รัฐบาลท้องถิ่นของรัฐนิวเซาท์เวลส์ของออสเตรเลีย ประกาศจ้างงานในตำแหน่งผู้เชี่ยวชาญรวม 1,300 ตำแหน่ง เพื่อให้การสนับสนุนฟื้นฟูการเรียนรู้ของเด็กในวิชาภาษาอังกฤษและคณิตศาสตร์ ทั้งนี้จากวิกฤตการระบาดของโควิด-19 ทำให้โรงเรียนปิดตัวยาวนาน จนเด็กๆ มีภาวะความรู้ถดถอย (Learning Loss) ซึ่งการจ้างผู้เชี่ยวชาญครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ School Success Model มูลค่า 253 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างสรรค์แนวทางการเรียนการสอนที่สอดคล้องกับโลกยุคหลังโควิด
สื่อท้องถิ่นรายงานว่า รัฐบาลจะว่าจ้างบรรดาผู้เชี่ยวชาญด้านภาษาและการอ่าน รวมถึงผู้เชี่ยวชาญด้านคณิตศาสตร์ เพื่อรับบทบาทในฐานะผู้ช่วยและที่ปรึกษาของครูและพ่อแม่ ซึ่งจะช่วยยกระดับผลลัพธ์ของนักเรียนในด้านทักษะการอ่านและการคำนวณ ซึ่งเป็นทักษะการเรียนรู้พื้นฐานที่สำคัญและจำเป็นสำหรับการต่อยอดสู่การศึกษาในระดับที่สูงขึ้นไป
การตัดสินใจครั้งนี้มีขึ้นหลังผลการทดสอบในโครงการ Programmed for International Student Assessment หรือ PISA ซึ่งเป็นโครงการประเมินผลความรู้ของนักเรียนนานาประเทศร่วมกันขององค์กรเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) พบว่า นับตั้งแต่ PISA เริ่มประเมินทักษะการอ่านครั้งแรกในปี 2000 ปีที่ผ่านมาคะแนนเฉลี่ยของออสเตรเลียลดลงราวๆ 3 ใน 4 ของคะแนนเฉลี่ยตามปกติ
รายงานระบุว่า การว่าจ้างและกระจายตัวผู้เชี่ยวชาญไปยังโรงเรียนทั่วทุกแห่งในรัฐนิวเซาท์เวลส์ จะช่วยแก้ปัญหาภาวะเรียนรู้ถดถอยในเด็กนักเรียนได้ ทั้งนี้ผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษาจะช่วยกระตุ้นและส่งเสริมให้เด็กๆ อ่านหนังสือและคิดคำนวณเลขอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ บุคลากรกลุ่มนี้ยังมีบทบาทสำคัญในการผลักดันและสนับสนุนหลักสูตรใหม่ที่จะเปิดตัวในปี 2022 ซึ่งจะเน้นวิชาภาษาอังกฤษและเลขอย่างจริงจังอีกด้วย
โครงการคิดริเริ่มนี้เป็นส่วนสำคัญของโครงการ School Success Model หรือ โมเดลโรงเรียนรูปแบบใหม่ ที่นำข้อมูลมาประยุกต์และบูรณาการ เพื่อสร้างสรรค์แนวทางการเรียนการสอนให้สอดคล้องกับโลกหลังยุคโควิด
ซาราห์ มิตเชลล์ (Sarah Mitchell) รัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการแห่งรัฐนิวเซาท์เวลส์กล่าวว่า ทางกระทรวงกำลังพยายามสร้างหลักสูตรระดับโลก การจ้างงานผู้เชี่ยวชาญด้านการอ่านและคำนวณกว่า 1,300 ตำแหน่ง จะเป็นการช่วยเสริมศักยภาพคุณครูอีกแรง โดยจะช่วยทำให้คุณครูสามารถส่งมอบความรู้ที่ดีที่สุดให้แก่นักเรียนได้
สื่อท้องถิ่นรายงานว่า โครงการใหม่นี้จะเริ่มดำเนินการในปี 2022 เป็นต้นไป และจะพร้อมดำเนินการตามหลักสูตรอย่างเต็มรูปแบบในปี 2023
ขณะเดียวกัน ภายใต้โมเดลความสำเร็จของ School Success Model ปรากฏว่ามี ‘โรงเรียนตัวแทน’ จำนวนหนึ่งที่ถูกเรียกขานว่า ‘Ambassador Schools’ เริ่มกำหนดว่าจะทำการขับเคลื่อนเพื่อยกระดับประสิทธิภาพของครูและนักเรียนทั่วรัฐนิวเซาท์เวลส์ โดยจะไปจับมือเป็นพันธมิตรกับทางมหาวิทยาลัย เพื่อสร้างงานวิจัยด้านการศึกษาที่สามารถแบ่งปันกันทั่วทั้งระบบการศึกษาของรัฐนิวเซาท์เวลส์และนานาประเทศทั่วโลก
ทั้งนี้โรงเรียน Auburn North Public School ถือเป็น 1 ใน 3 ของ ‘โรงเรียนตัวแทน’ ที่ได้รับการคัดเลือก ซึ่งมาร์ก แฮร์ริส (Mark Harris) ครูใหญ่ของโรงเรียนกล่าวว่า โรงเรียนของตนกำลังนำองค์ความรู้มาประยุกต์และต่อยอดเพื่อสร้างสรรค์การศึกษาที่ดีขึ้นให้แก่นักเรียนทุกคน
“ในฐานะ Ambassador School เรามีโอกาสแบ่งปันและบอกเล่าถึงสิ่งที่เราทำแล้วเวิร์ก เพื่อช่วยโรงเรียนอื่นๆ ในการขับเคลื่อนเพื่อพัฒนาโรงเรียน อีกทั้งโรงเรียนของเรายังตระหนักถึงบทบาทสำคัญที่ผู้ปกครองมีต่อความเป็นอยู่ที่ดีของนักเรียนและในความสำเร็จทางการศึกษาของเด็กอีกทางหนึ่งด้วย” แฮร์ริสกล่าว
โดยที่ผ่านมา แฮร์ริสได้พัฒนาชุมชนการเรียนรู้และวัฒนธรรมที่เป็นมิตรสำหรับผู้ปกครอง โดยตั้งอยู่บนความสัมพันธ์ที่ไว้วางใจและให้ความเคารพซึ่งกันและกัน ส่งผลให้โปรแกรมการเรียนรู้ที่โรงเรียนพยายามผลักดันนั้นมีประสิทธิภาพเชิงประจักษ์มากมาย
ขณะเดียวกันแฮร์ริสได้ยกตัวอย่างโครงการริเริ่มที่ทางโรงเรียนได้ดำเนินการลงไป ซึ่งหมายรวมถึงโครงการ ‘Harmony House’ ที่จัดโปรแกรมด้านการศึกษา ความเป็นอยู่ที่ดี และสังคมสำหรับผู้ปกครอง และโปรแกรม ‘Parents as Partners in Learning’ ที่เสริมศักยภาพ และช่วยให้ผู้ปกครองพัฒนาความมั่นใจ พัฒนาความรู้ รวมถึงพัฒนาทักษะจนสามารถจัดการเรียนรู้ให้ลูกๆ ได้อย่างมีคุณภาพนั่นเอง
ที่มา : Experts to help kids lift literacy and numeracy outcomes