ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของสถานการณ์ COVID-19 ระลอกใหม่ทำให้เด็กนักเรียนหลายจังหวัดต้องหยุดเรียนกลางคันมาอยู่กับบ้านชั่วคราว จำต้องห่างหายจากการเรียนการสอนระบบปกติในโรงเรียน ขาดการมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคมกับครูและเพื่อนร่วมชั้น จนอาจส่งผลต่อพัฒนาการด้านสติปัญญาในช่วงนี้
ในสถานการณ์เช่นนี้ การศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม หรือ DLTV นับเป็นตัวช่วยชั้นดีแก่พ่อแม่ผู้ปกครอง ครู โรงเรียน และเด็ก ทั้งที่อยู่ในเมืองใหญ่ หรือ ในถิ่นทุรกันดารห่างไกลความเจริญ สามารถเติมเต็มความรู้และการศึกษาให้กับเด็กได้โดยไม่ขาดช่วง ผ่านระบบ DLTV ที่ออกอากาศทางหน้าจอโทรทัศน์ ในระบบทีวีดิจิทัล , ระบบ KU-BAND , ระบบ C-BAND ทั้งยังเผยแพร่ทาง ออนไลน์ บนเว็ปไซต์ www.dltv.ac.th รวมทั้งปัจจุบันมี แอปพลิเคชัน DLTV ให้บริการบนสมาร์ทโฟนเพื่อความสะดวกสบายอีกช่องทางด้วย
Live ความรู้ส่งตรงถึงเด็ก พร้อมรับชมย้อนหลังได้ ตลอด 24 ชม.
หลักสูตรตารางการเรียนการสอน หรือ แผนการจัดการเรียนรู้ ออกแบบโดย มูลนิธิการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม ในพระบรมราชูปถัมภ์ ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กระทรวงศึกษาธิการ โดยมีครูระดับมืออาชีพมาเป็นวิทยากรถ่ายทอดวิชาความรู้ต่าง ๆ แบบครบถ้วน จึงเรียกครูเหล่านี้ว่า “ครูต้นทาง” ตารางการเรียนการสอนสามารถรับชมแบบไลฟ์สด รอชมล่วงหน้า หรือ รับชมย้อนหลังได้ตลอด 24 ชั่วโมง
ในบรรดาโรงเรียนขนาดเล็กประมาณ 1.4 หมื่นแห่งทั่วประเทศ ที่ใช้ระบบ DLTV เป็นแนวทางการศึกษา “โรงเรียนวัดศาลากุล” จังหวัดนนทบุรี มี “ชัยฤกษ์ วุฒิธาดา” เป็นผู้อำนวยการฯ นับเป็นโรงเรียนต้นแบบใช้ระบบ DLTV เต็มรูปแบบ 100% แม้มีนักเรียนเพียง 85 คน และ ครู 8 คน ทำให้ในสถานการณ์ COVID-19 ปรับตัวได้ไวกว่าโรงเรียนอื่น ๆ เนื่องจากที่ผ่านมาใช้ระบบ DLTV สอนเด็กอยู่แล้ว ไม่ว่าเด็กจะนั่งเรียนอยู่ในห้องเรียน หรือ นั่งเรียนอยู่กับบ้านก็ได้รับความรู้ตามมาตรฐาน สพฐ.กำหนดทุกประการ โดยทุกวิชาที่เด็กเรียน ตั้งแต่ระดับประถม 1 – 6 จัดตารางเรียนตรงกับตารางสอนของ DLTV ที่ “ออนแอร์” หรือ “ออนไลน์” ให้เด็กและครูได้รับชม
“ครูปลายทาง” หนุนเสริมการเรียนรู้
“ไลน์กลุ่ม” ประสานครู นร.ผู้ปกครอง
ในช่วงเวลาปกติ ขณะที่ครูประวิชาจะทำหน้าที่เป็น “ครูปลายทาง” ร่วมสอนเสมือนพี่เลี้ยงคอยเสริมและเติมเต็มความรู้ให้กับเด็กระหว่างนั่งอยู่หน้าจอ ทีวี ในโรงเรียน โดยเฉพาะวิชาที่ ครูปลายทาง อาจไม่เก่ง หรือ ถนัดระบบการศึกษา DLTV ช่วยได้มาก นับเป็นการหนุนเสริมการเรียนรู้ร่วมกันที่เป็นประโยชน์ทั้งครูและนักเรียน
แต่เมื่อเกิดสถานการณ์ COVID-19 โรงเรียนวัดศาลากุล ให้เรียนอยู่ที่บ้านและใช้การสอนผ่าน ทีวี หรือ โทรศัพท์มือถือกับสัญญาณอินเตอร์เน็ต ซึ่งถือเป็นสื่อการเรียนการสอนที่สามารถทำได้ง่ายในช่วงเวลานี้ สิ่งที่สำคัญคือโรงเรียนจะตั้ง “ไลน์กลุ่ม” โดยมี ครู พ่อแม่ผู้ปกครอง และ เด็กอยู่ในกลุ่มเดียวกันหมด เพื่อนัดวัน เวลา และวิชาเรียนตามตารางสอนของ DLTV กำหนดไว้
“ก่อนเรียนระบบ DLTV ในทุกเช้าเด็กทุกคนจะต้องแชททักไลน์กลุ่ม ตั้งแต่เวลา 08.15 น. เพื่อเตรียมพร้อมเรียนจริง ในเวลา 08.30 น. พอเรียนจบ 1 วิชา ทาง ครูต้นทาง จะมอบการบ้าน หรือ รายงาน ให้เด็กทำ จากนั้น ครูปลายทาง จะแจ้งเด็กในไลน์กลุ่มให้ส่งการบ้านตามที่ได้รับมอบหมาย พอเด็กทำการบ้าน หรือ รายงานเสร็จ พ่อแม่ผู้ปกครองต้องถ่ายรูปเด็กคู่กับการบ้าน ส่งเข้ามาในไลน์กลุ่ม เป็นอันว่าการเรียนการสอน 1 วิชาของวันนั้นเสร็จสมบูรณ์” ผอ.ชัยฤกษ์ กล่าวถึงระบบการเรียนการสอนในช่วงสถานการณ์ COVID-19
DLTV เหมาะกับเด็กทุกช่วงวัย
สร้าง Active Learning ได้ที่บ้าน
การเรียนการสอนแบบนี้เหมาะสมกับเด็กทุกช่วงวัย หรือ ทุกพื้นที่ โดยเฉพาะเด็กอนุบาลและประถมวัย ที่เพิ่งหัดเรียนรู้ ควรมีทางเลือกการเรียนที่หลากหลายรูปแบบผสมผสานกัน และ ในทัศนะของ ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดศาลากุล ระบุว่า ระบบ DLTV ไม่ได้เพียงช่วยเติมเต็มการเรียนการสอนในช่วงสถานการณ์ COVID-19 เท่านั้น แต่ยังช่วยสร้าง “ระเบียบวินัย” แก่เด็กได้ตั้งแต่ยังวัยเยาว์ จากการทำการบ้าน หรือ เขียนรายงานตามที่ “ครูปลายทาง” มอบหมาย แม้ไม่ได้มีครูตัวจริงเสียงจริง ยืนอยู่ตรงหน้าชั้นก็ตาม นับเป็นการสร้างกระบวนการศึกษาเรียนรู้ด้วยตัวเองจากการลงมือกระทำ หรือ Active Learning โดยมีพ่อแม่ผู้ปกครองค่อยช่วยเหลืออยู่ข้างๆ
ผอ.ชัยฤกษ์ กล่าวว่า หากนำระบบ DLTV ไปใช้อาจไม่ได้ผลดีมากในปีแรก เพราะเป็นช่วงปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของเด็ก ครู และ พ่อแม่ผู้ปกครอง แต่ในระยะยาว 4 – 5 ปีผ่านไป จะใช้ได้ผลดี ในเบื้องต้นโรงเรียนตั้งแต่ระดับผู้บริหาร และ ครูต้องเปิดใจกว้างยอมรับการเปลี่ยนแปลงกับสิ่งใหม่ โดยโรงเรียนต้องสร้าง “ครูปลายทาง” ให้เป็นนักเล่าเรื่องที่ดีและสามารถเข้าใจเนื้อหาสาระที่ถ่ายทอดจาก “ครูต้นทาง” ดังนั้นการวางแผนการสอนล่วงหน้านับว่าเป็นสิ่งสำคัญ เช่นเดียวกับพ่อแม่ผู้ปกครองมีบทบาทสำคัญมาก เพราะต้องคอยปะกบดูแลลูกอยู่ไม่ห่างคอยให้คำแนะนำตลอดเวลาไม่ปล่อยให้เด็กเสียสมาธิไปกับสิ่งยั่วยวนรอบตัว
ดังนั้น ครู โรงเรียน และ พ่อแม่ ต้องร่วมมือกันในการวัดประสิทธิภาพจากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของเด็กที่สามารถเรียนรู้ได้ด้วยตัวเองจนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเพิ่ม หรือ ดีขึ้น นี่คือดัชนีชี้วัดความสำเร็จของระบบ DLTV
ขณะนี้ DLTV กำลังจะก้าวไปอีกขั้นกลายเป็น Video on Demand ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า โดยเฉพาะเด็กที่อยู่ห่างไกลความเจริญ ระบบเครือข่ายคมนาคม โทรคมนาคม หรือ สัญญาณอินเตอร์เน็ตเข้าไปไม่ถึง ซึ่งระบบ DLTV แบบเดิมจะให้เรียนจาก Hard copy แบบออฟไลน์ ด้วยการบรรจุคลิปวีดีโอต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับวิชาที่จะทำการเรียนการสอนลงใน Flash Drive หรือ ฮาร์ดดิสชนิดพกพา เมื่อมีการปรับปรุงหลักสูตร ครูปลายทาง จะต้องเดินทางมาที่ส่วนกลาง หรือ ส่วนกลางต้องส่ง Flash Drive หรือ ฮาร์ดดิสชนิดพกพา อันใหม่ไปให้
เป้าหมายไม่ใช่แค่การศึกษาสำหรับเด็กพื้นที่ห่างไกล
แต่ต้องฝึกสมาธิและเรียนรู้ด้วยตัวเอง
สิ่งที่ ผอ.ชัยฤกษ์ ย้ำเสมอ คือ ครูและผู้บริหารของโรงเรียนที่จะนำระบบ DLTV ไปประยุกต์ใช้ ต้องเปิดใจกว้างยอมรับ เนื่องจากเป้าหมายสูงสุดของ DLTV ไม่ใช่แค่ช่องทางการศึกษาแก่เด็กที่อยู่ไกล หรือ ในช่วงสถานการณ์ COVID-19 เท่านั้น แต่ DLTV ต้องการเป็นช่องทางในการฝึกพัฒนาการสมาธิให้เด็กรู้จักจดจ่ออยู่กับเนื้อหาสาระและคำสอนของครู นับเป็นการฝึกระเบียบวินัย รวมถึงส่งเสริมให้เด็กหัดศึกษาเรียนรู้ด้วยตัวเอง
ดังนั้นทุกเช้า (ก่อนสถานการณ์ COVID-19) จะเห็นภาพเด็กนักเรียนโรงเรียนวัดศาลากุล ทำกิจกรรมนั่งสมาธิเป็นประจำทุกวัน เพื่อฝึกจิตใจให้แน่วแน่จดจ่ออยู่กับการเรียนการสอน จึงเป็นเหตุผลให้ ทำไมการจัดการเรียนการสอน DLTV ของโรงเรียนวัดศาลากุล จึงประสบความสำเร็จและเป็นต้นแบบ DLTV ระดับประเทศ
อีกทั้งมีประกาศปิดโรงเรียนไปนานแค่ไหน แต่ น้องๆ โรงเรียนวัดศาลากุล ก็ยังสามารถนั่งเรียนรู้ทุกวิชาอยู่กับบ้านได้ไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ จากสถานการณ์ COVID-19 นี่จึงอาจเป็นแนวทางที่โรงเรียนอื่น ๆ สามารถดูเป็นตัวอย่างและนำไปปรับใช้ให้เหมาะสมกับบริบทของโรงเรียนตัวเอง เนื่องจากในอนาคตสถานการณ์ COVID-19 ไม่แน่ว่าจะเนิ่นนานเพียงใด หรือ แม้สถานการณ์จะดีขึ้นแต่ก็อาจหวนกลับมาระบาดซ้ำอีกได้
ดังนั้นการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการเรียนรู้ จึงไม่ควรหยุดอยู่เพียงในห้องเรียนเท่านั้น ควรหยิบรีโมทขึ้นมาเปิดช่อง DLTV เพื่อเป็นทางเลือกใหม่ในการแสวงหาความรู้เพิ่มเติมด้วย ในช่วงกักตัวอยู่กับบ้าน เป็นการช่วยดึงความสนใจเด็กๆ จะได้ไม่วอกแวกไปกับสิ่งยั่วยุ อาทิ เล่นเกม ติดมือถือ เล่นโซเซียลมิเดีย ฯลฯ ถือเป็นการใช้เวลาให้เกิดประโยชน์อย่างแท้จริง
ร่วมสร้างโอกาสไปกับ
กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.)
www.eef.or.th/donate/
ธนาคารกรุงไทย สาขาซอยอารีย์
เลขที่ : 172-0-30021-6
บัญชี : กสศ.มาตรา 6(6) – เงินบริจาค