บรรดาผู้เชี่ยวชาญและเหล่าคุณครูจากสหภาพครูในรัฐแมสซาชูเซตส์ของสหรัฐฯ ร่วมพิจารณาหารือแลกเปลี่ยนความเห็นกันอย่างเคร่งเครียดถึงรากเหง้าสาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้ผลการทดสอบ Massachusetts Comprehensive Assessment System หรือ MCAS ซึ่งเป็นการสอบวัดระดับความรู้ของนักเรียนเพื่อจบการศึกษาในระดับชั้นประถมศึกษาและมัธยมศึกษาในรัฐแมสซาชูเซตส์ในปี 2021 ลดต่ำลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยแม้ผลคะแนนที่ลดลงจะเป็นไปตามที่หลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องคาดการณ์ไว้ แต่ก็ไม่อาจปักใจฟันธงได้ว่าผลการทดสอบที่ย่ำแย่เป็นเพราะภาวะสูญเสียการเรียนรู้ ที่เรียกว่า Learning Loss จากวิกฤตการระบาดของไวรัสโควิด-19 หรือเกิดจากปัญหาในเชิงโครงสร้างอย่างการเหยียดเชื้อชาติที่ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาในสหรัฐฯ
กลายเป็นประเด็นถกเถียงที่กำลังร้อนแรงอยู่ในรัฐแมสซาชูเซตส์ของสหรัฐฯ อยู่ในขณะนี้ เมื่อผลคะแนนการทดสอบวัดระดับความรู้ MCAS ประจำปี 2021 ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะในวิชาภาษาอังกฤษ และคณิตศาสตร์ เนื่องจากผู้เชี่ยวชาญส่วนหนึ่งออกมาแย้งว่า คะแนนที่ลดลงสะท้อนให้เห็นปัญหาช่องว่างการเข้าถึงการศึกษาของเด็กสหรัฐฯ ที่เรื้อรังยืดเยื้อมาอย่างยาวนาน
ข้อมูลการกระทรวงประถมศึกษาและมัธยมศึกษา (Department of Elementary and Secondary Education : DESE) แห่งรัฐแมสซาชูเชตส์พบว่า 33% ของนักเรียนในระดับประถมศึกษาปีที่ 3 จนถึงมัธยมศึกษาปีที่ 2 (เกรด 3-8) ได้คะแนนตามเกณฑ์หรือเกินเกณฑ์มาตรฐานในวิชาคณิตศาสตร์ โดยลดลงจากการสอบในปี 2019 ซึ่งอยู่ที่ 49% (การสอบ MCAS ในปี 2020 ถูกยกเลิกเพราะไวรัสโควิด-19 ระบาด) ขณะที่วิชาภาษาอังกฤษมีนักเรียนที่ผ่านเกณฑ์ที่ 46% ลดลงจากการสอบในปี 2019 ซึ่งอยู่ที่ 53%
รายงานระบุว่า แนวโน้มคะแนนที่ลดลงยังพบเห็นได้ในการทดสอบวัดระดับความรู้ในนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย
อย่างไรก็ตาม ในนักเรียนเกรด 10 (เทียบเท่าชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4) DESE พบว่า 64% ของนักเรียนผ่านการทดสอบในวิชาภาษาอังกฤษ เพิ่มขึ้นจาก 61% ในปี 2019 แต่ทว่า การสอบในวิชาคณิตศาสตร์กลับลดลงจาก 59% มาอยู่ที่ 52%
ชาร์ลี เบเคอร์ (Charlie Baker) ผู้ว่าการรัฐแมตซาชูเซตส์ กล่าวว่า ผลการทดสอบที่ออกมาเป็นไปตามที่ใครหลายคนคาดหวังว่าจะได้เห็น และสอดคล้องกับผลการศึกษาวิจัยระดับชาติหลายฉบับที่แสดงให้เห็นแล้วว่าการระบาดของโควิด-19 ทำให้นักเรียนทั่วสหรัฐฯ ตกอยู่ในภาวะสูญเสียการเรียนรู้ (Learning Loss) เนื่องจากไม่ได้เข้าเรียนในชั้นเรียนกับครูโดยตรง ซึ่งรัฐแมสซาชูเซตส์ก็เจอผลกระทบนี้เช่นกัน
ด้าน เจมส์ เพย์เซอร์ (James Peyser) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการประจำรัฐแมสซาชูเซตส์ก็ออกมายืนยันว่าผลคะแนน MCAS คือภาพสะท้อนที่ชัดเจน ที่เผยให้เห็นภาวะชะงักงันของการศึกษา ซึ่งไม่ว่าจะเป็นการเรียนผ่านทางไกล/ออนไลน์ หรือการเรียนแบบผสมผสาน (hybrid learning) ที่ผสานออนไลน์สลับกับการเรียนในห้องเรียน รูปแบการเรียนเหล่านี้ล้วนส่งผลกระทบทางลบต่อการเรียนรู้ของเด็ก
อย่างไรก็ตาม สมาชิกสหภาพครูต่างลุกขึ้นมาโต้แย้งความเห็นของ เบเคอร์ และ เพย์เซอร์ ที่ใช้ผลกระทบดังกล่าวเป็นข้ออ้างสำคัญในการผลักดันให้เปิดโรงเรียนให้เร็วที่สุด โดยมองข้ามความปลอดภัยของครูและนักเรียน โดยสหภาพครูแย้งว่า การระบาดของโควิด-19 สะท้อนให้เห็นความไม่เท่าเทียมที่เด็กยากจนในสังคมซึ่งส่วนใหญ่เป็นเด็กผิวสีนั้นได้รับ และแสดงให้เห็นชัดเจนว่า เด็กเหล่านี้จำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือจากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เบธ คอนโตส (Beth Kontos) ประธานสมาพันธ์ครูอเมริกันประจำรัฐแมสซาชูเซตส์ กล่าวว่า ถึงไม่มีการทดสอบที่เป็นมาตรฐาน แต่นักการศึกษาและครูผู้สอนก็รู้ได้ว่านักเรียนของตน โดยเฉพาะเด็กจากครอบครัวรายได้น้อย สูญเสียการเรียนรู้ตั้งแต่เริ่มมีการระบาดของโควิด -19 แล้ว อีกทั้งเด็กเหล่านี้ยังต้องการความช่วยเหลือเพิ่มเติมเพื่อกลับไปสู่เส้นทางด้านวิชาการ สังคม และอารมณ์ตามเดิมอีกด้วย
“ในโรงเรียนที่ยากจนที่สุดหลายแห่งของเรา คะแนนสอบลดลงเพราะนักเรียนสูญเสียสมาชิกในครอบครัวเนื่องจากโควิด-19 หรือเพราะพวกเขาต้องดูแลพี่น้องแทนที่จะจดจ่อกับงานโรงเรียนของตัวเองอย่างเต็มที่ นักเรียนบางคนก็ยุ่งอยู่กับการทำงานเพื่อหารายได้ช่วยครอบครัวเนื่องจากสมาชิกในบ้านถูกไล่ออกจากงาน เป็นต้น ผลการทดสอบของปีนี้ ก็ไม่ต่างจากผลของปีก่อนๆ คือ มันช่วยสะท้อนความล้มเหลวระดับโครงสร้าง ว่าสังคมเรากำลังล้มเหลวในการดูแลเด็กนักเรียนกลุ่มยากจนเหล่านี้ หาใช่การสะท้อนศักยภาพการเรียนรู้ที่แท้จริงของนักเรียนของเราแต่อย่างใด” คอนโตสกล่าว
ด้าน เมอร์รีย์ นาจิมาย (Merrie Najimy) ประธานสมาคมครูแมสซาชูเซตส์ (Massachusetts Teacher Association) ผู้พยายามเคลื่อนไหวเพื่อให้มีการยกเลิกการสอบ MCAS ในปี 2021 นี้ กล่าวว่า การสอบดังกล่าวเป็นเพียงการวัดระดับว่าชุมชนพื้นที่ขาดแคลนทรัพยากร หรือได้รับทุนสนับสนุนมากน้อยเพียงใดต่างหาก
นาจิมายย้ำว่า ขณะที่เหล่านักการศึกษาไม่ปฏิเสธผลกระทบการสูญเสียการเรียนรู้เพราะโควิด-19 แต่สิ่งที่น่าเจ็บปวดก็คือนักการศึกษากลับมองไม่เห็นว่า จริงๆ แล้ว เด็กจากครอบครัวยากจนซึ่งเป็นกลุ่มคนที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด ไม่เพียงมีปัญหาในเรื่องของการเรียนรู้เท่านั้น แต่ยังต้องเผชิญกับความยากลำบากทางเศรษฐกิจสังคมต่างๆ โดยยังไม่นับรวมถึงผลกระทบบอบช้ำทางจิตใจของเด็กบางคนที่ต้องสูญเสียบุคคลสำคัญในชีวิตของตนไป
ทั้งนี้ ในมุมมองของ นาจิมาย คะแนน MCAS ซึ่งเจ้าหน้าที่ของรัฐใช้ในการประเมินผลการปฏิบัติงานของนักเรียนและคุณภาพของโรงเรียนคือมาตรวัดที่สะท้อนถึงการเหยียดผิวทางโครงสร้าง อันเป็นผลจากการเข้าถึงทรัพยากรที่ไม่เท่าเทียม การขาดแคลนทุนทรัพย์ของโรงเรียนของรัฐและการสาธารณสุข ตลอดจนที่อยู่อาศัย อาหาร และความไม่มั่นคงด้านรายได้ ซึ่งเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อสภาพแวดล้อมที่ส่งผลต่อการเรียนรู้ของเด็กนักเรียนอีกทอดนึง
“ที่สำคัญ MCAS ได้กลายเป็นเครื่องมือที่ถูกใช้เป็นข้ออ้างในการปกป้องอคติทางเชื้อชาติในการศึกษาและหลักสูตรของรัฐ” นาจิมาย กล่าว
การโต้แย้งในครั้งนี้มีขึ้นท่ามกลางสมาชิกสภาท้องถิ่นรัฐแมสซาชูเซตส์ที่กำลังอยู่ในระหว่างการพิจารณาปรับแก้กฎหมายว่าจำเป็นต้องใช้การสอบ MCAS เพื่อจบการศึกษาตามหลักสูตรหรือไม่ และสมควรให้มีการยกเลิกหรือไม่ ซึ่งครูส่วนใหญ่ในพื้นที่ต่างยกมือสนับสนุนให้ยกเลิกการทดสอบ MCAS
บรรดาครูที่สนับสนุนกล่าวว่า กฎหมายฉบับนี้ระบุว่าแทนที่การทดสอบมาตรฐานด้วย “กรอบกำหนดที่กว้างขึ้นในการวัดคุณภาพโรงเรียนและวัดความสำเร็จของนักเรียนผ่านมาตรวัดอื่น” ทั้งนี้กรอบกำหนดใหม่นี้คาดว่าจะสะท้อนประชาธิปไตยอันเชิดชูความหลากหลาย ในขณะเดียวกันก็เปิดทางให้ครู นักเรียน ผู้ปกครองและเขตโรงเรียนในท้องถิ่น มีสิทธิกำหนดเป้าหมายทางการศึกษา รวมถึงมีสิทธิในการเข้าถึงทรัพยากรที่จำเป็นด้านการศึกษาอีกด้วย
นอกจากนี้ ฝ่ายที่สนับสนุนให้ยกเลิก MCAS ยังต้องการให้รัฐเสนอเส้นทางที่หลากหลายสำหรับนักเรียน รวมถึงรับรองว่านักเรียนคนนั้นมีศักยภาพ แม้จะไม่ได้ผ่านการทดสอบวัดระดับตามระบบเดิมก็ตาม
อย่างไรก็ตาม ผู้ว่าการรัฐแมสซาชูเซตส์อย่าง เบเคอร์ กลับไม่เห็นด้วยกับการยกเลิก MCAS โดยเห็นว่าการยกเลิกก็ไม่ต่างอะไรกับการเมินเฉยต่อการวัดประสิทธิภาพและคุณภาพในการเรียนของนักเรียน ดังนั้น ในมุมมองส่วนตัว สมควรให้การดำเนินการทดสอบวัดระดับความรู้ของเด็กนักเรียนประจำปีต่อไป ซึ่งจะเป็นโอกาสให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและตัวเด็กเองได้เห็นว่ามีทักษะความสามารถในระดับใด ทำให้โรงเรียนและครูผู้สอนสามารถปรับเปลี่ยนวิธีการเรียนการสอนให้เหมาะกับตัวเด็กต่อไปได้
ยิ่งไปกว่านั้น เบเคอร์ยืนกรานชัดเจนว่า สภาจะไม่แก้กฎหมายด้วยการกำจัดการสอบออกไปให้หมด แต่อาจจะมีโครงการประเมินทักษะต่างๆ ซึ่งรวมถึง ภาษาอังกฤษและคณิตศาสตร์ เข้ามาแทนที่แบบเดิม เช่น การทดสอบทักษะทางอาชีพในสาขาต่างๆ เป็นต้น
ทั้งนี้ ทางนักเรียนและครอบครัวมีกำหนดจะได้รับผลสอบ MCAS เมื่อวันที่ 30 กันยายนที่ผ่านมา โดยทาง DESE ย้ำแก่ครอบครัวนักเรียนว่า ผู้ปกครองควรตระหนักว่า การทดสอบครั้งนี้มีระยะที่สั้นกว่าปกติ ซึ่งอาจทำให้ผลสอบของนักเรียนแต่ละคนมีแตกต่างกันหากเทียบกับปีก่อนหน้า ทั้งนี้ผลลัพธ์ของ MCAS เป็นเพียงตัวชี้วัดการเติบโตและความสำเร็จของลูก “เพียงส่วนหนึ่ง” เท่านั้น
ก่อนหน้านี้ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ทางคณะกรรมการการศึกษาระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษา ต่างลงมติไม่ให้ใช้ผลสอบ MCAS ปี 2021 สำหรับรับรองความน่าเชื่อถือหรือยืนยันความสำเร็จหรือล้มเหลวของโรงเรียนเนื่องจากสถานการณ์ที่ไม่ปกติของการระบาดของไวรัสโควิด-19
แต่ไม่ว่าต้นตอของปัญหาการสูญเสียการเรียนรู้จะมีสาเหตุที่แท้จริงมาจากอะไร ทางรัฐบาลท้องถิ่นของรัฐแมตซาชูเซตส์ก็เห็นชัดตรงกันว่า ต้องทุ่มเทงบประมาณและทรัพยากรที่มีอยู่ทั้งหมด รวมถึงเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลกลางมูลค่า 2,800 ล้านเหรียญสหรัฐ ในการจัดทำโครงการพิเศษต่างๆ เพื่อเร่งฟื้นฟูทักษะความรู้ทางวิชาการที่จำเป็นแก่ตัวเด็กนักเรียนสหรัฐฯ ในพื้นที่ทุกกลุ่มอย่างเต็มที่
“ผมรู้ว่ามีบุคลากรทางการศึกษาจำนวนมากทำงานมากมายในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมาผ่านโปรแกรมโรงเรียนภาคฤดูร้อนและโปรแกรมเสริมสมรรถนะ เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพของเด็กยากจนและเด็กด้อยโอกาสที่พลาดการเรียนไปมากในปีที่แล้ว แต่ผมก็คิดว่าเราทุกคนยังคงมีงานที่ต้องทำอีกมากเพื่อช่วยเหลือสนับสนุนเด็กเหล่านี้” ผู้ว่าการรัฐแมสซาชูเซตส์กล่าว
ที่มา : ‘Learning loss’ or ‘structural racism’: What people are saying about the drop in MCAS scores