ผลสำรวจล่าสุดเผยนักเรียนมัธยมปลายส่วนใหญ่ทั่วสหรัฐฯมีความกระตือรือวันและความสนใจที่จะศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาเพื่อหน้าที่การงานที่ดีอนาคตน้อยลงโดยเห็นตรงกันว่ามหาวิทยาลัยไม่ใช่คำตอบเดียวสำหรับการมีอนาคตที่ดีและการระบาดของของไวรัสโควิต-19 ทำให้เด็กอเมริกันส่วนใหญ่มีมุมมองต่อการศึกษาต่อหลังจบม. ปลายที่เปลี่ยนแปลงไปคือไม่เห็นความสำคัญหรือจำเป็นใดๆ
รายงานระบุว่าความสนใจที่ลดลงครั้งนี้ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการปิดโรงเรียนนานร่วมปีเพราะการระบาดของไวรัสโคโรน่า ที่ส่งผลให้ความขัดแย้งการเมืองและการเหยียดเชื้อชาติที่สะท้อนถึงความแตกแยกรองสังคมในประเทศรุนแรงขึ้นขณะเดียวกันผลกระทบทางเศรษฐกิจจากโควิด-19 ก็ทำให้สถานะทางการเงินของหลายครอบครัวไม่พร้อมที่จะให้บุตรหลานเรียนต่อและยังไม่นับรวมถึงข้อเท็จจริงที่ว่าคำเล่าเรียนในมหาวิทยาลัยมีการปรับแพงขึ้น
ผลการสำรวจร่วมกันระหว่าง ECMC Group และ VICE Media พบว่ามีเพียง 1 ใน 4 ของนักเรียนมัธยมปลายจำนวน 3,202 คนเท่านั้นที่มองว่าวิทยาลัยหรือมหาวิทยาลัยเป็นหนทางเดียวที่จะทำให้ได้งานที่ดีในอนาคต
ทั้งนี้เหล่าวัยรุ่นอเมริกันที่ตอบแบบสอบถามกล่าวว่า ต้องการให้การเรียนในระดับชั้นมัธยมปลายของตนมีข้อมูลเกี่ยวกับทางเลือกหลังการเรียนจบมัธยมศึกษาตอนปลายให้มากขึ้นและหลากหลายมากขึ้น ขณะที่ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่กล่าวว่าพวกเขาต้องการต้องการจะเลือกเส้นทางชีวิตของตัวเอง แม้ว่าจะไม่แน่ใจนักว่าจะเริ่มต้นอย่างไรและชีวิตจะไปในเส้นทางโหนก็ตาม
ขณะเดียวกันครึ่งหนึ่งของนักเรียนที่เข้าร่วมการสำรวจครั้งนี้กล่าวว่าสามารถประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานในระยะ 3 ปีข้างหน้าได้หรือเชื่อว่าจะประสบความสำเร็จได้โดยไม่ต้องเรียนได้วุฒิสูงๆ
Jeremy wheaton ประธานเจ้าหน้าที่บริหารซีอีโอของ ECMC Group องค์กรไม่แสวงหาผลกำไรที่มุ่งเน้นเรื่องการศึกษาในระดับอุดมศึกษาระบุว่านักเรียนมัธยมปลายและพ่อแม่ผู้ปกครองเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิตเมื่อปีก่อนจากการระบาดของโควิด -19 นั่นหมายถึงความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นกับอาชีพรองเด็กเหล่านี้
“การเปลี่ยนแนวคิดด้านการศึกษาต่อไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรและเป็นโจทย์สำหรับครูอาจารย์และนักการศึกษาที่จะมอบโอกาสในอนาคตให้พวกเขาอย่างเหมาะสมซึ่งรวมถึงการสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับเส้นทางการศึกษาต่อที่หลากหลายในปัจจุบัน” ซีอีโอของ ECMC Group กล่าว
ด้านวัยรุ่นอเมริกันยังได้จัดอันดับปัจจัยที่นักเรียนมัธยมปลายอเมริกันในยุคนี้กังวลอันดับแรกคือค่าเล่าเรียนระดับอุดมศึกษาที่สูงลิ่วอันดับ 2 คือเส้นทางชีวิตที่ไม่แน่นอนหลังจบการศึกษาในระดับมัธยมปลายและอันดับ 3 คือรู้สึกว่าเตรียมตัวไม่พร้อมสำหรับการประกอบอาชีพหลังจบการศึกษารู้สึกไม่พร้อมที่จะก้าวต่อไป
นอกจากนี้ผลการสำรวจยังแสดงให้เห็นว่า เหล่าวัยรุ่นต้องการให้โรงเรียนให้ข้อมูลเกี่ยวกับทางเลือกหลังจบมัธยมปลายที่หลากหลายกว่านี้ และเรียกร้องให้รัฐบาลและภาคเอกชนจัดเตรียมระบบการศึกษา เงินทุนการศึกษา และยกเว้นผ่อนผันเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษาด้วย
ยิ่งไปกว่านั้นมากกว่าครึ่งหนึ่งของผู้เข้าร่วมการสำรวจยอมรับว่าโควิด-19 ทำให้พวกเรากังวลถึงอนาคตอย่างยิ่งและไม่พร้อมสำหรับชีวิตในก้าวต่อไปและผลกระทบทางการเงินจากวิกฤตโควิด-19 ทำให้พวกเขาไม่อยากเรียนมหาวิทยาลัยอีก 4 ปีต่อจากนี้และไม่อยากจะเรียนต่อในระดับอุดมศึกษามากขึ้น