กสศ. – อปท. – บช.ตชด. เดินหน้าใช้ฐานข้อมูลช่วยเหลือเด็กนักเรียนทุนเสมอภาค (ช่วงชั้นรอยต่อ) ป้องกันปัญหาหลุดจากระบบการศึกษาในช่วงการแพร่ระบาดโควิด-19 อธิบดี สถ.ย้ำขอความร่วมมือท้องถิ่นจังหวัด ผู้บริหารทุกพื้นที่ ให้ความร่วมมือสถานศึกษาสนับสนุนช่วยเหลือครูที่เป็นคีย์แมนสำคัญหาข้อมูลเพื่อช่วยเหลือเด็กได้อย่างแม่นยำ ด้าน รอง ผบช.บช.ตชด. เร่งพัฒนาฐานข้อมูลนักเรียนรายบุคคลเพื่อใช้ในการติดตามและช่วยเหลืออย่างเป็นระบบ
กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ร่วมกับกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น และกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน (บช.ตชด.) จัดประชุมชี้แจงการดำเนินโครงการจัดสรรเงินอุดหนุนนักเรียนยากจนพิเศษแบบมีเงื่อนไข (นักเรียนทุนเสมอภาค) ประจำภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564 ให้กับครูและบุคลากรทางการศึกษาผ่านระบบออนไลน์
จากการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่างกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.) กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน (บช.ตชด.) และกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) เพื่อดำเนินงานโครงการจัดสรรเงินอุดหนุนแบบมีเงื่อนไข ซึ่งในปีการศึกษา 2563 มีการจัดสรรเงินอุดหนุนแบบมีเงื่อนไขในอัตรา 3,000 บาท/คน ให้แก่นักเรียนทุนเสมอภาคในสังกัด อปท. ตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาล – มัธยมศึกษาตอนต้น จำนวน 15,324 คน ครอบคลุมสถานศึกษา 598 แห่ง และในสังกัด บช.ตชด. ตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาล – มัธยมศึกษาตอนปลาย จำนวน 17,981 คน ครอบคลุมโรงเรียนและศูนย์การเรียน 219 แห่งทั่วประเทศ
ดร.ไกรยส ภัทราวาท รองผู้จัดการกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) กล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ผู้ปกครองมีรายได้ลดลง มีรายจ่ายเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะนักเรียนกลุ่มช่วงชั้นรอยต่อที่ต้องย้ายไปโรงเรียนที่ใหม่ยิ่งต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มสูงขึ้น จึงนำมาสู่การช่วยเหลือสนับสนุนนักเรียนทุนเสมอภาคช่วงชั้นรอยต่อ (อ.1 ป.6 ม.3 และ ม.6) จำนวน 800 บาท ซึ่งจากฐานข้อมูลการติดตามพบว่าสถานศึกษาสังกัด อปท. มีนักเรียนช่วงชั้นรอยต่อที่จะศึกษาต่อในภาคเรียนที่ 1/2564 จำนวน 3,453 คน ในจำนวนนี้พบว่านักเรียนยังคงศึกษาที่โรงเรียนเดิมจำนวน 2,110 คน และจำนวน 1,300 คน ที่ย้ายไปยังโรงเรียนใหม่ และพบนักเรียนที่ไม่ศึกษาต่อจำนวน 106 คน ขณะที่สถานศึกษาสังกัด บช.ตชด. มีนักเรียนช่วงชั้นรอยต่อที่จะศึกษาต่อจำนวน 4,025 คน โดยเรียนในโรงเรียนเดิม 2,383 คน และย้ายไปเรียนโรงเรียนใหม่ 1,637 คน ขณะที่นักเรียน 111 คน ไม่ได้เรียนต่อ ซึ่งมีสาเหตุสำคัญมาจากต้องไปทำงาน/ผู้ปกครองไม่ให้ศึกษาต่อ/ช่วยผู้ปกครองทำงานหารายได้/ไม่มีค่าธรรมเนียมค่าเล่าเรียน มีความบกพร่องทางด้านร่างกาย ไม่มีค่าเดินทาง ส่วนนี้จะเป็นข้อมูลที่เป็นประโยชน์ และหวังว่าหากสถานศึกษานำข้อมูลนี้ไปใช้จะช่วยทำให้เกิดการแก้ปัญหาอย่างทันท่วงที
“จากข้อมูลที่ กสศ.มีแสดงจำนวนเด็กกลุ่มรอยต่อที่มีความเสี่ยงหลุดออกจากระบบการศึกษา เช่น ศึกษาต่อที่โรงเรียนใหม่โดยมีข้อมูลจากโรงเรียนต้นทาง – ปลายทางที่จะไปสมัครเรียน รวมไปถึงเด็กที่คิดว่าจะไม่เรียนต่อ โดยท้องถิ่นจะเข้าไปดูแลเพิ่มเติมได้หรือไม่ และปัญหาผู้ปกครองมีภาวะผลกระทบถูกเลิกจ้างหรือมีสถานะเป็นผู้ป่วยติดเตียง ซึ่งในช่วงเวลาเปิดเทอมประมาณ 1 เดือนที่ผ่านมา น่าจะอยู่ในวิสัยที่ยังแก้ปัญหาได้หากจังหวัดใดสามารถแก้ไขปัญหาได้ จะเป็นจังหวัดที่ไม่มีเด็กหลุดจากระบบการศึกษา พร้อมขอความร่วมมือท้องถิ่นช่วยติดตามสนับสนุนให้ทุนการศึกษาเพิ่มเติม เพื่อจะได้สื่อสารไปยังผู้มีสิทธิเลือกตั้งหรือคนในท้องถิ่นว่าได้ให้ความสำคัญกับนโยบายการลดเหลื่อมล้ำทางการศึกษาในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19” ข้อมูลเหล่านี้ หน่วยงานกำกับติดตาม องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กองกำกับการทั่วประเทศ สามารถดาวน์โหลดข้อมูลดังกล่าวได้ที่เว็บไซต์การคัดกรองนักเรียนทุนเสมอภาค https://cct.eef.or.th ดร.ไกรยส กล่าว
นายประยูร รัตนเสนีย์ อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กล่าวว่า สำหรับการดำเนินงานในปีการศึกษา 2564 ได้กำหนดแนวทางขับเคลื่อนโครงการจัดสรรเงินอุดหนุนแบบมีเงื่อนไข ในสถานศึกษาสังกัด อปท. ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยเน้นการสร้างความเข้าใจกระบวนการแนวทางการคัดกรองความขาดแคลนทุนทรัพย์การใช้ประโยชน์จากฐานข้อมูลนักเรียนของสถานศึกษาและหน่วยงานในระดับพื้นที่ ด้วยการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อเป็นเครื่องมือในการชี้เป้า วางแนวทางการช่วยเหลืออย่างมีประสิทธิภาพ และเน้นการพัฒนาศักยภาพบุคลากรที่เกี่ยวข้องทั้งในส่วนของสำนักงานส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นจังหวัด/องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและครูผู้ปฏิบัติงาน ผ่านระบบการอบรมออนไลน์
“ขอความร่วมมือท้องถิ่นจังหวัด ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้อำนวยการสถานศึกษา ครู และบุคลากรที่เกี่ยวข้อง ระดมความร่วมมือในการค้นหาและคัดกรองนักเรียนยากจน กำกับติดตามให้สถานศึกษาดำเนินการตามแนวทางของ กสศ. ตามกำหนดระยะเวลาหรือปฏิทินการดำเนินงาน” นายประยูรกล่าว
ด้าน พล.ต.ต.พันธุ์พงษ์ สุขศิริมัช รอง ผบช.ตชด. กล่าวกำชับผู้บังคับบัญชากองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดน 16 แห่ง และครูใหญ่ บุคลากรทางการศึกษา ให้วางแนวทางความช่วยเหลือนักเรียนกลุ่มรอยต่อให้สามารถกลับเข้าสู่ระบบการศึกษาในช่วงเปิดภาคเรียน 1/2564 ได้ทันเวลา และในปีการศึกษา 2564 บช.ตชด. และ กสศ. มีแผนการดำเนินการร่วมกันดังนี้ (1) พัฒนาระบบจัดเก็บข้อมูลนักเรียนรายบุคคลของสถานศึกษาสังกัด บช.ตชด.ในระดับพื้นที่และระดับส่วนกลาง เพื่อใช้ในการสนับสนุนวางแผนงาน ขับเคลื่อนนโยบายด้านการศึกษา (2) ตรวจสอบข้อมูลนักเรียนรายบุคคล ความถูกต้อง ครบถ้วนของข้อมูล และเชื่อมโยงกับฐานข้อมูลกระทรวงศึกษาธิการ (3) พัฒนาศักยภาพกลไกและหน่วยกำกับติดตาม เพื่อส่งเสริม สนับสนุน สร้างความเข้าใจกระบวนการดำเนินงาน และใช้ประโยชน์จากฐานข้อมูลนักเรียนด้วยช่องทางการอบรมออนไลน์ และ (4) พัฒนาช่องทางการสื่อสารเพื่อสร้างความเข้าใจเงื่อนไขการรับเงินอุดหนุนแก่กลุ่มเป้าหมาย ผู้ปกครอง และนักเรียนที่ได้รับทุนเสมอภาค ให้เห็นความสำคัญของเงื่อนไขและวัตถุประสงค์ของทุนเสมอภาคอีกด้วย
อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น และรอง ผบช.ตชด. กล่าวอีกว่า ขอขอบคุณทุกฝ่าย โดยเฉพาะท้องถิ่นจังหวัด ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้บังคับบัญชากองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดน ผู้อำนวยการสถานศึกษา ครูใหญ่ ครู และบุคลากรที่เกี่ยวข้อง ที่เป็นกำลังและกลไกสำคัญในการช่วยเหลือนักเรียนกลุ่มที่ต้องการความช่วยเหลือเร่งด่วน ขอบคุณ กสศ. ที่เข้ามามีบทบาทในการทำงาน ช่วยสนับสนุนและเติมเต็มการแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา