สหรัฐฯ หนุนภาคเรียนฤดูร้อน หวังบรรเทาผลกระทบภาวะสูญเสียการเรียนรู้
โดย : Sarah Mervosh
แปลและเรียบเรียง : นงลักษณ์ อัจนปัญญา

สหรัฐฯ หนุนภาคเรียนฤดูร้อน หวังบรรเทาผลกระทบภาวะสูญเสียการเรียนรู้

ภาคเรียนฤดูร้อนอาจเป็นทางออกที่ช่วยบรรเทาภาวะสูญเสียการเรียนรู้ในเด็ก

หลังจากที่ต้องปิดโรงเรียนไปเป็นเวลานาน และเปลี่ยนไปเรียนออนไลน์เพื่อลดและเลี่ยงการระบาดของไวรัสโควิด-19 ในที่สุดโรงเรียนหลายแห่งในหลายพื้นที่ทั่วสหรัฐฯ ก็พร้อมเปิดเรียนอีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม เพื่อเตรียมความพร้อมให้กับนักเรียน โดยเฉพาะในระดับชั้นประถมศึกษาที่ห่างหายจากการเรียนในห้องเรียนเป็นเวลานาน จนทำให้เด็กบางคนตกอยู่ในสภาวะสูญเสียการเรียนรู้ (Learning Loss) โรงเรียนหลายแห่งทั่วสหรัฐฯ ตัดสินใจเปิดค่ายเรียนรู้ฤดูร้อน หรือซัมเมอร์แคมป์ (Summer Camp) โดยหวังจะชดเชยหรือบรรเทาภาวะสูญเสียการเรียนรู้ของเด็กหลายคน 

ถึงแม้จะช่วยไม่ได้ทั้งหมด อย่างน้อยก็ยังช่วยให้เด็กมีความรู้ในระดับที่เพียงพอสำหรับการเรียนในระดับชั้นต่อไป จนไม่ทำให้เด็กรู้สึกอึดอัดคับข้องใจ

ทั้งนี้ แม้จะมีผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษาส่วนหนึ่งออกมาแย้งว่า ช่วงปิดเทอมภาคฤดูร้อนเป็นช่วงที่เด็ก ๆ สมควรได้เรียนรู้ในสิ่งที่จะพัฒนาทักษะในด้านอื่น ๆ มากกว่าทักษะวิชาการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่ามกลางวิกฤตที่สภาพจิตใจของเด็กได้รับผลกระทบไม่มากก็น้อย

กระนั้น การเรียนภาคฤดูร้อนเหมือนจะเป็นเครื่องมือเพียงหนึ่งเดียวที่เหลืออยู่ที่หลายฝ่ายมองว่าจะเป็นทางออกสำคัญสำหรับภาวะสูญเสียการเรียนรู้ได้ดีที่สุดแล้วในห้วงเวลานี้ 

สื่อชั้นนำระดับโลกอย่าง นิวยอร์กไทมส์ รายงานว่าจำนวนเด็กนักเรียนที่สมัครเข้าร่วมซัมเมอร์แคมป์เพิ่มขึ้นมากอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน สะท้อนความต้องการของพ่อแม่ที่อยากให้ลูกได้มีเวลาเตรียมความพร้อมต่อการเปิดเทอมจริงที่จะมาถึง อีกส่วนหนึ่งได้อานิสงส์จากมาตรการช่วยเหลือของรัฐบาลประธานาธิบดี โจ ไบเดน ที่จัดสรรงบประมาณอย่างน้อย 1,200 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ จากงบฟื้นฟูวิกฤตโควิด-19 มาช่วยให้เด็กฟื้นฟูจากวิกฤตการสูญเสียการเรียนรู้

โดยรัฐบาลประธานาธิบดีไบเดนระบุชัดว่า การเรียนซัมเมอร์เป็นหนึ่งในกลยุทธ์หลักที่จะช่วยแก้ปัญหาทางการศึกษาที่เกิดขึ้น ซึ่งเฉพาะในเมืองกิลฟอร์ด (Guilford) มีนักเรียนเข้าเรียนซัมเมอร์ถึง 12,000 คน เพิ่มขึ้น 10 เท่าจากสถิติก่อนโควิด-19 ระบาด ที่ลงเรียนเฉลี่ย 1,200 คน 

โทเน็ตต์ แมคควีน (Tonette McQueen) ครูประถมประจำโรงเรียนกรีนส์โบโร ในเมืองกิลฟอร์ด กล่าวว่า การเปิดค่ายเรียนรู้ฤดูร้อนนั้น ต่อให้มีจุดมุ่งหมายดี แนวทางถูกต้อง อุปกรณ์ครบ ครูพร้อมสอน และนักเรียนพร้อมเรียน แต่เนื่องจากปกติแล้วช่วงหยุดฤดูร้อนจะมีระยะเพียง 2-4 สัปดาห์ ดังนั้น ทางเลือกนี้อาจบรรเทาผลกระทบจากการสูญเสียการเรียนรู้ไม่ได้ทั้งหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเด็กแต่ละคนมีศักยภาพและขีดความสามารถในการเรียนรู้ที่ไม่เท่ากัน บางคนเรียนรู้ได้ช้า บางคนเรียนรู้ได้เร็ว 

ขณะเดียวกัน ผลการศึกษาวิจัยยังบ่งชี้ว่า เด็กที่มาจากครอบครัวยากจน เด็กผิวสี เด็กที่ต้องเรียนภาษาอังกฤษ และเด็กชนกลุ่มน้อย ได้รับผลกระทบจากการสูญเสียการเรียนรู้มากที่สุด เพราะสภาพแวดล้อมและบริบทเงื่อนไขในชีวิต ทำให้เด็ก ๆ ไม่สามารถเพ่งความสนใจไปกับการเรียนได้อย่างแน่วแน่เหมือนคนอื่น ๆ

กลายเป็นทั้งความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา พ่วงด้วยความเหลื่อมล้ำทางชนชั้น 

แต่ไม่ว่าใครจะว่าอย่างไร สำหรับไซออน เกรแฮม (Zion Graham) เด็กประถมวัย 8 ขวบที่หยุดเรียนไปกว่า 1 ปีกล่าวว่า การมาเรียนซัมเมอร์ไม่เพียงได้เจอครูและเพื่อนฝูงกับชั่วโมงเรียนที่แสนเพลิดเพลินเท่านั้น แต่การมาเรียนที่โรงเรียนยังช่วยให้ไซออนมีอาหารกินอิ่มท้อง สำหรับเด็กคนนี้ การเรียนภาคฤดูร้อนจึงเหมือนการมาเรียนในภาคปกติทั่วไป 

ในส่วนของเนื้อหาการเรียนการสอน ครูแมคควีน (McQueen) กล่าวว่า เน้นหนักไปที่พื้นฐานด้านการอ่านและการคิดคำนวณเป็นหลัก ซึ่งแม้จะมีเด็กส่วนหนึ่งที่แอบเบื่อเพราะไม่อยากตื่นเช้ามาเรียนบ้าง แต่สมาชิกในห้องส่วนใหญ่ รวมถึงไซออน (Zion) ต่างก็กระตือรือร้นและให้ความร่วมมือในการเรียนเป็นอย่างดี 

ทั้งนี้ งานวิจัยหลายชิ้นยืนยันว่า เด็กในวัย 8-9 ขวบ เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญสำหรับการบ่มเพาะทักษะทางการอ่าน และเด็กที่ไม่สามารถฝึกฝนการอ่านได้อย่างมีประสิทธิภาพก่อนขึ้นชั้นเรียนประถมศึกษาปีที่ 4 จะกลายเป็นนักอ่านด้อยความสามารถในระดับชั้นที่สูงขึ้นไป และมีความเสี่ยงที่จะหลุดออกจากระบบการศึกษา หรือไม่สามารถเรียนจบได้ทันเวลาที่กำหนด 

ทักษะด้านการอ่านถือเป็นปัญหาใหญ่สำหรับไซออน ซึ่งทำให้คอรี่ เกรแฮม (Corie Graham) คุณแม่ของเขาเป็นกังวล แต่เธอเองก็ไม่สามารถให้ความช่วยเหลือได้อย่างเต็มที่ เพราะต้องรับภาระทำงานและเลี้ยงดูครอบครัวซึ่งรวมถึงลูกชายทั้ง 3 คน

คอรี่เริ่มสังเกตเห็นความผิดปกติด้านพัฒนาการของไซออนในเดือนมกราคม อันเป็นช่วงที่โรงเรียนกลับมาเปิดเรียนตามเวลาปกติอีกครั้ง โดยนอกจากทักษะการอ่านของไซออนจะแย่ลงกว่าเดิมแล้ว วิชาคณิตศาสตร์ซึ่งเป็นวิชาโปรดของเขายังแย่ลงตามไปด้วย เพราะเจ้าตัวไม่เข้าใจคำศัพท์ในโจทย์เลข ทำให้อ่านโจทย์ไม่รู้เรื่อง จนคุณแม่กังวลว่าปัญหาดังกล่าวจะกระทบต่อความมั่นใจในระยะยาวของลูก

ดังนั้น อย่างน้อยในมุมมองของคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวอย่างคอรี่ การที่โรงเรียนเปิดเทอมช่วงซัมเมอร์ จะช่วยให้ไซออนมีเวลาฝึกฝนเตรียมความพร้อมสำหรับภาคเรียนการศึกษาใหม่มากขึ้น 

ทั้งนี้ ยังคงเร็วเกินไปที่จะตั้งคำถามว่า การเรียนซัมเมอร์จะเป็นประโยชน์ต่อผู้เรียนที่สูญเสียการเรียนรู้ (Learning Loss) ได้มากน้อยแค่ไหน แต่อย่างน้อยที่สุดก็เป็นประโยชน์สำหรับเด็กนักเรียนแบบไซออนในระดับหนึ่ง 

วิทนีย์ โอคลีย์ (Whitney Oaklye) หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายวิชาการแห่งเมืองกิลฟอร์ด กล่าวว่า ผลการทดสอบเบื้องต้นของเด็กนักเรียนระดับประถมศึกษาในเมืองในวิชาการอ่านและคณิตศาสตร์ ราวครึ่งหนึ่งอยู่ในระดับที่เรียกว่ามีปัญหาอย่างยิ่ง ขณะเดียวกัน ผลการศึกษาในรัฐเท็กซัสและรัฐอินเดียนา ก็เป็นไปในทิศทางเดียวกัน คือ เด็กประถมมีความสามารถด้านการอ่านและการคิดคำนวณที่ถดถอยลงไป 

รายงานระบุว่า การเปิดเรียนภาคฤดูร้อนเป็นหนึ่งในกลยุทธ์สำคัญที่พิสูจน์แล้วในระดับหนึ่งว่าสามารถช่วยให้ความรู้ทางด้านวิชาการของเด็กเพิ่มขึ้น เพียงแต่ว่า ความรู้ที่ได้ย่อมต้องอาศัยระยะเวลา โดยเงื่อนไขที่จะทำให้การเรียนซัมเมอร์ได้ผล โครงการดังกล่าวต้องกินระยะเวลาอย่างน้อย 5 สัปดาห์ และแต่ละวันจะต้องมีการเรียนการสอนด้านวิชาการอย่างน้อย 3 ชั่วโมง และที่สำคัญที่สุด คือ เด็กนักเรียนต้องเข้าเรียนที่ห้องเรียนอย่างสม่ำเสมอ 

สำหรับค่ายฤดูร้อนของเมืองกิลฟอร์ด การเข้าเรียนอย่างสม่ำเสมอถือเป็นปัจจัยที่ท้าทายอย่างยิ่ง เมื่ออัตราเข้าเรียนโดยเฉลี่ยของเด็กอยู่ที่ 65 – 75 % เท่านั้น และแม้โครงการเรียนภาคฤดูร้อนจะกินเวลายาวนาน 6 สัปดาห์ แต่บางครอบครัวกลับปล่อยให้ลูกมาเรียนแค่ 3 สัปดาห์เท่านั้น ยิ่งวันไหนที่ฝนตก นักเรียนในห้องก็จะหายไป เหลือไม่ถึง 10 คนต่อห้อง

ทั้งนี้ ครูแมคควีนแนะนำว่า นอกจากห้องเรียนช่วงซัมเมอร์แล้ว สิ่งที่หน่วยงานทางการศึกษาสมควรเตรียมแผนการไว้ก็คือ การจัดชั้นเรียนเล็ก ๆ หลังเลิกเรียนเพื่อติวพิเศษ ภายใต้การสนับสนุนเห็นชอบจากพ่อแม่ผู้ปกครอง โดยโชคดีว่า ทางการท้องถิ่นของกิลฟอร์ดได้วางแผนที่จะใช้งบราว 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในการจัดภาคเรียนฤดูร้อนฟรีให้แก่เด็กเป็นเวลา 2 ปี รวมถึงเพิ่มอีก 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับการติวพิเศษและอุปกรณ์การเรียนการสอนที่จำเป็นเพิ่มเติมต่อไป 

แม้จะรู้ว่าไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ครูแมคควีนก็ยอมรับว่า อย่างน้อยในทุกครั้งที่ได้เห็นความกระตือรือร้นที่จะเรียนของเด็กอย่างไซออน ก็คุ้มค่าและเพียงพอแล้วที่จะจัดทำชั้นเรียนซัมเมอร์แบบนี้

ที่มา : The Pandemic Ruined Third Grade. Can Summer School Make Up for It?