ถ้ามีโอกาสเลือกเกิดได้จะเลือกเกิดแบบไหนกัน เกิดในครอบครัวร่ำรวย ยากจน พอมีพอกิน ฯลฯ หลายคนอาจเลือกเกิดในครอบครัวฐานะร่ำรวยปราศจากความลำบาก แต่นั่นก็แค่ความฝันแค่บทสนทนาในวงอาหาร ช่างแตกต่างกับชีวิตจริงของ นางนุชจรี ทองสุข ในวัย 40 ปี ที่เคยฝันว่าถ้าเลือกเกิดได้ขอเกิดในครอบครัวร่ำรวยไม่ลำบากแบบที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
นุชจรี เป็นคุณ ‘แม่เลี้ยงเดี่ยว’ ดูแลลูกถึง 2 คน คือด.ช.ปกรณ์เกียรติ แก้วจินดา หรือ น้องจิม อายุ 6 ปี นักเรียนชั้น ป.1 โรงเรียนบ้านเนินรัก จ.เพชรบุรี และพี่ชายที่เรียนอยู่อีกโรงเรียน ครอบครัวเผชิญมรสุมลูกแล้วลูกเล่าจนบอบช้ำ ทั้งเรื่องสุขภาพ การเงิน คุณภาพชีวิต ครอบครัว แต่เธอยังไม่ย่อท้อดิ้นร้นตัวเป็นเกลียวทำงานส่งลูกเรียนหนังสือต่อไป
ทุกวันนี้ นุชจรี ไปรับจ้างต้มหมูวันละ 400 ตัวต่อวัน ถึงร่างกายจะซูบผอม ใบหน้าซีดเสียวจากอาการป่วยสมองและผิวหนังติดเชื้อ เนื่องจากก่อนหน้านี้ทำงานรับจ้างเก็บขยะจนถึงขั้นต้องแอดมิดอยู่โรงพยาบาลเกือบเดือนเต็ม นอนจมอยู่กับความเจ็บป่วยทรมานทุกคืน เหมือนโชคยังเข้าข้างนุชจรีมีบัตรประกันสังคมใช้ยื่นแสดงสิทธิรักษาแลกยามากินบรรเทาอาการจนดีขึ้น แบ่งเบาภาระรายจ่ายลงไปได้มากพอสมควร
อาการป่วยเริ่มดีขึ้นตามลำดับ หลังหมอเจ้าของอาการสั่งห้ามทำงานหนักและพักผ่อนให้เพียงพอ ทั้งยังกำชับหนักแน่นห้ามไปรับจ้างเก็บขยะอีกเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นอาการอาจกำเริบอย่างรุนแรง นั่นกลับดูเหมือนคำท้าทายให้นุชจรีแหกกฎปฏิบัติตามคำแนะนำนั้น
ถ้าหากเชื่อฟังหมอวันนั้นแล้วอีกสองชีวิตข้างหลังจะอยู่กินอย่างไร ลูกที่เปรียบดั่งแก้วตาดวงใจต้องมาลำบากอดข้าวอดไปโรงเรียนไม่ได้ ในเมื่อความจนมันต้อนครอบครัวจนหลังติดฝาบ้าน คุณแม่เลี้ยงเดี่ยวอย่างเธอจำต้องลุกขึ้นทำหน้าที่เสาหลักดูแลครอบครัวให้ดีที่สุด
ถึงอาการโรคภัยจะยังทรุดๆทรงๆตลอดเวลา ท่าจะสู้ความดื้อด้านของคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวคนนี้ไม่ได้เลย ทุกวันยังคงขี่มอเตอร์ไซค์ออกไปรับจ้างต้มหมูที่โรงฆ่าหมูปกติ ทำมานานกว่า 7 ปีแล้ว เฉลี่ยรายได้ต่อเดือนไม่ถึง 3,000 บาท เนื่องจากไม่ได้ไปทำทุกวันบางวันต้องหยุดงานพักร่างกายที่พร้อมแหลกสลายตลอด วันเวลาผ่านไปนุชจรียังทำงานหนักหาเงินมาให้ลูกทั้งสองคนได้ไปโรงเรียนเช่นเดิม
นุชจรี มีเหตุผลสำคัญที่ต้องทำงานหนัก ทั้งฐานะ คุณภาพชีวิต และความคิดที่ว่าตัวเองไม่มีความรู้ ไม่ได้เรียนหนังสือ แม้แต่อ่านออก เขียนได้ ยังไม่เข้าใจ ดังนั้นอย่างน้อยลูกๆต้องได้เรียนหนังสือพาตัวเองไปสู่อนาคตที่ดีกว่าชีวิตของนุชจรีในตอนนี้
ปัจจุบันคุณแม่ของ ด.ช.ปกรณเกียรติ ต้องนำรถจักรยานยนต์คันโปรดไปจำนองไว้ 4,000 บาท ยอมเสียดอกเบี้ยสุดโหดถึงร้อยละ 10 ต่อเดือน นำเงินมาใช้จ่ายในครอบครัวส่งลูกไปโรงเรียน และรักษาตัวเองจากอาการเจ็บป่วยที่ยังคงลุ่ม ๆ ดอน ๆ ไร้วี่แววจะหายในเร็ว
วันนี้ คุณแม่เลี้ยงเดี่ยวยังกรำแดดกรำงานหนักอยู่ซ้ำๆแต่ชีวิตไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนไปแม้แต่น้อย เห็นทีคงมีแค่สุขภาพร่างกายที่เสื่อมถอยลงไปตามเวลา สวนทางกับลูกสองกำลังเติบโต และจำเป็นต้องใช้เงินเพื่อศึกษาเล่าเรียน ด้วยความรักจากสายเลือดทำให้คุณแม่เลี้ยงเดี่ยวคนนี้ยังมุ่งมั่นตั้งใจทำทุกอย่างให้ลูกได้เรียนหนังสือ
ปัจจุบัน ด.ช.ปกรณ์เกียรติ กำลังได้รับการคัดกรองให้เป็นนีกเรียนทุนเสมอภาค ของกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา หรือ กสศ. และสามารถช่วยเหลือน้องได้ที่
เลขบัญชี 020161535142 ชื่อบัญชี ด.ช.ปกรณ์เกียรติ แก้วจินดา (เงินสนับสนุนเพื่อการช่วยเหลือพิเศษ) ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร สาขาเขาย้อย