วัยรุ่นทั่วสหรัฐฯ แห่สมัครงานหารายได้พิเศษในช่วงปิดเทอมฤดูร้อนที่จะถึงนี้ แทนการเข้าค่ายซัมเมอร์ แคมป์ ส่งผลให้อัตราการว่างงานในหมู่วัยรุ่นลดลงเกือบแตะระดับต่ำสุดในรอบหลายสิบปี ขณะที่ภาคธุรกิจและผู้ประกอบการหลายรายเลือกใช้แรงงานวัยรุ่นมาทำงาน พร้อมให้ผลตอบแทนที่สูงขึ้น หวังแก้ไขปัญหาขาดแคลนแรงงานเป็นการชั่วคราว
เว็บไซต์ข่าวหนังสือพิมพ์ เดอะ วอลล์สตรีท เจอร์นัล รายงานว่า บรรดาวัยรุ่นชาวอเมริกันในขณะนี้กลายเป็นผู้ช่วยเหลือเหล่าเจ้าของกิจการที่กำลังประสบปัญหาในการหาคนมาทำงานอยู่ในเวลานี้
โดยข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติสหรัฐฯ แสดงให้เห็นว่า วัยรุ่นอเมริกันทั้งหลายหันมาทำงานรับซัมเมอร์กันมากขึ้น และมากกว่าในช่วงที่เกิดวิกฤตการณ์ทางการเงินในช่วงปี 2008-2009 ซึ่งเหตุผลส่วนใหญ่ที่วัยรุ่นเลือกทำงานก็เพื่อเก็บประสบการณ์ ใช้เป็นเส้นทางสู่การทำอาชีพที่สนใจในอนาคต และเก็บเงินเพื่อเป็นค่าเล่าเรียนในระดับมหาวิทยาลัย
สำหรับตำแหน่งงานส่วนใหญ่คืองานพาร์ทไทม์ในภาคอุตสาหกรรมค้าปลีก การท่องเที่ยวและการโรงแรมเป็นหลัก โดยสำนักงานสถิติแรงงาน เปิดเผยว่า การว่างงานในหมู่วัยรุ่นอายุระหว่าง 16 – 19 ปีในเดือนเมษายนที่ผ่านมา ลดลงมาอยู่ที่ 10.2% เกือบแตะระดับต่ำสุดในรอบ 68 ปีที่ 9.6% เมื่อเดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว ขณะที่ โดยรวมแล้ว ประมาณ1 ใน 3 ของวัยรุ่นสหรัฐในกลุ่มอายุดังกล่าวกำลังทำงานอยู่
ด้านเจ้าของธุรกิจหลายคนบอกว่า โดยปกติแล้วการจ้างงานเด็กวัยรุ่นเป็นเรื่องยาก เพราะเด็กเหล่านี้จะมีเงื่อนไขทางกฎหมายเยาวชนเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่เนื่องจากปัญหาขาดแคลนแรงงาน ทำให้ผู้ประกอบการเหล่านี้ ตัดสินใจปรับตารางงานให้มีความยืดหยุ่น สอคล้องกับการดำรงชีวิตของวัยรุ่น รวมถึงเพิ่มแรงจูงใจด้วยการเสนอคอร์สฝึกอบรมทักษะฝีมือต่างๆ เพื่อรองรับและดึงดูดผู้รับสมัครที่อายุยังน้อยเหล่านี้
ดังนั้น ในมุมมองของวัยรุ่นสหรัฐฯ ตลาดงานในปัจจุบันจึงเป็นงานหน้าร้อนที่ดีที่สุดครั้งหนึ่งในรอบหลายปี เพราะค่าตอบแทนสูง ทางเลือกมมากขึ้น และในกลายกรณีก็มีสวัสดิการที่มากกว่าค่าตอบแทน
Makayla McDonald สาวน้อยวัย 17 ปีในเมือง Montgomery ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างเดินทางกลับจากการทำงานกู้ภัย ซึ่งเจ้าตัวได้รับงานดังกล่าวจากโครงการสนับสนุนการจ้างงานวัยรุ่นของนายกเทศมนตรี กล่าวว่า ตนเองเองชอบทำงานอย่างมาก เพราะงานทำให้สามารถเก็บเงินเป็นค่าเล่าเรียน และมีเหลือใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน รวมถึงจัดสรรเก็บออมไว้ส่วนหนึ่งสำหรับเริ่มต้นทำธุรกิจของตนเอง
สำหรับเหตุผลที่ต้องหางานทำ McDonald ยอมรับว่า ตนเองมาจากครอบครัวคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว ดังนั้น จึงอยากช่วยแบ่งเบาภาระ ซึ่งก่อนหน้านี้ ช่วงฤดูร้อนปีที่แล้ว McDonald เองก็ทำงาน 6 วันต่อสัปดาห์ ตั้งแต่ 8.00 – 17.00 น. ในฐานะเจ้าหน้าที่กู้ภัยตามชายหาด ซึ่งมีความท้าทายอย่างมาก แต่ก็ให้ผลตอบแทนที่คุ้มมากเช่นกันคือ 10 ดอลลาร์สหรัฐต่อชั่วโมง
ทั้งนี้ ก่อนหน้าวิกฤตการระบาดของไวรัสโควิด-19 อัตราการจ้างงานวัยรุ่นชาวอเมริกันลดลงจนแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 50 ปี เหตุผลส่วนหนึ่งเป็นเพราะหลายธุรกิจนำระบบอัตรโนมัติและหุ่นยนต์มาทำงานมากขึ้น ขณะที่อีกส่วนหนึ่งหันไปพึ่งพาแรงงานอพยพที่มีค่าแรงถูกกว่า
Alicia Sasser Modestino นักเศรษฐศาสตร์แรงงานที่ศึกษาเรื่องแรงงานเยาวชนกล่าวว่า หลังวิกฤตโควิด-19 ประชากรวัยผู้ใหญ่ของสหรัฐฯ ต่างครุ่นคิดพิจารณาการหางานประจำทำอย่างจริงจัง ทำให้ตำแหน่งงานพาร์ทไทม์ในสหรัฐฯ เหลือเป็นจำนวนมาก ประกอบการการจำกัดการเดินทางในหลายประเทศทั่วโลก ทำให้วัยรุ่นอเมริกันเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดที่ผู้ประกอบการมีในช่วงเวลานี้
ขณะเดียวกัน วิถีชีวิตของวัยรุ่นเองก็เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมเช่นกัน หลายคนต้องเผชิญปัญหาด้านสถานะทางการเงิน ทำให้วัยรุ่นเหล่านี้เริ่มตระหนักถึงความจำเป็นของการทำงานเพื่อดำรงชีวิตรอด จึงให้น้ำหนักความสำคัญกับงานมากกว่ากิจกรรมนอกหลักสูตร หรือการฝึกงานฟรีไม่มีค่าจ้าง
หมายความว่า วัยรุ่นทั้งหลายยังคงทำงานอาสาสมัครหรือกิจกรรมบางอย่างของทางโรงเรียน เพื่อเก็บประวัติสำหรับการสมัครงานอย่างจริงจังในอนาคต ในขณะเดียวกันก็เผื่อเวลาไปทำงานพาร์ทไทม์เพื่อเก็บเงิน
ทั้งนี้ ในช่วงต้นของการล็อคดาวน์ อัตราการว่างงานของวัยรุ่นอเมริกันทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 31.9% ในเดือนเมษายน 2020 ทว่า ปัจจุบันด้วยสภาวะที่ขาดแคลนแรงงาน ทำให้นายจ้างหันมาเพิ่มค่าแรงในงานรายชั่วโมงให้สูงขึ้น ทำให้วัยรุ่นมีแนวโน้มที่จะทำงานกันมากขึ้น
“เหล่าแรงงานวัยผู้ใหญ่กล่าวว่า ‘ฉันไม่ต้องการงานบริการค่าจ้างต่ำบ้าๆ นี้ที่มีตารางงานที่แน่นเอี๊ยด ผลประโยชน์เพียงเล็กน้อย และลูกค้าที่หยาบคาย ดังนั้น นายจ้างทั้งหลายตึงต้องเบนเข็มไปหาเยาวชน” Modestino อธิบาย
รายงานระบุว่า ขณะที่หลายเมืองใหญ่ทั่วสหรัฐฯ ต่างจัดกิจกรรมจ็อบแฟร์ ขึ้นเพื่อส่งเสริมอัตราการจ้างงาน โดยผู้เข้าร่วมงานหลายร้อยคน นอกจากจะเป็นคนในวัยทำงานแล้ว ยังมีวัยรุ่น และพ่อแม่ของเหล่าวัยรุ่น เข้าร่วมงานเพื่อช่วยลูก ๆ คัดสรรงานพาร์ทไทม์สที่เหมาะสม ยกตัวอย่างเช่น งานจ็อบแฟร์ที่เมือง Arlington ที่ผู้จัดงานระบุว่า ได้ช่วยให้ผู้หางานวัยรุ่นได้สมัครงานกับนายจ้าง 30 รายสำหรับตำแหน่งในร้านค้าปลีก งานต้อนรับ ร้านอาหาร แคมป์ฤดูร้อน และสวนน้ำ
นอกจากเป้าหมายในการเก็บประสบการณ์ และเก็บเงินแล้ว วัยรุ่นส่วนหนึ่งกล่าวว่าต้องการเพิ่มพูนทักษะ เช่น ทักษะภาษาแม่ที่ติดตัวมา ทักษะงานเชิงเทคนิคที่ตนเองสนใจ ให้เก่งกาจมากขึ้น
ด้านผู้ประกอบการส่วนหนึ่ง ยอมรับว่า วัยรุ่นหลายคนทำให้พวกเขาประหลาดใจ เพราะเด็กเหล่านี้มีความรับผิดชอบไม่แพ้ผู้ใหญ่ มีความกระตือรือล้นที่จะเรียนรู้และขัดเกลาทักษะฝีมือของตนเอง ขณะเดียวกัน ผู้ประกอบการบางรายระบุว่าได้เลื่อนขั้นตำแหน่งงานให้ลูกจ้างวัยรุ่นเป็นหัวหน้ากะของงานที่วัยรุ่นเหล่านั้นรับผิดชอบอยู่ ดังนั้น แรงงานวัยรุ่นสหรัฐฯ อาจไม่ใช่ทางเลือกที่แย่ที่สุด แต่เป็นผู้ช่วยเหลือธุรกิจให้พ้นวิกฤตก็เป็นได้
ที่มา : Teens Take Up More Jobs, and More Pay, in Tight Labor Market