วันนี้ ด้วยหัวใจของ All For Education การแก้ปํญหาความเหลื่อมล้ำและสร้างความเสมอภาคทางการศึกษา ได้กลายเป็นเป้าหมายร่วมกันของทุกภาคส่วน กสศ.ขอขอบคุณ ทุกพลังความร่วมมือ ที่เชื่อมั่นและก้าวไปด้วยกัน เพื่ออนาคตของเด็กและเยาวชนและการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศไทย
ในปี 2565 กสศ. ได้รับความไว้วางใจจากประชาชนและภาคธุรกิจเอกชน ระดมเงินบริจาคผ่านกิจกรรมที่ประชาชนมีส่วนร่วมกว่า 87,698 คน และเครือข่าย ALL FOR EDUCATION ภาคธุรกิจเอกชน ภาคประชาสังคม ทั่วประเทศ จำนวน 153 องค์กร ยอดเงินบริจาคกว่า 222 ล้านบาท สามารถช่วยเหลือ เด็กและเยาวชนรวม 108,055 คน จาก 17,432 โรงเรียน
ติดตามเส้นทางแห่งโอกาส การจัดสรรเงินบริจาคไปให้ถึงมือเด็กๆ กับกสศ. การบริจาคกับกสศ. สามารถ ลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่าของเงินที่บริจาค
บริจาคกับกสศ. คลิกที่นี่
ในปี 2565 กสศ. ได้รับความไว้วางใจจากประชาชนและภาคธุรกิจเอกชน สมทบเงินบริจาคเพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อัตราการเติบโต ราว 90% จากปี 2562 ซึ่งเป็นปีแรกที่กสศ.เริ่มระดมทุน โดยล่าสุดในปี 2565 ได้รับเงินบริจาคกว่า 222 ล้านบาท สามารถช่วยเหลือ เด็กและเยาวชนรวม 108,055 คน จาก 17,432 โรงเรียน
ระดมเงินบริจาคผ่านกิจกรรมที่ประชาชนมีส่วนร่วมกว่า 87,698 คน และเครือข่าย ALL FOR EDUCATION ภาคธุรกิจเอกชน ภาคประชาสังคม ทั่วประเทศ จำนวน 153 องค์กร อาทิ บริษัท ปตท. จำกัด(มหาชน) บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) มูลนิธิก้าวคนละก้าว บริษัท เซ็นทรัล กรุ๊ป และธุรกิจในเครือ กลุ่มธุรกิจ TCP มูลนิธิตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย บริษัท เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) บริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จํากัด (มหาชน) บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย)
ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา หรือ iSEE ฐานข้อมูลช่วยแก้ปัญหารายบุคคล ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายเด็กและเยาวชนผู้ขาดเเคลนทุนทรัพย์และด้อยโอกาสมากกว่า 4 ล้านคน ของกสศ. ช่วยชี้เป้าการทำงาน CSR ที่แม่นยำ ตอบโจทย์ตามความต้องการที่แท้จริงของกลุ่มเป้าหมาย ให้แก่บริษัทเอกชน และประชาชนร่วมบริจาคกับกสศ.อย่างต่อเนื่อ ขณะที่เยาวชนคนรุ่นใหม่จำนวนมาก ริเริ่มกิจกรรมระดมทุนเพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ผ่านกิจกรรมสร้างสรรค์ที่หลากหลายร่วมกับกสศ.
ความคุ้มค่าในการบริจาคกับกสศ. ยังสามารถ ลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่าของเงินที่บริจาค เพื่อสร้างหลักประกันการเข้าถึงโอกาสทางศึกษาและระบบคุ้มครองทางสังคมให้แก่กลุ่มเป้าหมายที่อยู่ในภาวะวิกฤตเร่งด่วน ได้อย่างตรงจุดทันสถานการณ์
ผลลัพธ์การบริจาคจากความร่วมมือของภาคเอกชนและประชาชน มีดังนี้
1.สนับสนุนทุนการศึกษาให้กับนักเรียนช่วงชั้นรอยต่อที่มีฐานะยากลำบากและกลุ่มเด็กวิกฤตทางการศึกษาที่กำลังออกจากระบบในภาคเรียนปัจจุบัน รวม 105,634 คน โดยปัจจุบัน นักเรียนทั้งหมดยังคงอยู่ในระบบการศึกษา 100% มีอัตราการมาเรียนไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 เกิดคณะทำงานศูนย์ช่วยเหลือเด็กในภาวะวิกฤต ทั้งส่วนกลางและระดับพื้นที่ ซึ่งจะเป็นกลไกความร่วมมือระหว่างหน่วยงานที่ยั่งยืนของประเทศ
2.สนับสนุนทรัพยากรที่จำเป็นต่อการจัดการเรียนรู้ ให้แก่โรงเรียนพื้นที่ห่างไกล ด้อยโอกาส จำนวน 87 โรงเรียน ครอบคลุมนักเรียนกว่า 10,000 คน เช่น การปรับปรุงอาคารพักนอนให้แข็งแรงและถูกสุขลักษณะ การซ่อมแซมห้องสมุดและเติมหนังสือส่งเสริมการเรียนรู้ให้ครอบคลุม การพัฒนาทักษะอาชีพให้แก่นักเรียน
3.สนับสนุนค่าอาหารเช้าและทำงานร่วมกับโรงเรียนสื่อสารให้ความรู้ด้านโภชนาการที่ดีให้กับครอบครัว ให้แก่นักเรียนยากจนพิเศษกว่า 2,000 คน จาก 23 โรงเรียนพื้นในที่ห่างไกล ครอบคลุม 4 ภูมิภาค และเป็นโรงเรียนที่มีนักเรียนยากจนพิเศษมากกว่า ร้อยละ 80 ในภาพรวมส่งผลให้ภาวะโภชนาการของนักเรียนเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น จากภาวะขาดสารอาหารในช่วงปิดเทอมยาวนานจากโควิด-19 นอกจากนี้ยังสรุปบทเรียนเป็นข้อเสนอนโยบายการจัดการอาหารเช้าให้แก่นักเรียนยากจนพิเศษ เพื่อเสนอฝ่ายนโยบายต่อไป
นวัตกรรมการระดมความร่วมมือครั้งแรกของเอเชีย บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ออกหุ้นกู้ 100 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนกสศ.ในโครงการ Zero Dropout จังหวัดราชบุรี เด็กหลุดระบบการศึกษาต้องเป็น “ศูนย์” ในช่วงต้น กสศ.ร่วมกับภาคีในพื้นที่วางแผน Roadmap ระยะ 3 ปี รวมถึงช่วยเหลือ เด็กและเยาวชนที่มีความเสี่ยงหลุดจากระบบให้สามารถคงอยู่ในระบบการศึกษาได้กว่า 1,000 คน
เกิดระบบเชื่อมโยงข้อมูล และส่งต่อระหว่างโรงเรียน สถานศึกษาสายอาชีพ เพื่อสนับสนุนโอกาสทางการศึกษาในระดับสูง ซึ่งไม่เพียงเด็กรุ่นปัจจุบันเท่านั้นแต่จะส่งผลกระทบ ในระยะยาวยั่งยืนต่อเด็กรุ่นสู่รุ่น
เกิดกลไกอาสาสมัคร 3 พลัง เพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ที่มีความรู้เป็นสะพานเชื่อมโอกาสทั้งด้านสุขภาพ การคุ้มครองสิทธิ สวัสดิการ และการศึกษา และกำลังเดินหน้าสู่ นวัตกรรม 1 โรงเรียน 3 ระบบ การเรียนรู้ที่ยืดหยุ่นสำหรับเยาวชนนอกระบบ