนนานาชาติ ทั้งหมด 5 โรงเรียน ได้แก่ โรงเรียนนานาชาติโชรส์เบอรี (Shrewsbury International School) โรงเรียนนานาชาติรักบี้ (Rugby School Thailand) โรงเรียนนานาชาติเซนต์ แอนดรูว์ส (St. Andrews International School) โรงเรียนสาธิตประสานมิตร (International Programme) และมีโรงเรียนน้องใหม่อย่าง โรงเรียนนานาชาติแอสคอท (Ascot International School) มาเข้าร่วมในปีนี้

สำหรับทีมที่ได้รับรางวัลชนะเลิศในปีนี้ คือทีม ‘เนรมิต’ ซึ่งใช้ชื่อแบรนด์ ‘สร้างเอง’ เป็นทีมน้อง ๆ นักเรียนจากโรงเรียนบ้านนาเลา จังหวัดมหาสารคาม จับคู่กับโรงเรียนสาธิตประสานมิตร (International Programme) โดยได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ดั้งเดิมจากเศษผ้า โต๊ะปูนตอไม้เทียม และกระถางบอนไซ มาเป็น ‘กระถางเอนกประสงค์ปูนเปลือยลายใบไม้ในท้องถิ่น’ ซึ่งตอบโจทย์คนเมืองที่อาศัยอยู่ในพื้นที่จำกัด หรือคนที่ชื่นชอบการตกแต่งบ้านสไตล์มินิมัล (Minimal) อีกทั้งผลิตภัณฑ์ยังออกแบบให้ดัดแปลงใช้งานได้หลากหลาย ไม่จำกัดแค่เป็นกระถางปลูกต้นไม้ (เลือกชมผลิตภัณฑ์จากทุกทีมได้ที่ https://shopee.co.th/m/EquityPartnerships)