เอ็มเค กรุ๊ป – กสศ. เปิดบ้าน “ทุนสานฝัน” แลกเปลี่ยนประสบการณ์นักเรียนรุ่นแรกหลังมอบโอกาสทางการศึกษา “เด็กช้างเผือก” ให้ได้เรียนต่อหลังจบ ม.3

เอ็มเค กรุ๊ป – กสศ. เปิดบ้าน “ทุนสานฝัน” แลกเปลี่ยนประสบการณ์นักเรียนรุ่นแรกหลังมอบโอกาสทางการศึกษา “เด็กช้างเผือก” ให้ได้เรียนต่อหลังจบ ม.3

สรรเงินบริจาคเพื่อสนับสนุนทุนการศึกษาแก่นักเรียนที่ขาดแคลนทุนทรัพย์และด้อยโอกาสให้ได้รับการศึกษาต่อระดับมัธยมศึกษาตอนปลายหรือประกาศนียบัตรวิชาชีพ

ดร.ไกรยส ภัทราวาท ผู้จัดการกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา กล่าวว่า บริษัท เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ได้เข้ามามีส่วนร่วมส่งเสริมความเสมอภาคทางการศึกษาด้วยการสนับสนุนทุนสานฝันจำนวน 1 ล้านบาท ให้แก่นักเรียน 100 คนที่มีความเสี่ยงหลุดออกจากระบบการศึกษารุ่นที่ 1 ให้ได้เรียนต่อระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย 57 คน และประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) 43 คน ในทุกภูมิภาคของประเทศไทย นักเรียนส่วนใหญ่มีผลการเรียนดี เกรดเฉลี่ย 3.00 ถือเป็นทุนที่ทำให้เด็กที่เผชิญภาวะวิกฤตทางการศึกษาได้เรียนต่อหลังเรียนจบการศึกษาภาคบังคับชั้น ม.3

ดร.ไกรยส ภัทราวาท ผู้จัดการ กสศ.

“กสศ. มุ่งเน้นการทำงานบนฐานข้อมูลที่ทุกภาคส่วนติดตามได้ มีระบบสารสนเทศเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา หรือระบบ iSEE เป็นฐานข้อมูลขนาดใหญ่ช่วยชี้เป้าความช่วยเหลือไปถึงน้อง ๆ ที่เผชิญอุปสรรคด้านการศึกษาได้อย่างตรงจุดปัญหาของแต่ละคน เหมือนเช่นน้อง ๆ ทุนสานฝัน 100 คน ที่ได้รับทุนการศึกษาจากเอ็มเคเรสโตรองต์กรุ๊ป เป็นส่วนหนึ่งของระบบ iSEE เช่นกัน น้อง ๆ กลุ่มนี้มีความตั้งใจที่จะพัฒนาตัวเองและครอบครัว ที่สำคัญเป็นเด็กมีความฝันที่จะก้าวต่อไปในระบบการศึกษาไทย”

ดร.ไกรยส ภัทราวาท กล่าวว่า การลงทุนด้านการศึกษา เป็นการลงทุนที่สร้างผลกระทบสูงต่อประเทศ กสศ. มีโอกาสทำงานวิจัยร่วมกับองค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ (OECD) ซึ่งจัดสอบ PISA ทุก ๆ 3 ปี เพื่อประเมินทักษะนักเรียนมากกว่า 60 ประเทศ พบว่าในระบบการศึกษาทั่วโลกจะมีเด็กเยาวชนที่เรียกว่ากลุ่ม “เด็กช้างเผือก” หรือ “Resilient Student”  คือเด็กที่อยู่ในครัวเรือนยากจนที่สุด 25 เปอร์เซ็นต์ข้างล่างของประเทศที่มีศักยภาพสูงด้านการเรียน มีโอกาสเรียนต่อในระดับมัธยมปลายหรือประกาศนียบัตรวิชาชีพหลังจบ ม.3 ไม่ถึงครึ่ง โดยประเทศไทยกำลังอยู่ในความเสี่ยงจะสูญเสียทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณภาพหรือที่เรียกว่าปรากฏการณ์ The Lost Einsteins

“ทั่วโลกกำลังพยายามค้นหา เฟ้นหา และสนับสนุนโอกาสให้มีไอน์สไตน์น้อยมากขึ้นเรื่อย ๆ โอกาสในเส้นทางการศึกษาจะช่วยให้น้อง ๆ สามารถเติบโตไปเป็นแพทย์ พยาบาล วิศวกร นักเศรษฐศาสตร์ คุณครู หรือเป็นผู้นำในการช่วยเหลือสังคม เป็นนายช่างใหญ่ เป็นผู้บริหารที่เติบโตในสายอุตสาหกรรม เป็นโอกาสสำคัญที่ประเทศไทยจะมีประชากรกลุ่มนี้เป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศชาติต่อไปในอนาคต”

ดร.ไกรยส กล่าวต่อไปว่า การค้นหานักเรียนกลุ่มเป้าหมายให้มาเจอกับภาคเอกชนที่มีใจ รวมถึงมีวิสัยทัศน์ในการพัฒนาสังคมให้เกิดความยั่งยืน ถือเป็นบทบาทสำคัญของ กสศ. ในการเหนี่ยวนำความร่วมมือเพื่อแก้ปัญหาความยากจนข้ามรุ่นด้วยการศึกษา

“ฝากถึงน้อง ๆ ทุกคนว่า เราเป็นเด็กมีความสามารถ มีความมุ่งมั่นที่ชัดเจน และมีผู้ใหญ่ในภาคเอกชนมองเห็นและให้โอกาส ขอให้น้อง ๆ ดูแลตัวเอง ครองตนเอง และพัฒนาตนเองเพื่อเป็น Role model หรือเป็นต้นแบบให้น้อง ๆ รุ่นต่อไปมองเราเป็นแรงบันดาลใจที่จะพัฒนาตัวเองให้เหมือนกับพวกเรา ทำให้ทุนสานฝันในวันนี้ไม่หยุดอยู่แค่รุ่นของเรา แต่จะเป็นวงจรหมุนต่อไปหลาย ๆ รุ่นในอนาคต ถ้าวงจรสามารถหมุนไปได้เช่นนี้ เชื่อว่าจะสามารถยุติวงจรความยากจนข้ามชั่วรุ่นได้ด้วยพลังความร่วมมือของภาครัฐกับภาคเอกชน และพลังการพัฒนาตนเองของน้อง ๆ ที่เป็นต้นแบบรุ่นแรก”

ด้าน แคทลียา ธีระโกเมน รองผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่สายงานย่อยความรับผิดชอบต่อสังคม บริษัท เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป ตื่นเต้นและดีใจอย่างยิ่งที่ได้พบกับน้อง ๆ ทุนสานฝัน อยากเจอทุกคนตั้งแต่ปีที่แล้วแต่ด้วยสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด–19 ทำให้ไม่ได้พบกัน โดยเชื่อว่าน้อง ๆ ทุกคนต้องปรับตัวกันเยอะมาก ทั้งชีวิตการเรียน ชีวิตการทำงาน จึงขอชื่นชมว่าทุกคนเก่งมากที่ผ่านสถานการณ์มาได้

แคทลียา ธีระโกเมน รองผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่
สายงานย่อยความรับผิดชอบต่อสังคม บริษัท เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)

“ในโอกาสนี้ขออวยพรทุกคนล่วงหน้า ให้ประสบความสำเร็จในการเรียนรู้ จะในห้องเรียน นอกห้องเรียน ในการทำงาน และการตามหา passion หรือว่าตามหาความฝันของตัวเอง ขอให้น้อง ๆ ทุกคนมีความสุขในเส้นทางการศึกษา” แคทลียา กล่าวคำอวยพรทิ้งท้าย

ทั้งนี้ กิจกรรมพี่คุยกับน้องออนไลน์นักเรียน “ทุนสานฝัน” ปีการศึกษา 2564 มีการแลกเปลี่ยนประสบการณ์โดยทีมงานบริษัทเอ็มเคเรสโตรองต์กรุ๊ปจำกัด (มหาชน) เรื่อง “เรียนและทำกิจกรรมอย่างไรให้มีความสุข จบแล้วมีงานทำ” แบ่งเป็น 3 หัวข้อ ได้แก่ 1. คุณสมบัติและบุคลิกที่บริษัทต่าง ๆ มองหา โดยแนะนำคุณสมบัติต่าง ๆ ที่นักเรียนควรมี เช่น ทัศนคติเชิงบวก มีไหวพริบในการแก้ปัญหาได้ดี มีความอดทน มีความรับผิดชอบ มีความสามารถหลากหลาย สามารถปรับตัวให้เข้ากับองค์กรได้ดี ความสามารถด้านภาษา คอมพิวเตอร์ มีความรู้ความสามารถพื้นฐานในสายงานที่เกี่ยวข้อง 2. การทำอะไรที่ชื่นชอบได้ดีและมีโอกาสสร้างเป็นงาน เช่น การทำกิจกรรมหลากหลายเพื่อค้นหาความถนัดของตนเอง การเข้าร่วมกับชมรมในโรงเรียน การออกค่าย หรือการเป็นคณะทำงานที่ได้ฝึกหลากหลายทักษะ หรือการไปเป็นลูกจ้างตามร้านอาหารเพื่อมีรายได้เพิ่มและฝึกการเข้าสังคมผู้ใหญ่ การเล่นกีฬาที่ชอบเพื่อนำไปสู่การเป็นนักกีฬาอาชีพ และ 3. การวางแผนการเงินส่วนบุคคล Work Life Balance และการดูแลสุขภาพทั้งร่างกายและจิตใจ เช่น วิธีการวางแผนทางการเงิน ลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็น และการหารายได้พิเศษเพื่อเพิ่มรายได้ในระหว่างเรียน รวมถึงการรักษาสมดุลระหว่างการเรียนและการใช้ชีวิตให้พอเหมาะพอดีไม่ให้เกิดความเครียดมากเกินไป

ภายในงานได้เปิดโอกาสให้น้อง ๆ บอกเล่าประสบการณ์ความรู้สึกเกี่ยวกับชีวิตนักเรียนทุนสานฝันเพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้กันและกัน นักเรียนทุนส่วนใหญ่ได้บอกเล่าถึงประสบการณ์การเรียนและการทำงานของตนเอง การบริหารจัดการเงินทุนที่ได้รับว่านำไปใช้จ่ายอย่างไร โดยรู้สึกดีใจที่ได้รับทุนและได้รับคำแนะนำเพื่อไปปรับใช้ในการเรียนและการทำงานต่อไปในอนาคต

นางสาวเจ๊ะฮานีซะห์ ดือเระ หรือ น้องริน นักศึกษาวิทยาลัยการอาชีพเบตง จ.ยะลา เผยความรู้สึกจากการได้รับทุนสานฝันว่า ได้นำทุนไปใช้จ่ายเป็นค่าหอพัก ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าชุดนักเรียน ค่าบำรุงการเรียน และค่าเดินทางไปเรียน อีกส่วนเก็บเป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัวและวางแผนว่าจะนำไปลงทุนขายเสื้อผ้าออนไลน์เพื่อนำกำไรมาต่อยอดลงทุนขายเสื้อผ้าต่อไป กำไรบางส่วนจะใช้ดูแลน้องชายเพื่อแบ่งเบาภาระครอบครัว โดยปัจจุบันได้ทำงานไปด้วยและเรียนไปด้วย

นางสาวสุดารัตน์ หงษ์เวียงจันทร์ หรือ น้องนาเดียร์ นักเรียนโรงเรียนดอนคาวิทยา จ. สุพรรณบุรี กล่าวว่า แม้โรงเรียนไม่มีค่าเทอม แต่ยังมีค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เช่น ค่าประกัน ค่าชุดนักเรียน ค่าอุปกรณ์การเรียน โดยได้ทุนสานฝันมาช่วยดูแล บางส่วนได้นำไปช่วยแม่ส่งน้องเรียนและช่วยค่าใช้จ่ายในบ้านอย่างค่ากับข้าว บางเดือนถ้ามีงานพิเศษเข้ามา เช่น คุณครูจากโรงเรียนเก่าจ้างไปเฝ้าห้องอินเทอร์เน็ตในโรงเรียนของชุมชนช่วงวันหยุดก็จะมีรายได้ส่วนนี้เข้ามาช่วยอีกทาง 

สอดคล้องกับ นายธนปกรณ์ ดอกจันทร์ นักเรียนโรงเรียนสลกบาตรวิทยา จ.กำแพงเพชร เผยว่า ได้นำเงินไปจ่ายค่าเทอม ค่าชุดนักเรียน อุปกรณ์การเรียน อุปกรณ์กีฬา เพราะตนชอบเล่นตะกร้อ จึงซื้อมาไว้ฝึกซ้อมที่บ้าน นอกจากนี้ยังนำเงินไปลงทุน กำไรที่ได้จะนำไปฝากไว้กับธนาคารโรงเรียน แม้เป็นจำนวนไม่มากแต่จะพยายามไปฝากไว้เรื่อย ๆ

“ผมขอขอบคุณผู้ใหญ่ใจดีจาก MK และ กสศ. ที่ได้มอบทุนการศึกษาให้กับผม เป็นโอกาสที่ทำให้ผมได้เรียนต่อและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และขอบคุณการจัดกิจกรรมในวันนี้ที่ได้มอบความรู้การวางแผนอาชีพในอนาคต ผมสัญญาว่าจะเป็นบุคคลที่พัฒนาตัวเองอยู่เสมอ และเป็นบุคลากรที่ดีของประเทศต่อไป” นายธนปกรณ์ กล่าว