กระทรวงศึกษาธิการสิงคโปร์เตรียมออกคำสั่งเปิดทางให้นักเรียนกลุ่มพิเศษที่ต้องได้รับการเรียนการสอนเพื่อพัฒนาการด้านการได้ยินหรือการพูดสามารถถอดหน้าออกอนามัยออกระหว่างเข้าเรียนในบางวิชาที่โรงเรียนได้ ซึ่งรวมถึงวิชาภาษาและการอ่าน โดยให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 29 มีนาคมเป็นต้นไป
เว็บไซต์ข่าวสถานีโทรทัศน์ แชนแนล นิวส์ เอเชีย ของสิงปโปร์ รายงานว่า การตัดสินใจของกระทรวงศึกษาธิการในครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของการผ่อนคลายกฎระเบียบควบคุมการระบาดของไวรัสโควิด-19 ของรัฐบาล
ทั้งนี้ ในช่วงเริ่มต้น ทางรัฐบาลจะใช้กับกลุ่มนักเรียนที่มีความต้องการด้านพัฒนาการทางการได้ยินและทางพูดเป็นพิเศษ โดยครอบคลุมนักเรียนในโรงเรียนอนุบาลของกระทรวงศึกษาธิการ (MOE) โรงเรียนประถมสายหลัก และโรงเรียนการศึกษาพิเศษจนถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 หรือเทียบเท่า
กระทรวงศึกษาธิการและสำนักงานพัฒนาเด็กปฐมวัย หรือ Early Childhood Development Agency (ECDA) เปิดเผยว่า กฎที่ผ่อนคลายนี้ยังนำไปใช้กับนักเรียนชั้นประถมศึกษาสายสามัญที่อยู่ในโปรแกรมสนับสนุนการเรียนรู้ โปรแกรมสนับสนุนภาษาแม่ และโปรแกรมแก้ไขการอ่าน
รายงานระบุว่า ศูนย์การแทรกแซงเพื่อการเรียนรู้ในช่วงปฐมวัยที่ได้รับทุนสนับสนุนจากรัฐบาลที่ดำเนินโครงการ Early Intervention for Children and Infants (EIPIC) ยังสามารถเลือกที่จะจัดให้มีการสอนแบบปิดสำหรับเด็กที่มีความต้องการพัฒนาการด้านการได้ยินหรือคำพูดในระหว่างบทเรียนภาษาและการรู้หนังสือ
แถลงการณ์ของกระทรวงศึกษาธิการ และ สำนักงานพัฒนาเด็กปฐมวัย ระบุว่า การรับรู้และการออกเสียงของเสียงพูดเป็นส่วนสำคัญของการพัฒนาภาษาในช่วงเริ่มต้น ดังนั้น การถอดหน้ากากออกจึงเป็นทางเลือกที่จะเปิดทางให้เด็กนักเรียนที่ต้องการการสนับสนับสนุนเพิ่มเติมเพื่อให้ได้มาซึ่งทักษะในการฟังและพูดอันเป็นพื้นฐานสำคัญของพัฒนาการทางด้านภาษา ได้รับประโยชน์จากแนวทางการสอนแบบพหุประสาทสัมผัสด้วยภาพและการได้ยิน
การตัดสินใจของกระทรวงศึกษาธิการสิงคโปร์ครั้งนี้ยังมีขึ้นหลังจากที่ทางนายกรัฐมนตรีลีเซียนลุง เพิ่งจะประกาศผ่อนปรนมาตรการจัดการความปลอดภัยหลายประการ ซึ่งรวมถึงการเพิ่มขนาดกลุ่ม และการอนุญาตให้ประชาชนไม่ต้องสวมหน้ากากเมื่ออยู่กลางแจ้ง
ทางกระทรวงศึกษาธิการ และสำนักงาน ECDA ย้ำว่า การผ่อนปรนการจำกัดการสวมหน้ากากเป็น “การเคลื่อนไหวที่เป็นไปอย่างรอบคอบ” โดยคำนึงถึงความครอบคลุมของอัตราการฉีดวัคซีนสูงในหมู่นักการศึกษาและนักเรียน ตลอดจนความคิดเห็นจากผู้ปกครองเพื่อสนับสนุนความต้องการการเรียนรู้ของนักเรียนให้ได้ดียิ่งขึ้น
“เราตั้งใจที่จะขยายการดำเนินการถอดหน้ากากอนามัยในระยะที่สองสำหรับครูทุกคนที่สอนภาษาและการรู้หนังสือสำหรับเด็กเล็กถึงระดับประถมศึกษา 1 และ 2”แถลงการณ์กระทรวงศีกษาธิการและสำนักงาน ECDA ระบุ ซึ่งการขยายดังกล่าวจะครอบคลุมโรงเรียนเด็กก่อนวัยเรียนทั้งหมด รวมถึงโรงเรียนระดับชาติ โรงเรียนมาดราซาห์ (โรงเรียนสำหรับชาวมุสลิม) และโรงเรียนการศึกษาพิเศษ โดยรายละเอียดทั้งหมดจะมีการเผยแพร่ตามมาในภายหลัง
ขณะเดียวกัน ทางกระทรวงศึกษาธิการสิงคโปร์กล่าวว่า มาตรการการจัดการที่ปลอดภัยในสภาพแวดล้อมอื่นๆ รวมทั้งค่าเล่าเรียนและศูนย์ส่งเสริมสมรรถนะการเรียนรู้ ยังคงเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
ยิ่งไปกว่านั้น เพื่อลดอัตราการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ครูและนักเรียนต้องปฏิบัติตามมาตรการจัดการความปลอดภัยที่กำหนดไว้อย่างเหมาะสมต่อไปและปฏิบัติตามสุขอนามัยส่วนบุคคลที่ดี รวมทั้งรักษาพื้นที่ส่วนกลางให้สะอาดโดยการเช็ดถูทำความสะอาดตามความจำเป็น
นอกจากนี้ ทางกระทรวงศีกษาธิการยังแนะนำให้โรงเรียนจัดการเรียนการสอนในสถานที่ที่มีอากาศถ่ายเทดี เช่น ห้องเรียนที่ไม่มีเครื่องปรับอากาศโดยเปิดพัดลมและเปิดหน้าต่างแทน หากเป็นไปได้
“กระทรวงศึกษาธิการและ ECDA จะติดตามสถานการณ์ COVID-19 ต่อไป และปรับมาตรการของเราเพื่อรักษาสภาพแวดล้อมในโรงเรียนของเราให้ปลอดภัยหากจำเป็น” แถลงการณ์กระทรวงศึกษาธิการสิงคโปร์ระบุปิดท้าย
ที่มา : Students with hearing or speech-related developmental needs can remove masks during some lessons