บรรดากุมารแพทย์พร้อมด้วยผู้เชี่ยวชาญวัยรุ่นและนักจิตวิทยาเด็กและเยาวชนทั่วสหรัฐฯ ออกโรงเตือนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ เอกชน และภาคประชาสังคม เฝ้าระวังสภาวะสุขภาพจิตของเด็กและวัยรุ่น หลังจากที่ผู้เยาว์เหล่านี้ต้องเผชิญกับความท้าทายด้านสุขภาพจิตที่ทวีความเลวร้ายเพราะผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19
ทั้งนี้ แถลงการณ์ของสถาบันกุมารเวชศาสตร์แห่งอเมริกา หรือ American Academy of Pediatrics (AAP) ระบุว่า การระบาดของโควิด-19 เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ความสุขที่เด็กและเยาวชนควรได้รับตามวัยอย่างเหมาะสมหดหายหรือห่างหายไป ทำให้ปัญหาสุขภาพจิตของเด็กในวัยที่ค่อนข้างเปราะบางจากสิ่งเร้าและสภาพแวดล้อมภายนอกน่าเป็นห่วง โดยผลสำรวจล่าสุดพบว่า มีเด็กอเมริกันในระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษามากกว่า 140,000 คนได้รับผลกระทบจากการที่ไม่สามารถไปโรงเรียนได้ในช่วงกว่า 1 ปีที่ผ่านมา
ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาเด็กระบุว่า การที่เด็กและเยาวชนในสหรัฐฯ จำนวนมากต้องแยกตัวออกจากสังคมและเพื่อนฝูง รวมถึงต้องพลาดจากการทำกิจกรรมสำคัญๆ ในวัยเรียนนับไม่ถ้วน ส่งผลให้เด็กหลายคนประสบปัญหาด้านสุขภาพจิตอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยปัญหาเบื้องต้นที่พบมากที่สุดก็คือ ความรู้สึกแปลกแยกและโดดเดี่ยว ซึ่งหากปล่อยทิ้งไว้นานเกินไปจะเสี่ยงให้เด็กมีอาการซึมเศร้า หรือเสี่ยงมีพฤติกรรมต่อต้านสังคมได้ในที่สุด
สำหรับแถลงการณ์ของ AAP ครั้งนี้ได้รับเสียงสนับสนุนจากสถาบันจิตเวชเด็กและวัยรุ่นอเมริกัน หรือ American Academy of Child and Adolescent Psychiatry (AACAP) และสมาคมโรงพยาบาลเด็ก หรือ Children’s Hospital Association (CHA) ซึ่งทั้ง 3 องค์กรมีสมาชิกกุมารแพทย์มากกว่า 77,000 คน ครอบคลุมโรงพยาบาลเด็กมากกว่า 200 แห่งทั่วประเทศ
ดอกเตอร์ลี ซาวิโอ เบียร์ส (Dr. Lee Savio Beers) ประธานสมาคม AAP กล่าวว่า ความสนใจส่วนใหญ่เน้นไปที่ผลที่ตามมาต่อสุขภาพกาย จนหลงลืมหรือมองข้ามวิกฤตสุขภาพจิตที่ทวีความรุนแรงขึ้นในหมู่เด็กวัยรุ่น เนื่องจากต้องใช้ชีวิตอยู่แต่ในบ้านและไม่ได้เข้าสังคมพบปะเพื่อนๆ และร่วมทำกิจกรรมปกติที่นักเรียนควรจะได้ทำ
ด้านเอเลนา มิคาลเซน (Elena Mikalsen) หัวหน้าแผนกจิตวิทยาของโรงพยาบาลเด็กซาน อันโตนิโอ ในรัฐเท็กซัส กล่าวเสริมในประเด็นนี้ว่า โดยทั่วไปแล้วความสุขของเด็กๆ นั้นมาจากการได้เล่นหรือทำกิจกรรมร่วมกับเพื่อนๆ หากเราเอ่ยถามเด็กๆ ว่า ความสุขของพวกเขาคืออะไร 90% ของเด็กมักจะตอบว่า คือการได้อยู่กับเพื่อน “แต่การระบาดของโควิด-19 นั้นมาพรากสิ่งเหล่านี้ไป ทำให้เด็กๆ ต้องเรียนอยู่แต่กับหน้าจอ โดยไม่ได้ออกไปเล่นกับเพื่อนๆ เลย”
ความกังวลของผู้เชี่ยวชาญนั้นอาจจะเรียกได้ว่ามีมูล เพราะไม่นานนี้มีงานวิจัยเผยว่า การระบาดของโควิด-19 ซึ่งทำให้คนเราใช้ชีวิตตามปกติไม่ได้นั้น ส่งผลทางลบต่อสภาพอารมณ์และสุขภาพจิตของวัยรุ่นอเมริกันราว 1 ใน 3 ซึ่งปัญหานี้ถือว่าหนักหน่วงจนสถาบันจิตเวชเด็กและวัยรุ่นอเมริกัน หรือ American Academy of Child and Adolescent Psychiatry (AACAP) และองค์กรต่างๆ ที่ทำงานเกี่ยวกับสุขภาพจิตในเด็กต้องออกมาประกาศว่า ปัญหาสุขภาพจิตในเด็กและเยาวชนอเมริกากำลังเข้าขั้น “สภาวะฉุกเฉินระดับชาติ” แล้ว
ทั้งนี้ นิรมิตา ปานชาล (Nirmita Panchal) นักวิเคราะห์นโยบายอาวุโสจากมูลนิธิไคเซอร์ แฟมิลี่ (Kaiser Family Foundation หรือ KFF) องค์กรไม่แสวงหาผลกำไรที่ทำงานประเด็นด้านสุขภาพในสหรัฐฯ ได้เผยว่า เด็กและเยาวชนอเมริกากำลังเผชิญกับภาวะตื่นตระหนก ซึมเศร้า และความเครียดที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้พ่อแม่ผู้ปกครองหลายครัวเรือนได้แจ้งว่า บุตรหลานของตนไม่สามารถกินอาหารหรือนอนหลับพักผ่อนได้ตามปกติ หรืออยู่ในอาการกินไม่ได้นอนไม่หลับ แถมบางรายยังมีอาการตื่นกลัว หงุดหงิด หรือติดพ่อแม่มากเกินไปร่วมด้วย
ขณะเดียวกัน ปานชาลยังได้กล่าวถึงรายงานอีกฉบับที่เจ้าตัวได้มีโอกาสจัดทำ โดยงานชิ้นนั้นบ่งชี้ว่า 8% ของเด็กที่มีอายุระหว่าง 3 – 17 ปีนั้น กำลังประสบภาวะตื่นตระหนกตกใจกลัวอยู่ ขณะที่สัดส่วนของเด็กที่มีอายุ 12 – 17 ปีที่มีปัญหาแบบเดียวกันเพิ่มขึ้นเป็น 13%
“ช่วงที่โควิด-19 ระบาด ชีวิตเด็กๆ ก็ได้รับผลกระทบไม่ต่างจากผู้ใหญ่ เด็กๆ ไม่ได้ไปเรียนเพราะโรงเรียนปิด ที่บ้านอาจมีปัญหาการเงิน เด็กบางคนอาจสูญเสียคนในครอบครัวหรือคนที่รักไป หรือไม่สามารถเข้าถึงบริการทางการแพทย์ได้ สิ่งต่างๆ เหล่านี้ทำให้เด็กต้องเผชิญกับภาวะปัญหาสุขภาพจิตที่รุนแรงขึ้น” ปานชาล นักวิเคราะห์นโยบายอาวุโสจากมูลนิธิ ไคเซอร์ แฟมิลี่ กล่าว
ทั้งนี้ รายงานของ AAP ยังพบอีกว่า ในช่วงระหว่างปี 2010 – 2020 อัตราการป่วยด้วยโรคเกี่ยวกับสุขภาพจิตและอัตราการฆ่าตัวตายในเด็กนั้นเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และวิกฤตการระบาดของโควิด-19 ก็ทำให้สถานการณ์ยิ่งเลวร้ายมากขึ้น พิสูจน์ได้จากตัวเลขผู้ป่วยเด็กหรือผู้เยาว์ที่เข้ารับการรักษาที่แผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาลเพราะปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพจิตที่พุ่งสูงอย่างรวดเร็ว
ด้านแมรี คาราพีเทียน อัลวอร์ด (Mary Karapetian Alvord) นักจิตวิทยาจากรัฐแมริแลนด์ และเป็นผู้ช่วยศาสตราจารย์ด้านจิตวิทยาแห่งมหาวิทยาลัยจอร์จ วอชิงตัน กล่าวว่า การต้องใช้ชีวิตในสภาวะไม่แน่นอนอันเป็นผลจากโรคระบาด รวมถึงการไม่ได้ไปโรงเรียนเลย ปัจจัยเหล่านี้ทำให้เด็กและเยาวชนจำนวนมากรู้สึกโศกเศร้า ยิ่งในเด็กมัธยมปลายยิ่งกระทบความรู้สึกหนักหน่วง เพราะพวกเขาต้องพลาดการเข้าร่วมกิจกรรมสนุกๆ ในรั้วโรงเรียน ไม่ว่าจะเป็นการเข้าชมรม เล่นกีฬา จัดงานเลี้ยงรุ่น ร่วมพิธีจบการศึกษา หรือกิจกรรมพบปะสังสรรค์อื่นๆ ที่ปกติวัยรุ่นทำกัน การระบาดของโควิด-19 ที่ส่งผลให้วัยรุ่นจำนวนมากไม่ได้ใช้ชีวิตอย่างที่ควร ส่งผลให้พวกเขาเศร้าโศก รู้สึกสูญเสีย เผชิญภาวะไม่แน่นอน และมีความตื่นตระหนกเพิ่มพูนขึ้น แถมภาวะหยุดนิ่งยังทำให้พวกเขารู้สึกว่าชีวิตไม่ได้เรียนรู้อะไรและไม่ได้เติบโตก้าวไปข้างหน้าเลย
ขณะเดียวกัน ผู้เชี่ยวชาญยังพบอีกว่า แม้ปัญหาส่วนหนึ่งจะเกิดจากการขาดโอกาสเข้าเรียนและเจอเพื่อนๆ แต่การเร่งให้กลับมาเปิดโรงเรียนได้อีกครั้งก็ไม่ใช่หนทางแก้ไขปัญหาที่ถูกต้องเสียทีเดียว แถมการกลับมาเปิดชั้นเรียนกลับทำให้เด็กหลายคนเกิดอาการตื่นกลัวด้วยเช่นกัน
“เด็กบางส่วนอาจกังวลที่จะกลับมาโรงเรียนเพราะกลัวติดเชื้อโควิด-19 ขณะที่บางส่วนอาจไม่แน่ใจว่าจะปรับตัวได้ ความกังวลเหล่านี้ทำให้เกิดภาวะซึมเศร้าหรือตื่นกลัวได้” เนคีเชีย แฮมมอนด์ (Nekeshia Hammond) อดีตประธานสมาคมจิตวิทยาฟลอริดา (Florida Psychological Association) ให้ข้อมูล
รายงานระบุว่าสถานการณ์การระบาดใหญ่ของโควิด-19 ทำให้เด็กๆ ส่วนใหญ่เกิดความรู้สึกไม่มั่นคงปลอดภัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กๆ ที่ต้องเผชิญกับการสูญเสียผู้ที่ทำหน้าที่ดูแลตนเองอย่างพ่อ แม่ ญาติผู้ใหญ่ หรือผู้ที่รับผิดชอบเลี้ยงดูตนจากไปเพราะโควิด19 อนึ่ง การสำรวจเมื่อไม่นานมานี้ชี้ว่า มีมากกว่า 1 แสนคน ยิ่งไปกว่านั้น รายงานยังพบว่าเด็กอเมริกันจากครอบครัวคนผิวสี หรือกลุ่มคนที่ไม่ใช่คนผิวขาวในสหรัฐฯ นั้น ได้รับผลกระทบจากการสูญเสียเพราะโควิดรุนแรงกว่าเด็กผิวขาวมาก เพราะการสูญเสียบุคคลที่รักของเด็กผิวสียังหมายความถึงการสูญเสียสถานะทางการเงิน สังคม และเศรษฐกิจอีกทางหนึ่งด้วย
การออกแถลงการณ์ของสถาบันกุมารเวชศาสตร์แห่งอเมริกา หรือ American Academy of Pediatrics (AAP) ในครั้งนี้ มีเป้าหมายเพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลกลางสหรัฐฯ จัดสรรงบประมาณมาช่วยดูแลปัญหาด้านสุขภาพจิตอย่างจริงจัง ครอบคลุมตั้งแต่ในส่วนของการคัดกรองไปจนถึงการรักษา สำหรับเด็กๆ ที่มีอายุตั้งแต่แรกเกิดไปจนถึงวัยรุ่น โดยเน้นให้การช่วยเหลือกลุ่มเด็กที่มาจากครอบครัวยากจนและด้อยโอกาสก่อนนั่นเอง
ที่มา :
• AAP, AACAP, CHA declare national emergency in children’s mental health
• How COVID-19 Stole ‘Children’s Joy,’ Sparking a Mental Health Emergency
• U.S. Pediatricians, Psychiatrists Declare ‘Emergency’ in Child Mental Health
• National emergency in child mental health declared by several pediatric health groups
• American Academy of Pediatrics declares national emergency in child, teen mental health
• Pediatricians Declare Kids’ Mental Health a National Emergency